อาหารมื้อนี้เซียวอวี้ตั้งความหวังไว้แค่ลองชิมดูเท่านั้น ต่อให้ยากจะกลืนลงคอ แต่เขาจะไม่ไยดีสหายเลยก็ไม่ได้ ด้วยอนาคตของจวนหนิงอันโหวน่ากังวลใจจริงๆ
เพียงแต่คิดไม่ถึงว่า…อาหารมื้อนี้เขาไม่เพียงกินอย่างเอร็ดอร่อย กระทั่งเศษอาหารยังหมดเกลี้ยง ชวนให้ผู้อื่นคิดว่าเขาหิวโซมาหลายวัน
เห็นผลเช่นนี้ลู่ไป่จวิ้นพลันฉีกยิ้มกว้าง น่าเสียดายจริงๆ หากรู้แต่แรกข้าจะได้มาซ่อนตัวแอบดูอยู่ข้างๆ เพราะหลังจากเหตุการณ์ ‘ผิดคาด‘ หนนี้แล้ว ต่อไปเจ้านี่จะต้องระวังมากเป็นพิเศษแน่ คิดอยากเห็นภาพอัศจรรย์นี้อีกคงยากยิ่ง!
“วันนี้ตอนเที่ยงข้าไม่ได้กินอะไรมาก่อน ถึงได้กินมากไปหน่อย” ที่เซียวอวี้เกลียดที่สุดคือการแก้ตัว แต่เมื่อเผชิญหน้ากับรอยยิ้มล้อเลียนของสหาย เขาก็รู้สึกว่าควรต้องอธิบายอะไรออกไปบ้าง
ลู่ไป่จวิ้นหัวเราะอย่างมีเลศนัย เจ้ารู้หรือไม่ว่ายิ่งแก้ยิ่งแย่ “ข้าเข้าใจ กว่าจะขอร้องคนทำมาได้ก็ยากเย็น เจ้าย่อมต้องท้องว่างรอคอยจะได้กินอยู่แล้ว”
เซียวอวี้กระแอมให้คอโล่งอย่างขัดเขิน “เอาเถิด ข้าเห็นด้วยกับความคิดของเจ้า หากหอสุราในเมืองหลวงได้เขาเป็นผู้คุมการปรุง หอสุราของเจ้าจะต้องรุ่งเรืองอย่างแน่นอน”
“ไม่ต้องให้มาคุมการปรุงหรอก เพียงรับผิดชอบชี้แนะพ่อครัวในหอสุราเท่านั้น”
เซียวอวี้ผงะไป “เพราะเหตุใด”
“พอดีเขาไม่ชอบทำอาหารให้คนนอกกินน่ะ” เว้นไปเล็กน้อยลู่ไป่จวิ้นก็เอ่ยต่อประหนึ่งขอรับรางวัล “วันนี้ที่ยอมทำอาหารให้เจ้าเพราะข้าได้ช่วยเหลืออีกฝ่ายครั้งใหญ่ ถือเป็นการตอบแทนน้ำใจจึงยอมแหกกฎครั้งหนึ่ง”
“ทั้งที่ทำอาหารเป็นแต่กลับไม่ชอบทำอาหารให้คนนอกเสียอย่างนั้น นี่เป็นหลักการใดกัน” เซียวอวี้ลิ้นแทบผูกเป็นปมด้วยอับจนคำพูด แม้ใต้หล้านี้จะมีเรื่องแปลกประหลาดมากมาย แต่เรื่องนี้ออกจะพิกลเกินไปแล้ว!
ลู่ไป่จวิ้นแบมือออกสองข้าง “ข้าเองก็ไม่เข้าใจ”
เซียวอวี้มองจานเปล่าบนโต๊ะแวบหนึ่ง ก่อนเลิกคิ้วเอ่ยอย่างท้าทาย “บนโต๊ะนี้เขาทำเองหมดเลยหรือ”
ลู่ไป่จวิ้นอดกลอกตาใส่ไม่ได้ “หากไม่ใช่เขาทำออกมา แล้วจะให้พวกมันโผล่ขึ้นมาเองหรือไร”
“เรื่องที่เจ้าเปิดหอสุราที่เมืองหลวงข้าเอาด้วยหนึ่งส่วน” หากเป็นเช่นนี้เขาคงจะได้เห็นหน้าพ่อครัวผู้นี้เสียที
“จริงหรือ!” ลู่ไป่จวิ้นสองตาลุกวาว หากมีกำลังทรัพย์จากสหายคอยช่วยเหลือ สถานที่กับขนาดของหอสุราก็จะไม่ถูกจำกัด
เซียวอวี้พยักหน้า “จะจัดให้พวกเราพบหน้ากันเมื่อใด”
ลู่ไป่จวิ้นชะงักไปเมื่อคิดถึงเรื่องนี้ “ข้ายังไม่ได้ถามความเห็นเขาเลย ไม่รู้เขาจะยอมร่วมด้วยหรือไม่”
“แค่ออกสูตรอาหารก็ได้นั่งรับเงินหนึ่งส่วน เขาจะปฏิเสธไม่เอาด้วยหรือ”
ลู่ไป่จวิ้นส่ายหน้าอย่างไม่เห็นด้วย “สองฝ่ายมีผลประโยชน์ตรงกันจึงจะทำงานร่วมกันได้ยาวนาน สำหรับพวกเราทั้งคู่นี่ถือเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด กลัวก็แต่เขาจะไม่ยินดีเข้าเมืองหลวง”
“เทียบกับเซียงโจว เมืองหลวงย่อมมี ‘โอกาสหาเงิน’ มากกว่า ขอแค่เขาไม่โง่เขลาก็ควรแยกแยะได้ชัดเจนว่าตัดสินใจเช่นไรจึงจะดีต่ออนาคต ไม่มีทางเด็ดขาดที่จะทิ้งโอกาสดีเช่นนี้ไป”