ดุจรักดั่งห้วงดาราพร่างพราย
ทดลองอ่าน ดุจรักดั่งห้วงดาราพร่างพราย บทที่ 113
เฉิงเซ่าซางไม่ได้เก็บมาใส่ใจ ไหนๆ นางกับเขารู้จักกันมานานเพียงนี้ น้อยครั้งที่สองคนจะแยกย้ายกันอย่างรื่นรมย์ ตอนนี้นางเป็นห่วงรัชทายาทมากกว่า ถึงอย่างไรก็นับได้ว่าเท้าครึ่งข้างของนางเหยียบอยู่บนเรือรัชทายาทลำนี้แล้ว
นับแต่ชวีหลิงจวินจากไป มีอยู่พักหนึ่งรัชทายาทห่อเหี่ยวยิ่ง กับคนภายนอกย่อมประกาศไปว่ารัชทายาทยัง ‘รักษาอาการบาดเจ็บ’ อยู่ วิธีปลอบใจของหลิงปู้อี๋แสนจะโผงผางและเรียบง่าย นั่นคือไปขอฮ่องเต้ตรงๆ ให้โยนงานแก่รัชทายาทมากหน่อย คนเราพองานยุ่ง ก็จะไม่มีเวลามาอารมณ์เปราะบางอีก ในมุมมองของหลิงปู้อี๋ พวกที่มีเวลาอันดีงามทั้งไม่เจ็บไข้แต่กลับคร่ำครวญนั้น ส่วนใหญ่ล้วนเป็นเพราะว่างงานนั่นเอง
ที่บังเอิญยิ่งคือชุยโย่วก็คิดเห็นแบบเดียวกัน เขาหมายจะควบคุมบรรดาบุตรหลานชนชั้นสูงที่กระโดดโลดเต้นอยู่ในกองทัพ จึงจำต้องมอบหมายภารกิจหางานให้คนเหล่านี้ไม่หยุดหย่อน เพื่อการนี้ชุยโย่วไม่เสียดายที่จะดั้นด้นข้ามภูเขาสืบเสาะไปทั่ว ค้นหาค่ายโจรขนาดเล็กหลายแห่งอย่างยากเย็นแสนเข็ญมาให้เหล่าหนุ่มน้อยได้ซ้อมมือ
แรกเริ่มเหล่าคุณชายผู้แสนฮึกเหิมที่แม้แต่เชือกเกี่ยวขาม้ากับร่องดักม้ายังแยกแยะไม่ออก สมรภูมิแรกๆ ถึงกับมีหลายคนถูกจับเป็น ต้องให้ชุยโย่วจ่ายค่าไถ่ตัว ยิ่งมีบางคนติดตามหน่วยลาดตระเวนไปสืบเส้นทางแล้วพบเจอสตรีที่บอบบางน่าสงสารมาขอความช่วยเหลือ กระตุ้นให้เลือดโง่งมกำเริบจนหวิดจะถูกรวบเข้าตาข่ายกันหมดทั้งหน่วย ที่น่าขันที่สุดต้องนับพวกคุณชายที่ทะเล่อทะล่าไปสืบข่าวจากร้านสุราในเขตที่อยู่ของค่ายโจร ตอนไปท่วงทีสง่างาม ไม่ยึดติดกรอบธรรมเนียม เพียงเจอยาสลบไปหนึ่งกำมือก็ถูกเปลื้องผ้าจนเปลือยเปล่า มัดห้อยโตงเตงในป่าแบบผู้นิยมความเจ็บปวด ยังดีชุยโย่วมีน้ำใจงามยิ่ง ตอนที่ไปช่วยหลายคนนี้เขาสั่งให้ทหารกลุ่มใหญ่แยกย้ายไปก่อน เพียงส่งคนสนิทที่ปิดปากสนิทไม่กี่คนเข้าไปเป็นพิเศษ เมื่อเหล่าผู้เสียหายเดินทางกลับมาย่อมจะซาบซึ้งในตัวท่านครูชุยล้นใจ
ไม่กี่หนต่อมาบรรดาลูกผู้ดีหากมิใช่หมดอาลัยตายอยาก ก็คือรู้จักระวังรอบคอบแล้ว มีหนึ่งในสามส่วนเลือดตกยางออกจนถึงระดับที่ห่อส่งกลับเมืองหลวงได้เสียที ชุยโย่วพึงพอใจกับการแสดงฝีมือของโจรเหล่านี้อย่างยิ่ง จึงโบกมือเปิดโอกาสให้สวามิภักดิ์ทุกราย
ด้วยเหตุนี้ข่าวตีเมืองโซ่วชุนแตกยังไม่ยักจะส่งมา หนังสือที่ขุนนางท้องถิ่นกราบทูลขอคุณความชอบให้ชุยโย่วกลับกองเต็มโต๊ะแล้ว ฮ่องเต้รู้สึกหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออกอยู่บ้าง
ขณะที่เฉิงเซ่าซางกังวลอยู่ว่าท่านอาชุยเดินทัพชักช้าเช่นนี้ จะทำให้ศึกปราบกบฏเสียการหรือไม่นั้น รัชทายาทก็มาแจ้งข่าวดีที่ตำหนักฉางชิวอย่างคึกคัก
“ต้องบอกว่าชุยโหวเปี่ยมสติปัญญาจริงๆ ที่แท้เขาจงใจแพร่ข่าวออกไปว่าบุตรหลานตระกูลชั้นสูงในกองทัพไม่อยู่ในโอวาท ทั้งไปปราบโจรอย่างเอิกเกริก ทำให้พวกพ้องกบฏแซ่เผิงหลงนึกว่าทัพใหญ่มิเพียงอยู่ไกลถึงขอบฟ้า ซ้ำสถานการณ์ยังยุ่งเหยิงจนน่ากลุ้มใจแทน ใครจะรู้ชุยโหวได้ลอบส่งจื่อเซิ่งนำทหารม้าเกราะเบาเดินทางลัดทั้งวันทั้งคืนรุกเข้าจู่โจมแล้ว! ไม่กี่วันก่อนจื่อเซิ่งตีปราการแรกแตก ทั้งฟันสังหารแม่ทัพกองหน้าผู้หนึ่งของกบฏแซ่เผิงด้วย!”
“นี่มิใช่กลยุทธ์ ‘ต่อหน้าซ่อมทางข้ามผา ลับหลังบุกยึดเฉินฉาง’* หรอกหรือ” ฮองเฮายิ้มกล่าว “ทุกคนล้วนนึกว่าในสถานการณ์ที่จำนวนทหารต่างกันลิบลับ ทัพใหญ่ของชุยโหวย่อมทุ่มกำลังประชิดเมือง ใครจะรู้ชุยโหวกลับส่งทัพย่อยจู่โจมแบบไม่คาดฝัน”
เฉิงเซ่าซางกลับเอ่ยอย่างเป็นกังวล “ใต้เท้าเหล่านั้นฝากฝังบุตรหลานของตนต่อชุยโหว หากจื่อเซิ่งชิงผลงานไปจนสิ้น จะไม่ทำให้ผู้อื่นตำหนิเอาหรือ”
รัชทายาทยิ้มตอบ “เจ้าวางใจได้ ชุยโหวออกจะปราดเปรื่อง งานสะสางผลพวงกับไล่ล่าทหารกบฏที่แตกพ่ายยังมีเหลือให้คุณชายเหล่านั้นอีกมาก”
“นี่ค่อยยังชั่ว” เฉิงเซ่าซางผงกศีรษะรับ “หวังว่าผู้อื่นจะสร้างคุณความชอบมากหน่อย อย่าให้จื่อเซิ่งสะดุดตาเกินไปเลย”
รัชทายาทลอบคิด…หนนี้ที่เสด็จพ่อทรงหวังก็คือจะให้หลิงปู้อี๋ได้ออกหน้าออกตาได้อวดฝีมือมากๆ นี่เอง มีหรือจะเป็นดังที่เจ้าคิดได้ เพียงแต่รัชทายาทมีอุปนิสัยโอนอ่อน จึงเอ่ยคล้อยตามถ้อยคำของเด็กสาว “เจ้าวางใจเถิด เหล่าบุตรหลานตระกูลชั้นสูงใช่ว่าจะเป็นคนหนุ่มเสเพลเสียทั้งหมด บัดนี้การศึกแม้ยังไม่ยุติ ทว่ามีผู้กล้าหนุ่มหลายคนเริ่มเผยฝีมืออันโดดเด่นให้เห็นแล้ว สถานการณ์ตอนท้ายจะต้องชื่นมื่นด้วยกันทุกฝ่ายแน่”
เขาหันไปกล่าวกับฮองเฮาต่อ “เสด็จแม่ ไม่กี่วันนี้เสนาบดีโหลวยินดีปรีดายิ่ง ทรงทายดูเป็นอย่างไร ที่แท้เร็วๆ นี้หลานชายของเขานามโหลวเปิน ชื่อรองจื่อเหวย สร้างคุณความชอบครั้งใหญ่เลยนะพ่ะย่ะค่ะ”
“โหลวจื่อเหวย? เขาติดตามกองทัพไปโซ่วชุนด้วยหรือ ไฉนแม่ไม่ยักได้ยิน” ฮองเฮาถาม
“เขาจะติดตามกองทัพได้อย่างไรพ่ะย่ะค่ะ เขาเป็นผู้รักเสรีออกท่องไปทั่วสี่สมุทร ทั่วร่างผ่าเผยเป็นตัวของตัวเองออกปานนั้น!” รัชทายาทยิ้มกล่าว “เสด็จแม่ยังทรงจำอำเภอถงหนิวแห่งนั้นได้หรือไม่ เป็นเพราะในอำเภอมีโรงหลอมทองแดง นายอำเภอทุกสมัยจึงเสริมปราการรอบตัวอำเภอจนสูงหนาแข็งแกร่ง หากจะฝืนบุกตีจริงๆ เกรงว่าต้องเจ็บตายกันไม่น้อย ใครจะรู้โหลวจื่อเหวยมีวาทศิลป์เป็นเลิศ รู้ซึ้งในวิถีแห่งการทูต ถึงกับโน้มน้าวแม่ทัพของกบฏแซ่เผิงที่รักษาอำเภอถงหนิวจนละทิ้งความมืดมาสู่ความสว่าง ด้วยเหตุนี้อำเภอถงหนิวแห่งนั้นจึงเสียไปแล้วได้คืนโดยไม่ต้องเสียทหารแม้แต่นายเดียว!”
ในใจเฉิงเซ่าซางพลิกไปอีกทาง โหลวเปิน? นั่นคือพี่ชายร่วมอุทรของโหลวเหยาไม่ใช่หรือ อาศัยผลงานนี้ คาดว่าหนนี้โหลวเหยาคงไปเป็นขุนนางในท้องที่ที่ดีและอยู่ใกล้หน่อยได้แล้ว เหอเจาจวินก็คงไม่คัดค้านอีก