บทที่ 2 ผีเสื้อทอง
เจ๋อจู๋นึกว่าตัวเองหูฝาด ความตกตะลึงสะท้อนออกมาทางสีหน้า
“หายากนะ…เจ้าซื้อตัวข้า” เขาโยนเครื่องประดับในมือเล่น ดวงตากระจ่างใสวาบขึ้นอย่างมีชีวิตชีวา ส่องประกายพราวระยับ “ฆ่าเจ้า?”
“อืม”
คำว่า ‘ซื้อตัวข้า’ ที่อีกฝ่ายเหมือนจะเอ่ยออกมาอย่างไร้เจตนานั้นแฝงความหมายคลุมเครือจนซางหรงวางตัวไม่ถูก นางรีบเบนสายตาไปทางอื่นอย่างลนลาน แต่กลับไปปะกับมือที่ถือกระบี่ของอีกฝ่ายเข้า
ปลายนิ้วขาวเรียวยาว หลังมือห่อหุ้มด้วยผิวหนังบางๆ มองเห็นเส้นเลือดกับกระดูก ดูงดงามและทรงพลัง
“การมีชีวิตอยู่เป็นเรื่องยากยิ่งบนโลกใบนี้ แต่รนหาที่ตายช่างง่ายดายนัก” ปอยผมสีดำสนิทระข้างแก้มเขาเบาๆ ท่ามกลางสายลมหนาวสะท้าน นัยน์ตาคู่นั้นกระจ่างใสไร้ความรู้สึก “ไยต้องพึ่งมือคนอื่น”
เขาคืนเครื่องประดับทุกชิ้นใส่มือนาง ก่อนจะเก็บกระบี่อ่อนเปื้อนโลหิตพันรอบเอวสอบ “ของพวกนี้…เก็บไว้ฝังร่วมกับศพตัวเองเถิด”
เสียงพูดสงบราบเรียบ ทว่าแฝงไว้ซึ่งความเฉยชาสุดหัวใจ
เด็กหนุ่มเดินผ่านข้างกายซางหรงไป นางหันไปมองอย่างมึนชา ท่ามกลางหิมะเวิ้งว้าง ร่างสูงเพรียวเหยียดตรงของเขาดูราวกับต้นสนหรือไม่ก็ต้นไผ่
ไอหมอกพร่าพราง หิมะโปรยปราย
เพิ่งจะดื่มสุราอีกจิบ ฝีเท้าของเด็กหนุ่มก็พลันหยุดชะงัก แล้วหันไปมองด้วยสีหน้าว่างเปล่า เสียงย่ำหิมะดังเข้ามาใกล้ แม่นางน้อยมอมแมมแต่ยังมอมแมมไม่มากพอคนนั้นกำลังยกชายกระโปรงวิ่งเหยาะๆ มาทางนี้
จิตสังหารของเขาอุตส่าห์ลดเลือนลงแล้ว ทว่านางกลับไม่รู้สำนึก
ต่อเมื่อใบกระบี่บางเฉียบครูดสีหัวเข็มขัดทองคำดัง ‘ชิ้ง’ ซางหรงถึงค่อยหยุดยืนตรงหน้าอีกฝ่าย โดยมีกระบี่อ่อนจ่อลำคออย่างแม่นยำ
ไอเย็นเฉียบที่แผ่ออกมาจากโลหะทำให้นางสะท้านวาบ แพขนตาสั่นระริก ขณะจ้องมองเขา ริมฝีปากไร้สีเลือดเม้มเข้าหากัน ท่าทางลังเลเล็กน้อย สุดท้ายก็ยังยื่นของที่กอบไว้ในมือไปตรงหน้าเขาอยู่ดี
นางตั้งใจจะตายอย่างแท้จริง
เด็กหนุ่มใช้สายตาสงบนิ่งมองคนตรงหน้าหลับตาลง จากนั้นจึงเลิกคิ้วอย่างประหลาดใจระคนนึกสนุกอยู่ในที
ซางหรงกลั้นหายใจ หัวใจเต้นรัวแรงอยู่ในทรวงอก แต่แล้วกระบี่อ่อนที่พาดจ่อลำคอกลับถูกดึงออกห่าง นางลืมตาขึ้น แล้วหันไปมองแม่น้ำที่กลายเป็นแผ่นน้ำแข็งตามปลายกระบี่โดยไม่รู้ตัว
“หากไม่รังเกียจว่าเมื่อครู่เพิ่งมีคนตกลงไปตายแล้วคนหนึ่งก็กระโดดลงไปได้เลย”
ใต้หลุมน้ำแข็งขนาดใหญ่นั่นเป็นที่ฝังร่างคนที่เพิ่งถูกเขาฆ่าตายไปหมาดๆ
นางมองหลุมบนผืนน้ำแข็ง ก่อนจะหันกลับมามองเขาอีกครั้ง ละล้าละลังอยู่สักพักก็ตอบเบาๆ “เห็นเขาว่ากันว่าจมน้ำตายทรมานนัก ข้าอยากตายโดยไม่ต้องทรมานถึงเพียงนั้น”
“เจ้าจะเอาอย่างไรอีก”
เจ๋อจู๋เช็ดคมกระบี่บนพื้นหิมะสองสามที เกล็ดหิมะเย็นเฉียบพลิ้วตกลงมาละลายบนเปลือกตาเขา
“จะประเสริฐสุด…หากเจ้าช่วยสร้างสุสานให้ข้าด้วย” นางถ่ายทอดความต้องการหลังตายของตัวเองออกมาจริงๆ
เด็กหนุ่มเหลือบตาขึ้นอีกครั้ง แล้วถอนหายใจอย่างเสียดาย “การจ้างวานทำนองนี้น่ะ หากไปจ้างพี่สิบเอ็ดของข้าเขาจะต้องชอบใจอย่างแน่นอน”
“พี่สิบเอ็ดของเจ้าอยู่ที่ใด”
นางเหลียวมองไปรอบตัว
เจ๋อจู๋แค่นหัวเราะ ซางหรงถูกปลายนิ้วเย็นเฉียบของเขาบีบปลายคางไว้ แล้วจับหันไปมองผิวแม่น้ำใต้ไอหมอก
“สายไปแล้ว”
เสียงเนิบนาบของเขาดังเข้าหู