X
    Categories: กระวานน้อยแรกรักทดลองอ่านมากกว่ารัก

ทดลองอ่าน กระวานน้อยแรกรัก บทที่ 12

หน้าที่แล้ว1 of 2

บทที่ 12

หลังออกเดินทางจากผางซาน รถม้าก็แล่นไปอย่างไม่เร่งรีบแต่ก็ไม่เชื่องช้าเป็นเวลาสิบวัน ในที่สุดก็เดินทางมาถึงหลิงโจว

แต่ก่อนหมิงถานไม่เคยเดินทางออกจากเมืองหลวงมาก่อน นางรู้แค่ว่าที่หลิงโจวการค้าขายทางทะเลเจริญก้าวหน้า เศรษฐกิจรุ่งเรือง นอกจากนั้นแล้วยังให้กำเนิดหญิงสาวสะคราญโฉมมากมาย ได้ยินว่าการคัดเลือกสนมชายาในทุกสมัยที่ผ่านๆ มา หญิงสาวที่หลิงโจวส่งเข้าเมืองหลวงนั้นมีมากกว่าที่อื่นไม่น้อย ฮองเฮาพระองค์ที่สองของฮ่องเต้พระองค์ก่อนหรือก็คือซู่ไทเฮาคนปัจจุบันก็เป็นชาวหลิงโจวเช่นเดียวกัน

กระทั่งเดินทางเข้าสู่อาณาเขตของหลิงโจว หมิงถานถึงได้รู้จากปากของเจียงซวี่โดยมิได้ตั้งใจว่าที่แท้ซู่ไทเฮามิใช่แค่เป็นชาวหลิงโจวเท่านั้น สกุลซู่ที่อยู่เบื้องหลังนางยังยิ่งใหญ่ถึงขนาดกุมอำนาจในหลิงโจวมากกว่าครึ่งด้วยซ้ำ

ตั้งแต่สมัยฮ่องเต้พระองค์ก่อนจนถึงปัจจุบัน กองการค้าทางทะเลของหลิงโจวมีสกุลซู่ครองอำนาจอยู่แต่เพียงผู้เดียวมาโดยตลอด ผู้บัญชาการกองการค้าทางทะเลหลายต่อหลายรุ่นล้วนมาจากสกุลซู่ทั้งสิ้น กองเรือวาณิชที่ใหญ่ที่สุดในหลิงโจวสกุลซู่ก็เป็นผู้ออกทุนสร้างขึ้น นี่เท่ากับว่าไม่ว่าจะเป็นการค้าทางทะเลของทางการหรือของพ่อค้าวาณิชทั่วไปล้วนแต่ถูกรวบเอาไว้ในกำมือของสกุลซู่ทั้งหมด

ขุนนางท้องถิ่นในหลิงโจวตั้งแต่ระดับบนลงล่างส่วนมากต่างก็สมคบคิดร่วมมือกับสกุลซู่เช่นกัน คนที่ไม่ได้สมคบคิดหรือไม่อยากสมคบคิดก็มักจะตายอย่างผิดธรรมชาติด้วยสาเหตุต่างๆ นานา

หมิงถานได้ยินแล้วก็ตะลึงลานไป “ชะ…เช่นนั้นพวกเราไม่ตกอยู่ในอันตรายหรอกหรือ”

หมิงถานได้รับการสั่งสอนมาตลอดว่าสตรีไม่อาจเข้าไปยุ่งเกี่ยวก้าวก่ายงานราชกิจ ดังนั้นนางจึงไม่เคยถามเรื่องงานกับเจียงซวี่เลยสักครั้ง การเดินทางลงใต้มายังหลิงโจวคราวนี้ นางเองก็ไม่ได้ถามเจียงซวี่เช่นกันว่ามาทำภารกิจอันใดกันแน่ มิหนำซ้ำจิตใต้สำนึกนางยังคิดไปเองว่าในเมื่อพานางมาด้วยได้ คงจะไม่อันตรายมากเป็นแน่

“กลัวหรือ” เจียงซวี่เหลือบตาขึ้นมองนาง

หมิงถานจมดิ่งอยู่กับความแตกตื่นตกใจจากการที่เพิ่งจะได้รับรู้เรื่องนี้ นางพยักหน้าเบาๆ อย่างซื่อตรง พอพยักหน้าเสร็จนางถึงค่อยรู้สึกตัว รีบเปลี่ยนเป็นส่ายศีรษะทันที แสร้งทำเป็นนิ่งสงบเยือกเย็นพร้อมเอ่ยว่า “มีสามีอยู่ทั้งคน อาถานไม่กลัวหรอก มีอันใดต้องกลัวกัน”

ถึงแม้ปากนางจะพูดเช่นนี้ แต่ร่างกายกลับซื่อตรงยิ่งนัก แผ่นหลังเกร็งเครียดขึ้นมาในชั่วพริบตา ซ้ำยังเลิกมุมม่านรถม้าออกมองสำรวจข้างนอกอย่างระมัดระวัง

เจียงซวี่ยกมุมปากเล็กน้อยจนแทบมิอาจสังเกตเห็น จากนั้นก็หลุบตาลงพลิกอ่านหนังสือ มิได้บอกนางว่าไม่ต้องเป็นกังวล

หลิงโจวเป็นหมากตัวสุดท้ายของสกุลซู่ พวกเขาย่อมไม่คาดหวังให้เกิดเรื่องขึ้นกับชินอ๋องคนปัจจุบันกับบุตรชายอัครเสนาบดีฝ่ายขวาในอาณาบริเวณนี้แน่นอน กล่าวอย่างถอยออกไปหมื่นเก้า หากมีคนมีเจตนาร้าย คิดวางแผนจะทำอันใดจริงๆ ก็ต้องดูว่าพวกเขามีความสามารถมากพอหรือไม่

ตอนเที่ยงรถม้าหยุดจอดที่อำเภอเล็กๆ แห่งหนึ่งในฝั่งตะวันตกเฉียงใต้ของหลิงโจว คนกลุ่มใหญ่เสาะหาหอสุราในตัวเมืองเพื่อพักผ่อนกินอาหาร

พวกเขานั่งอยู่ในห้องพิเศษบนชั้นสอง หมิงถานขมวดคิ้ว ขณะกำลังจะพูดว่าชาหลงจิ่ง* นี้คุณภาพไม่ดี ข้างในมีชาเก่าปะปนอยู่ด้วย ที่ชั้นล่างก็พลันเกิดเหตุการณ์วุ่นวายขึ้นมาเสียก่อน ดูเหมือนว่าจะมีคนกินอาหารแล้วชักดาบไม่ยอมจ่ายเงิน

หมิงถานมองลงไปด้านล่าง หลงจู๊หนักแน่นเด็ดขาดยิ่ง เขาสั่งให้คนขวางทางเอาไว้ หากไม่จ่ายเงินก็ห้ามออก

คนที่กินแล้วชักดาบผู้นั้นก็ไม่ยอมอ่อนข้อเช่นกัน เขาถกแขนเสื้อขึ้นแล้วเหยียบเท้าข้างหนึ่งลงบนเก้าอี้ ขากเสลดลงกับพื้นด้วยท่าทางหยาบคาย ก่อนจะตะเบ็งเสียงว่า “ถุย! บิดาจะบอกเจ้าให้เอาบุญ น้องสาวข้าได้ย้ายไปปรนนิบัติคุณหนูเก้าของบ้านสามสกุลซู่แล้ว! พอน้องข้าได้เบี้ยหวัดรายเดือนเมื่อไร ยังจะกลัวข้าไม่มีปัญญาจ่ายเงินน้อยนิดของเจ้าอีกรึ น้องสาวข้าเป็นที่โปรดปรานของคุณหนูเก้ายิ่ง ช่วยข้าให้ได้ทำงานที่จวนสกุลซู่ในเวลาแค่ไม่กี่วันก็เป็นเรื่องง่ายๆ เจ้าเลิกสะเออะไม่ดูตาม้าตาเรือเสียที!”

สมัยนี้คนกินแล้วชักดาบยังกล้าทำตัวกร่างถึงเพียงนี้อีกหรือ

ระหว่างที่หมิงถานกำลังขบคิดอย่างละเอียดถี่ถ้วนอยู่นั้น ก็เห็นว่าพอหลงจู๊ได้ยินถ้อยคำนี้แล้วเริ่มละล้าละลังขึ้นมาจริงๆ คนกินแล้วชักดาบผู้นั้นเห็นดังนี้ก็คว้าไก่ย่างมันเยิ้มครึ่งตัวที่อยู่บนโต๊ะขึ้นมาอย่างได้ใจ เดินวางท่าอาดๆ ออกไปจากหอสุรา หลงจู๊เองก็มิได้สั่งให้คนไปขวางเอาไว้อีก

ประเดี๋ยวนะ น้องสาวเป็นแค่สาวใช้ตัวเล็กๆ ที่ได้รับความโปรดปรานจากคุณหนูบ้านสามของสกุลซู่ แค่นี้ก็ทำให้เขาหยิ่งผยองอวดดีถึงเพียงนี้ได้แล้วหรือ ดูท่าสกุลซู่นี้คงจะเป็นฮ่องเต้ในหลิงโจวจริงๆ

ในใจของหมิงถานยิ่งพะวักพะวนมากขึ้น

 

สองวันให้หลัง ในที่สุดขบวนของพวกเขาก็เดินทางมาถึงจุดหมายปลายทาง ซึ่งก็คือเมืองเฉวียนเฉิงในหลิงโจว

ครั้นมาถึงเมืองเฉวียนเฉิง เจียงซวี่ก็ไม่คิดจะทำตัวเรียบง่ายไม่โดดเด่นอีกต่อไป แสดงฐานะออกมาตรงจุดตรวจประตูเมืองทันที

เมื่อเจ้าเมืองทราบข่าวคราวก็รีบร้อนเดินทางมาต้อนรับด้วยตนเองที่ประตูเมือง

“มิทราบว่าท่านอ๋องมาเยือน ผู้น้อยมีความผิดที่ไม่ได้มารอต้อนรับ ขอท่านอ๋องโปรดอภัยด้วย” เจ้าเมืองประหวั่นพรั่นพรึง ทั้งที่รู้อยู่เต็มอกว่าเจียงซวี่มาที่นี่เพราะเหตุใด แต่ก็ยังแข็งใจแสร้งทำเหมือนไม่รู้เรื่องรู้ราว อีกทั้งยังเอ่ยถามอย่างระมัดระวังหนึ่งประโยคว่า “ท่านอ๋องเดินทางมาเยือนในคราวนี้มีราชกิจต้องสะสางหรือขอรับ”

“ข้าติ้งเป่ยอ๋องจะทำอันใดจำเป็นต้องแจ้งท่านเจ้าเมืองด้วยหรือ”

“ผู้น้อยมิกล้า!”

เจ้าเมืองแทบจะขาอ่อนยวบไปหมด ตนรู้ว่าพญายมผู้นี้จะมา แต่นึกไม่ถึงว่าเขาจะแสดงฐานะออกมาอย่างเปิดเผยตรงไปตรงมาเช่นนี้ ในสถานที่หลายแห่งก่อนหน้าพญายมผู้นี้ก็เอาแต่พำนักอยู่ในโรงเตี๊ยมอย่างเงียบสงบมิใช่หรือ ไฉนพอมาถึงเมืองเฉวียนเฉิงก็เรียกตัวตนมาทันทีเล่า ตนมิใช่คนสกุลซู่เสียหน่อย!

เจ้าเมืองร่ำร้องโอดครวญอยู่ในใจไม่หยุด แต่ว่าปากก็ยังหาคำอธิบายสวยหรูว่า “ผะ…ผู้น้อยหมายความว่าท่านอ๋องจะทำการอันใด หากมีเรื่องที่ผู้น้อยพอจะช่วยเหลือได้ ผู้น้อยจะต้องให้ความร่วมมืออย่างสุดความสามารถแน่นอน!”

เจียงซวี่ปรายตามองเขาอย่างเฉยเมย “เช่นนั้นก็รบกวนท่านเจ้าเมืองด้วย”

เจ้าเมืองพยักหน้าพลางปาดเหงื่อ ก่อนนำทางพวกเขากลับที่ว่าการเมืองอย่างขันแข็งกระตือรือร้น จากนั้นก็ยกชาอาหารรสเลิศออกมาต้อนรับ ไม่กล้าเกียจคร้านหย่อนยานแม้เพียงน้อย

ทว่าหมิงถานนั้นหวาดระแวงยิ่ง ไม่กล้าแตะต้องสิ่งใดทั้งสิ้น ก่อนนำเข้าปากจะต้องทดสอบยาพิษเสียก่อน ขอบภาชนะจานชามก็ไม่ปล่อยให้เล็ดลอดไปเช่นกัน ที่นอนหมอนมุ้งของตั้งประดับต่างๆ นานาก็ต้องสั่งให้คนตรวจสอบดูอย่างละเอียดยิบ

ตกดึก เจ้าเมืองอุตส่าห์สิ้นเปลืองเรี่ยวแรงตระเตรียมการ เชื้อเชิญเจียงซวี่กับซูจิ่งหรานไปยังร้านเซียนเฉวียนเพื่อจัดงานเลี้ยงต้อนรับทั้งสอง

ร้านเซียนเฉวียนแห่งนี้เป็นร้านที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในบรรดาเรือสำราญร้อยแปดสิบลำ มีเรือสำราญทั้งหมดหกสิบแปดลำเชื่อมต่อติดกัน รูปโฉมและความรู้ความสามารถของหญิงสาวในร้านก็ไม่เป็นรองหอเปี๋ยอวี้ในเมืองหลวงเช่นกัน

เมื่อได้รู้ว่าคืนนี้เจียงซวี่จะไปร่วมงานเลี้ยงต้อนรับที่นี่ ในใจหมิงถานก็เป็นกังวลยิ่ง ยามกินอาหารนางคิดอยากจะเอ่ยอันใดบางอย่างแต่ก็นิ่งเงียบไป

เจียงซวี่นึกว่าชายาตัวน้อยของเขาเกิดอาการหึงหวงขึ้นมาอีก เขาจึงขบคิดคำพูด นานๆ ทีจะเป็นฝ่ายพูดขึ้นก่อนว่า “คืนนี้มีธุระ เจ้า…ไม่ต้องเป็นห่วง ถ้าหากหญิงสาวในบ้านท่านเจ้าเมืองมาชวนเจ้า เจ้าจะออกไปเที่ยวเล่นสนุกสนานกับพวกนางก็ได้”

นางชื่นชอบความสนุกสนานรื่นเริงเป็นชีวิตจิตใจ หลายวันมานี้ต้องเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าจากการเดินทางไกล เกรงว่านางคงจะอึดอัดแทบแย่แล้วกระมัง

“แต่สามีไปที่ร้านเซียนเฉวียนนั่น…”

“พระชายาควรจะมั่นใจในตนเองหน่อยสิ” พูดจบเขาก็คีบเนื้อให้หมิงถานหนึ่งชิ้น

“…”

นางมั่นใจในตนเองมากอยู่แล้ว นางมาถึงหลิงโจวด้วยตนเองทั้งที ยังต้องกลัวเขาพาหญิงสาวบนเรือสำราญกลับมาด้วยอย่างนั้นหรือ

ก็ได้ นางกลัวอยู่นิดๆ จริงๆ นั่นล่ะ ถ้าหากนางเดินทางมาด้วยแล้วเขายังพาสตรีกลับจวนด้วยได้ ถ้าอย่างนั้นพอนางกลับถึงเมืองหลวงก็คงไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ใดแล้ว

แต่ตอนนี้สิ่งที่นางหวาดกลัวมากกว่าก็คือกลัวว่าสกุลซู่จะคิดมิดีมิร้ายต่อเขา คำโบราณกล่าวไว้ว่ามังกรกล้าแกร่งไม่อาจโค่นงูเจ้าถิ่น* บัดนี้พวกเขาอยู่ในถิ่นของผู้อื่น ถ้าหากงานที่เขาต้องไปสะสางพัวพันไปถึงผลประโยชน์ของผู้อื่น เช่นนั้นต่อให้เจียงซวี่เก่งกล้าสามารถเพียงใดก็มิอาจหลีกเลี่ยงภยันตรายได้อยู่ดี

ก่อนเจียงซวี่จะออกไปข้างนอก หมิงถานก็ยังกำชับกำชาเสียงเจื้อยแจ้วอย่างอดไม่อยู่ “ถึงแม้สามีจะคอแข็ง แต่ว่าเพิ่งจะมาถึงหลิงโจว อย่างไรก็ดื่มสุราให้น้อยๆ หน่อยจะดีกว่า ไม่ว่าเรื่องใดก็ต้องระมัดระวังให้มาก”

หมิงถานพูดจบก็ยัดลูกกลอนแก้พิษที่แอบขอมาจากหมอหลวงเฟิงก่อนจะเดินทางออกจากเมืองหลวง พูดเสียงแผ่วเบาว่า “ถ้าหากสามีรู้สึกไม่สบายตรงที่ใดก็กินลูกกลอนหนึ่งเม็ด ยานี่ข้าขอมาจากหมอหลวงเฟิง สามารถแก้พิษยาสลบทั่วไปได้หลายชนิด”

“…”

เจียงซวี่อยากจะพูดอันใดบางอย่าง แต่ก็รู้สึกว่าไม่ค่อยจำเป็นสักเท่าไร เขาเพียงแค่พยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะเดินออกไป เอ่ยกำชับกับอวิ๋นอี่ว่า “ดูแลพระชายาให้ดีๆ”

 

การแสดงฐานะอย่างปุบปับกะทันหันของเจียงซวี่ไม่เพียงแต่ทำให้เจ้าเมืองแตกตื่นลนลานจนรับมือไม่ถูก แต่ยังทำให้หญิงสาวในจวนท่านเจ้าเมืองยุ่งวุ่นวายรับมือไม่ทันด้วยเช่นกัน

พวกนางได้รับแจ้งว่าติ้งเป่ยอ๋องพร้อมด้วยพระชายามาพำนักอยู่ในจวนของตนเอง ส่วนใต้เท้าของตนก็ได้เชิญท่านอ๋องและบุตรชายอัครเสนาบดีฝ่ายขวาไปเลี้ยงต้อนรับที่ร้านเซียนเฉวียน เช่นนั้นพวกนางก็คงจะปล่อยพระชายาผู้นั้นไว้ในจวนโดยไม่ทักทายถามไถ่อันใดมิได้ ดังนั้นพอตกกลางคืน ฮูหยินท่านเจ้าเมืองก็ได้จัดเตรียมละครกลางแม่น้ำเอาไว้ จากนั้นก็เชิญหมิงถานไปร่วมรับชมด้วยกัน

ละครกลางแม่น้ำนี้เป็นเอกลักษณ์โดดเด่นอย่างหนึ่งของหลิงโจว มีจุดกำเนิดมาจากเรือสำราญร้อยแปดสิบลำของหลิงโจว ต่อมามีคณะละครปรับปรุงแก้ไขให้ดีขึ้น ริเริ่มคิดค้นละครกลางน้ำซึ่งเป็นที่นิยมแพร่หลายเฉพาะในหลิงโจว ตอนกลางคืนถึงจะเริ่มทำการแสดงนี้ขึ้นมา

ละครกลางแม่น้ำความหมายก็ตรงตามชื่อ แน่นอนว่าต้องร้องรำกลางแม่น้ำ โรงละครตั้งอยู่ในแม่น้ำ พอตกดึกแสงโคมไฟบนพื้นที่การแสดงสว่างล้อมรอบ บนผิวแม่น้ำก็จุดโคมน้ำทีละดวงๆ ผู้ชมนั่งรับลมเย็นอยู่บนเรือสำราญ สูดดมกลิ่นหอมของดอกบัว รับชมละครยามราตรี สุขีอภิรมย์เริงใจไปอีกแบบหนึ่ง

ยามหมิงถานได้รับคำเชื้อเชิญก็คิดจะปฏิเสธกลับไปทันที ในสถานที่ที่แปลกถิ่นไม่คุ้นชินกับผู้คนเช่นนี้ นางจะเข้าไปใกล้แม่น้ำได้อย่างไร คิดว่านางเบื่อหน่ายว่าชื่อเสียงดีงามเกินไปหรือมีชีวิตอยู่มานานเกินไปอย่างนั้นหรือ

แต่ว่าการปฏิเสธของนางทำให้ฮูหยินท่านเจ้าเมืองผวาหวาดหวั่นยิ่ง คิดว่าตนเองต้อนรับไม่ละเอียดรอบคอบไปตรงที่ใด ต่อมานางจึงมาเชิญด้วยตนเอง ถ้อยวจีเปี่ยมล้นด้วยความเป็นมิตรและจริงใจ

เดิมทีหมิงถานคิดจะบอกว่าร่างกายนางไม่ค่อยสบาย แต่ทันใดนั้นเองนางก็พลันนึกถึงคำพูดก่อนหน้านี้ของสามีขึ้นมาได้…

เหตุใดสามีถึงต้องกำชับเตือนเป็นพิเศษว่า ‘จะออกไปเที่ยวเล่นสนุกสนานกับพวกนางก็ได้’ ด้วยเล่า หรือว่าเขากำลังบอกใบ้อันใดบางอย่างแก่นาง ให้นางไปทำความรู้จักกับหญิงสาวในจวนเจ้าเมืองให้มากๆ?

ครั้นเห็นหมิงถานลังเลใจ อวิ๋นอี่ก็เอ่ยเสียงเบาว่า “พระชายาวางใจเถิดเจ้าค่ะ นายท่านได้ทิ้งยอดฝีมือของหน่วยองครักษ์จินอวิ๋นไว้สองคนให้คอยติดตามอารักขาพระชายา”

อย่างนั้นหรือ เหตุใดนางถึงไม่รู้สึกตัวสักนิดเลยเล่า

แต่ในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้วนางก็มิได้เอ่ยปฏิเสธต่อไปอีก คิดในใจว่านางยังต้องอยู่ที่หลิงโจวอีกหลายวัน หากพบปะทำความรู้จักกับหญิงสาวที่นี่ไว้มากๆ อาจจะมีประโยชน์กับการสะสางงานของสามีก็เป็นได้

 

* ชาหลงจิ่ง เป็นหนึ่งในชาเขียวชนิดที่ขึ้นชื่อของจีน ใบชามีลักษณะแบนและแหลมตรง น้ำชามีสีเขียวใส กลิ่นหอม รสชาติละมุน ถิ่นปลูกอยู่ในหมู่บ้านหลงจิ่ง เมืองหังโจว มณฑลเจ้อเจียง

* มังกรกล้าแกร่งไม่อาจโค่นงูเจ้าถิ่น เป็นสำนวน หมายถึงต่อให้มีอำนาจบารมีมาจากที่ใดก็ยากจะเอาชนะผู้มีอำนาจในท้องถิ่นได้

 

 

ติดตามตอนต่อไปวันที่ 16 เม.. 66 เวลา 12.00 .

หน้าที่แล้ว1 of 2

Comments

comments

No tags for this post.
Jamsai Editor: