เฉิงเซ่าซางอึ้งงันไปวูบเดียวก็หวั่นไหวอย่างยิ่ง คราวก่อนติดตามอาสามขาหมูไปต่างเมือง แม้ประสบกับเรื่องสลดใจ กระนั้นช่วงเวลาที่เหลือยังคงเริงรื่นชื่นบาน ได้รับผลดีมากมาย
“เซ่าซางๆ” วั่นชีชีจับมือสหายรัก อารมณ์คึกคักกระตือรือร้นฉาบล้นใบหน้า “เจ้าไปด้วยกันกับพวกเรานะ! ตอนนี้ยิ่งมุ่งลงใต้ยิ่งอบอุ่น เจ้าก็ถือเสียว่าไปเที่ยวชมขุนเขาลำน้ำแล้วกัน…”
เฉิงเซ่ากงพูดเหน็บแนมอยู่อีกด้าน “ตอนนี้ช่วงเวลานี้ขุนเขาปรกด้วยหิมะ ลำน้ำจับตัวเป็นน้ำแข็ง จะเที่ยวชมขุนเขาลำน้ำอันใดกันเล่า”
“เจ้าหุบปากไป กล้ารื้อนั่งร้านของข้าเชียวหรือ ระวังข้าจะสาธยายท่าทางขี้แยตอนที่เจ้ากำลังผลัดฟัน!” วั่นชีชีข่มขู่จบก็ชักจูงเฉิงเซ่าซางต่อ “ใต้เท้าหลิงผู้นั้นของเจ้า วันทั้งวันทำตัวราวกับเสือกินคน คุมเจ้าแจถึงเพียงนั้น ต่อไปเจ้าแต่งกับเขาแล้ว ยิ่งออกไปข้างนอกตามใจไม่ได้!”
“ชีชี” เฉิงซ่งปรามเบาๆ “อย่าพูดเหลวไหล ระวังเหนียวเหนี่ยวบอกหลิงจื่อเซิ่ง เขากลับมาเมื่อไร เจ้าได้น่าดูชมหรอก”
“ไม่เป็นไร” เฉิงเซ่าซางโบกมือ สีหน้าเยือกเย็น “พี่ชีชีไม่ได้พูดผิดเสียหน่อย หากเทียบกันจริงๆ ล่ะก็ ผู้คุมนักโทษในกรมอาญาทุกคนรวมกันก็ยังโดดเด่นไม่เท่าเขาเลย ถ้าเช่นนั้น…ท่านแม่เจ้าคะ…” นางมองไปทางเซียวฮูหยินเป็นเชิงสอบถาม
เซียวฮูหยินใคร่ครวญชั่วครู่ก็ตอบตกลง “ก็ได้ ในเมื่อเซ่าซางจะไป เซ่ากง เจ้าจงไปด้วย”
เฉิงเซ่ากงตาค้าง โอดครวญทันใด “ท่านแม่ ลูกไม่ชอบออกไปข้างนอก! ลูกอยากอยู่บ้านขอรับ!”
“พูดพล่ามให้น้อยหน่อย หากไม่ใช่พักนี้พี่ใหญ่เจ้าถูกไอเย็นเล่นงาน นอนพักฟื้นอยู่ นึกหรือว่าจะถึงตาเจ้า!” เซียวฮูหยินกล่าว
“พี่สาม ไปเถิดนะ ไปกันเถิด ระหว่างทางได้ดูดซับปราณวิเศษจากฟ้าดิน ไม่แน่การทำนายของท่านอาจแม่นยำยิ่งขึ้นไปอีก” เฉิงเซ่าซางยิ้มละไมพลางกระตุกแขนเสื้อพี่ชายฝาแฝด
เฉิงเซ่ากงเอ่ยอย่างหัวเสีย “ที่นี่คือเมืองแทบพระบาทโอรสสวรรค์ ที่ใดในใต้หล้ายังจะมีปราณวิเศษเยอะกว่าที่นี่ได้อีกเล่า” ถ้อยคำแม้กล่าวเช่นนี้ ทว่าภายใต้พลังสยบอันกล้าแข็งของเซียวฮูหยิน เขายังคงตอบรับแต่โดยดี
ก่อนที่หนุ่มสาวทั้งสี่จะออกเดินทาง เซียวฮูหยินเริ่มกำชับกำชาตามระเบียบ
บุตรชายสองคนไม่ต้องพูดให้มากความ คำอบรมตักเตือนตลอดหลายปีมิได้สั่งสอนสูญเปล่า จะมีก็แต่เด็กสาวสองคนที่ตึงมืออยู่บ้าง คนหนึ่งเลือดร้อน ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้าน ผสมโรงเรื่องสนุกสนาน อีกคนพยศ เฉียบขาดดุดัน ไม่ยอมถูกรังแก สองคนรวมเข้าด้วยกัน เจาะแผ่นฟ้าทะลุได้ทีเดียว
เซียวฮูหยินกล่าวกับวั่นชีชีอย่างจริงจัง “ตลอดทางจงเร่งเดินทางไปแต่โดยดี ห้ามเห็นความไม่เป็นธรรมแล้วสอดมือยุ่งเกี่ยว ห้ามให้เกิดเรื่องแทรกซ้อน ยิ่งห้ามเห็นความครึกครื้นในตำบลรายทางแล้วมัวห่วงเที่ยวเล่น”
วั่นชีชีตอบรับเต็มปากเต็มคำ เฉิงซ่งยั่วเย้าอยู่ด้านข้าง “เจ้าตอบรับเร็วไวดีแท้ ข้ากลัวว่าเจ้าจะทำไม่ได้สักข้อน่ะสิ!”
เซียวฮูหยินเอ่ย “ไม่เป็นไร ชีชี เจ้าฟังไว้ให้ดี หากเจ้าไม่ยอมเดินทางบนถนนหลวงไปอย่างว่าง่าย ข้าจะตีลงโทษจื่อฝู หากเจ้าบาดเจ็บหรือป่วยไข้ ข้าก็จะตีลงโทษจื่อฝู หากเจ้าก่อเรื่องก่อภัย ข้าก็ยังจะตีลงโทษจื่อฝู…เจ้าจำได้แล้วหรือไม่”
เฉิงซ่ง “…”
วั่นชีชี “…”
เซียวฮูหยินหันไปหาบุตรสาวของตน เฉิงเซ่าซางกลับยิ้มร่าอย่างไม่รู้สึกรู้สา “หรือว่าท่านแม่ก็จะตีลงโทษใต้เท้าหลิง?”
เซียวฮูหยินตอบ “แน่นอนว่าไม่ แต่หากเจ้าไม่เดินทางอย่างสงบเสงี่ยม หรือหากเจ้าก่อความวุ่นวายขึ้น แม่จะบอกจื่อเซิ่งทั้งหมด ให้เขามาเป็นคนจัดการเจ้า ขืนเจ้ากล้าป่วน แม่จะดูซิว่าครึ่งชีวิตหลังของเจ้ายังจะออกไปข้างนอกได้อีกหรือไม่”
เฉิงเซ่าซาง “…”
* กระต่ายเจ้าเล่ห์มีสามโพรง หมายถึงคนฉลาดมักมีทางหนีทีไล่หรือมีแผนการสำรองไว้มากมาย
* ตำราหลี่ว์ซื่อชุนชิว เป็นตำราที่หลี่ว์ปู้เหวยอัครเสนาบดีแคว้นฉินเป็นผู้สั่งให้เรียบเรียงขึ้น รวบรวมปรัชญาของหลายสำนักก่อนยุคราชวงศ์ฉินเข้าไว้ด้วยกันโดยมีปรัชญาสำนักเต๋าเป็นแกนหลัก หมายใช้เป็นหลักปกครองภายหลังแคว้นฉินผนวกแผ่นดินเป็นปึกแผ่น ทว่าต่อมาฉินสื่อหวง (จิ๋นซีฮ่องเต้) กลับเลือกใช้หลักคิดของสำนักนิตินิยม
** ฉีหวงหยาง คือชาวแคว้นจิ้นยุคชุนชิว เป็นขุนนางเก่าแก่รับใช้เจ้าแคว้นจิ้นถึงสี่พระองค์ ในตำราหลี่ว์ซื่อชุนชิวบันทึกไว้ว่าเมื่อเขาจะเกษียณ มิได้คำนึงถึงความแค้นส่วนตัว ยังคงเสนอชื่อเซี่ยหูศัตรูผู้ฆ่าบิดาให้มารับตำแหน่งต่อจากเขา
* ต่อหน้าซ่อมทางข้ามผา ลับหลังบุกยึดเฉินฉาง หมายถึงต่อหน้าสร้างความสับสนแก่ฝ่ายตรงข้าม ลับหลังรุกจู่โจมไม่ให้ตั้งตัว มีที่มาจากอุบายของหานซิ่นแม่ทัพของหลิวปังปฐมฮ่องเต้ราชวงศ์ฮั่น โดยส่งทหารส่วนหนึ่งไปซ่อมทางข้ามผา หลอกให้ฝ่ายตรงข้ามเข้าใจว่าจะเดินทัพด้วยเส้นทางนี้ แท้ที่จริงหานซิ่นลอบนำทัพใหญ่รุดอ้อมทางไปบุกยึดเฉินฉางแล้ว (ปัจจุบันอยู่ในเขตเมืองเป่าจี มณฑลส่านซี) ส่งผลให้ทัพฮั่นได้กลับเข้าเสียนหยางเมืองหลวงราชวงศ์ฉินในขณะนั้น ปูทางสู่ชัยชนะเหนือเซี่ยงอวี่ (ฌ้อปาอ๋อง) และการสถาปนาราชวงศ์ฮั่นในกาลต่อมา
(ติดตามต่อได้ในฉบับเต็มเดือนมีนาคม 66)