เด็กหนุ่มยืนท่ามกลางแสงตะวันที่ส่องลอดร่มไม้ลงมาเป็นดวงๆ นัยน์ตานิ่งสงบดุจน้ำลึก ไร้ซึ่งระลอกคลื่น
“หรือว่าเป็นเจ้า?!”
ชายหนุ่มนัยน์ตาแดงฉาน ไม่ไยดีงานจ้างเปื้อนเลือดที่ดำเนินอยู่ด้านล่างอีกต่อไป เขากำกระบี่ในมือแน่น ขณะได้ยินฝ่ายตรงข้ามหัวเราะเบาๆ “พี่สิบเอ็ด รู้หรือไม่เล่าว่าบัดนี้กระดูกของนางฝังอยู่ที่ใด”
เสียงระเบิดพลันกึกก้องขึ้นในโสต เขาถือกระบี่โจนเข้าใส่เด็กหนุ่มนามเจ๋อจู๋ ทว่าฝ่ายตรงข้ามพาร่างทะยานหายเข้าไปในป่าดุจขี่วายุ เบาหวิวพลิ้วละล่องราวกับปีศาจ
“แล้ว…พวกเรายังต้องลงไปอยู่หรือไม่”
สิบกว่าคนที่ยังซุ่มอยู่ตรงชายป่าเห็นร่างของทั้งคู่หายตามกันไปในแมกไม้ต่อหน้าต่อตา ใครคนหนึ่งจึงเอ่ยถามอย่างลังเล
“ในเมื่อผู้สูงศักดิ์ทั้งสองไปกันหมด พวกเราก็สลายตัวเถิด”
คนอื่นใคร่ครวญเงียบๆ อยู่สักพักก่อนตกลงใจตามนั้น
ชายป่าตรงเชิงเขาสงบลงโดยสิ้นเชิง ทว่าข้างใต้หน้าผานั่น หิมะที่สะสมตัวบนถนนหลวงเป็นชั้นหนาถูกโลหิตเดือดคลั่งย้อมจนแดงฉานและเริ่มละลาย นักรบไร้นามกว่าพันคนรุกไล่กระชั้นขึ้นทุกที ทว่าพลุสัญญาณที่จุดขึ้นฟ้าก่อนหน้านี้หาได้ไร้นามเหมือนกันไม่ ทหารหลวงที่ถูกวางกำลังไว้ล่วงหน้าในพื้นที่แถบนี้รีบรุดมาอย่างรวดเร็ว เข้าผนึกกำลังกับองครักษ์ชุดน้ำเงินสังหารกลุ่มคนไม่รู้ที่มาเหล่านี้จนสิ้น
“กระหม่อมมีโทษที่ทำให้ฝ่าบาททรงต้องตกพระทัยพ่ะย่ะค่ะ”
ชายวัยกลางคนถอดเสื้อคลุมสีดำทิ้ง เผยให้เห็นชุดลายกระเรียนเหินเมฆาสีน้ำเงินเข้มอันเป็นชุดที่ราชองครักษ์หลิงเซียวผู้อารักขาฮ่องเต้องค์ปัจจุบันแห่งต้าเยียนเท่านั้นจะสวมใส่ได้
และบุรุษผู้นี้ก็คือผู้บัญชาการกองราชองครักษ์หลิงเซียว…เฮ่อจ้งถิง
แม้ใบหน้าจะเปื้อนเลือด ทว่าเจ้าตัวก็ไม่เช็ดออก ได้แต่ประสานมือคำนับ คุกเข่าลงตรงหน้าผู้สูงศักดิ์ในเสื้อคลุมขนจิ้งจอกสีแดงอมม่วง
“พวกกบฏหนีกระเซอะกระเซิงมาถึงที่นี่ วันนี้ยังมาซุ่มโจมตี พวกมันรู้ได้อย่างไรว่าเราจะไปอารามหยวนเจวี๋ย” ฮ่องเต้ฉุนเซิ่งยังมวยผมเรียบกริบไม่ยุ่งเหยิง มีผู้ชราค้อมตัวคอยช่วยพยุงอยู่ข้างๆ ทอดตามองคนที่คุกเข่าอยู่บนพื้นหิมะ
“กระหม่อมจะตามสืบให้กระจ่างพ่ะย่ะค่ะ”
เฮ่อจ้งถิงค้อมศีรษะตอบกลับไปเช่นนั้น
“ดีที่ขุนนางเฮ่อเตรียมการรับมือล่วงหน้า รีบลุกขึ้นเถิด” รอยยิ้มบางๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าโอรสสวรรค์ ทว่าเพิ่งจะโบกมือพูดจบ จู่ๆ นางกำนัลหลายคนก็วิ่งหน้าตาตื่นมาจากข้างหลังด้วยใบหน้าซีดเผือด
“ฝ่าบาท องค์หญิง…องค์หญิงทรงหายตัวไปเพคะ!”
นางกำนัลคนหนึ่งร้องบอกเสียงสั่น
รอยยิ้มในนัยน์ตาฮ่องเต้ฉุนเซิ่งอันตรธานหายขณะจ้องมองนางกำนัลที่รายงาน
นางกำนัลตัวสั่นงันงก ไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นสบตากับเจ้าชีวิต ได้แต่พยายามสะกดเสียงให้นิ่งขณะกล่าวต่อไปว่า “ธนูไฟถูกยิงตกใส่รถม้าที่ประทับ ทำให้ม้าตื่นตกใจจนรถพลิกคว่ำ หม่อมฉันรีบวิ่งไปแหวกม่านหน้าต่างรถ แต่ก็ไม่เห็นองค์หญิงประทับอยู่ข้างในแล้วเพคะ!”
“ขุนนางเฮ่อ!”
ฮ่องเต้ฉุนเซิ่งลูบไล้แหวนหยกวงเขื่องที่สวมอยู่ สีหน้าเคร่งเครียดขึ้นเล็กน้อย
“พ่ะย่ะค่ะ”
เฮ่อจ้งถิงขานรับทันที
“ครานี้พวกกบฏเอาชีวิตเราไม่สำเร็จ ทว่าจับตัวองค์หญิงแห่งต้าเยียนไปได้ สมควรตายยิ่งนัก” ความร้อนรนที่ยากจะปกปิดสะท้อนอยู่ในน้ำเสียงเจ้าแผ่นดิน “เจ้าจงหาตัวหมิงเยวี่ยให้เจอ นางจะเป็นอะไรไปไม่ได้เด็ดขาด”
“น้อมรับพระราชบัญชา!”