X
    Categories: everYทดลองอ่านพ้นเที่ยงคืนกลืนมิติ

ทดลองอ่าน พ้นเที่ยงคืนกลืนมิติ เล่ม 1 บทที่ 14 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง พ้นเที่ยงคืนกลืนมิติ เล่ม 1

ผู้เขียน : เหยียนเหลียงอวี่

แปลโดย : สนสราญ

ผลงานเรื่อง : พ้นเที่ยงคืนกลืนมิติ

ถือเป็นลิขสิทธิ์ของสำนักพิมพ์เอเวอร์วายในการเผยแพร่ผลงาน

จัดพิมพ์และจัดจำหน่ายในประเทศไทยแต่เพียงผู้เดียว

หากผู้ใดละเมิดลิขสิทธิ์จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย

– – – – – – – – – – – – – – – – –

 

Trigger Warning

เนื้อหามีประเด็นอ่อนไหวเกี่ยวกับความรุนแรง 

การทำร้ายทางร่างกายและจิตใจ การตาย การฆาตกรรม

การบังคับหรือโน้มน้าวให้ทำบางอย่างโดยไม่เต็มใจ

การกักขังหน่วงเหนี่ยว การทรมาน การบูลลี่

การกล่าวถึงเลือด สภาพศพ และสถานการณ์อันน่าขยะแขยง

    

สำหรับผู้อ่านที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป

โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน

 

** หมายเหตุยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์ **

– – – – – – – – – – – – – – – – –

บทที่ 14

ปีศาจราตรี 3

 

ถนนว่างเปล่าร้างไร้ผู้คน หมอกดำพัดม้วน เสียงต่อสู้ลั่นดัง

สภาพแวดล้อมเช่นนี้ ต่อให้อีกฝ่ายไม่ตะโกน ฟั่นเพ่ยหยางก็ต้องเปิดทางให้อยู่แล้ว

ฟั่นเพ่ยหยางหิ้วถุงใส่ของแถมไว้อย่างดี เขาหลบไปยืนอยู่ยังปากตรอกด้านข้างตามที่คนพวกนั้นบอก จากจุดนี้เขาไม่เพียงสามารถมองเห็นถนนได้ทั้งหมด หากยังไม่ต้องกังวลว่าไฟสงครามจะลามมาถึงตัวด้วย

นับเป็นชัยภูมิที่ดีสำหรับการจับตาสังเกตการณ์

ชายเสื้อยืดขาดเคยบอกว่าวันที่ปีศาจราตรีออกอาละวาดมักมีคนบ้าไม่รักชีวิตออกมาไล่ล่าพวกมันเพื่อเก็บค่าประสบการณ์กับไอเทม

ฟั่นเพ่ยหยางสนใจใคร่รู้ทั้งเรื่องของปีศาจราตรีและคนบ้าที่ว่า

เขาเพิ่งเดินไปใกล้ปากตรอก หมอกดำก็เคลื่อนเข้ามาถึงแล้ว ทว่านักล่าที่ไล่ตามมันมากลับมีแค่คนเดียวเท่านั้น เป็นชายหนุ่มสวมเสื้อฮู้ด มีลายการ์ตูนรูปหมีอยู่บนอกเสื้อ

ฟั่นเพ่ยหยางนึกสงสัย ก่อนหน้านี้เขาเหมือนจะเห็นเงาคนอยู่สองสามคน

“เฮ้ ทางนี้โว้ย…” ชายหนุ่มสวมเสื้อฮู้ดมือไม้คล่องแคล่ว เพียงชั่วพริบตาเขาก็อ้อมไปขวางอยู่หน้าหมอกดำเป็นที่เรียบร้อย ตั้งอกตั้งใจยั่วยุ

เสียงนี้ฟั่นเพ่ยหยางคุ้นหูเป็นที่สุด เป็นเสียงของคนที่บอกให้เขาหลบไปคนนั้น

หมอกดำรวมตัวกลายเป็นเงาดำในชั่วพริบตา พุ่งเข้าใส่ชายหนุ่มสวมเสื้อฮู้ด รวดเร็วจนไม่อาจมองเห็นได้ชัด

ทว่าชายหนุ่มสวมเสื้อฮู้ดกลับไม่แม้แต่จะหลบ ตอนเงาดำพุ่งเข้าใส่จู่ๆ เขาก็หายไปราวกับหมอกควัน

ไอเทมเวท?

ฟั่นเพ่ยหยางหรี่ตา ในที่สุดเขาก็เห็นชัดถึงเค้าโครงของเงาดำนั่น มันก็คือหมาป่า

“เหล่าหวัง ไฉเหยี่ย…” เสียงตะโกนเรียกดังมาจากหัวมุมของปากตรอก ห่างจากเงาดำนั่นประมาณหนึ่ง

ฟั่นเพ่ยหยางมองไปตามเสียงก่อนจะพบว่าที่แท้ชายหนุ่มสวมเสื้อฮู้ดก็หมอบหลบอยู่ที่นั่น

หลังกระโจนเข้าใส่ความว่างเปล่า เงาร่างหมาป่านั่นก็ออกอาการงุนงง พอได้ยินเสียงตะโกนมันก็เงยหน้าขึ้นอีกครั้ง เดินตามหาที่มาของเสียง เพราะทั้งลังเลทั้งคอยมองหาที่มาของเสียง มันจึงเสียสมาธิจนลืมระวังตัว ไม่ทันสังเกตเห็นว่ามีคนสองคนเดินออกมาจากตรอกที่อยู่เยื้องไปทางด้านหลัง

ภาพลวง เสียงตะโกน ชายหนุ่มสวมเสื้อฮู้ดดึงดูดความสนใจของปีศาจราตรีได้อย่างง่ายดาย

ฟั่นเพ่ยหยางสายตาเคลื่อนไปยังคนที่เตรียมลอบโจมตีนั่น

คนทั้งสองคนหนึ่งสวมเสื้อผ้าสีดำสนิท อีกคนสวมชุดออกกำลังกายกลางแจ้งสีฟ้า ทั้งสองต่างถือมีดไว้ในมือ ขยับเข้าใกล้ปีศาจราตรีเงียบๆ จากทางด้านหลัง

ชายชุดดำเคลื่อนไหวรวดเร็วกว่าชายในชุดสีฟ้า ขณะกำลังจะเข้าไปถึงระยะจู่โจม เงาร่างหมาป่าก็รับรู้ได้อย่างรวดเร็ว มันรีบหันกลับไป

ชายชุดดำออกมีด

เงาร่างหมาป่ากลายร่างเป็นหมอกดำ

มีดไม่ได้แทงถูกจุดสำคัญ แต่ถึงอย่างนั้นก็ทำให้ปีศาจราตรีได้รับบาดเจ็บอยู่ดี เพราะตอนที่เงาร่างหมาป่ากลายร่างเป็นหมอกดำมันร้องครางออกมาเสียงหนึ่ง ส่วนแขนของชายชุดดำก็มีเสียงสัญญาณเตือนดังขึ้นเช่นกัน

นั่นเป็นเสียงแจ้งค่าประสบการณ์

“เชี่ย แค่นี้ก็ยังพลาด?” ชายหนุ่มสวมเสื้อฮู้ดวิ่งตรงเข้ามา เขาไม่ได้มองดูชายชุดฟ้า แต่โถมเข้าใส่ชายชุดดำด้วยความโกรธขึ้ง

เห็นชัดว่าการทำให้ปีศาจราตรีบาดเจ็บนั้นไม่ใช่เป้าหมายของพวกเขา

ชายชุดดำช้อนตาขึ้นมอง น้ำเสียงกับท่าทางล้วนเย็นชามาก “ก็เพราะความสามารถในการดึงดูดความสนใจของใครบางคนไม่เอาไหนไง”

“ทุเรศชะมัด” ชายหนุ่มสวมเสื้อฮู้ดหันไปทางชายชุดฟ้า “เหล่าหวัง ไหนนายว่ามาซิ ฉันไม่เอาไหนหรือว่าเขาไม่เอาไหนกันแน่”

ชายชุดฟ้าสีหน้าอับจนก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงโอบอ้อมอารี “พวกนายสองคนเก่งทั้งคู่ ฉันไม่เอาไหนเอง สบายใจหรือยัง”

ไม่ว่าจะดึงดูดความสนใจหรือลอบโจมตี การเคลื่อนไหวของพวกเขาล้วนลื่นไหลไม่มีสะดุด

ไม่ใช่คนบ้าหากแต่เป็นกลุ่มคนที่มีทักษะความสามารถในการต่อสู้อย่างแท้จริง

ฟั่นเพ่ยหยางยกมือแตะใช้ไอเทม ‘[ป้องกัน] ข้าเห็นเจ้าทะลุปรุโปร่ง’ อันหนึ่ง

เขากำลังอยากลองใช้ไอเทมใหม่พอดี พอมีอาสาสมัครมาแบบนี้ก็ทำให้เขารู้สึกพึงพอใจมาก

เขาเล็งไปที่ชายชุดดำที่ดูเหมือนจะมีความสามารถในการโจมตีมากที่สุด ฟั่นเพ่ยหยางรวบรวมสมาธิ เพียงไม่กี่วินาที ค่าตัวเลขของอีกฝ่ายก็ปรากฏขึ้นในสมองของเขา

 

‘สติปัญญา : A

กำลังกาย : A

ความสามารถในการโจมตี : A

ความสามารถในการตั้งรับป้องกัน : A

ระดับความอันตรายโดยรวม : A’

 

ที่แท้ก็ไม่เลวเลย

ขณะที่ฟั่นเพ่ยหยางกำลังตรวจสอบค่าความสามารถ คนทั้งสามก็เริ่มแยกย้ายกันอีกครั้ง

“ไฉเหยี่ย หลังจากนี้นายตามอยู่ข้างๆ ฉัน เถาจื่อ นายไปหมอบซ่อนอยู่ทางนั้น เตรียมพร้อมประสานงาน” ชายชุดฟ้าบัญชาการบอกชายหนุ่มสวมเสื้อฮู้ดให้ไปซ่อนตัวอยู่ในตรอก ส่วนตัวเองกับชายชุดดำหลังชนหลัง ยืนอยู่ที่ถนน เงยหน้ามองดูหมอกดำที่ลอยละล่องอยู่ด้านบน

หมอกดำรวมตัวกันอย่างรวดเร็ว เงาร่างหมาป่าพุ่งตรงเข้าใส่ชายชุดดำไม่ต่างอะไรกับกระบี่คมกริบ

ฟั่นเพ่ยหยางเข้าใจได้ทันที ชายชุดดำทำปีศาจราตรีบาดเจ็บ ปีศาจราตรีจึงพุ่งเป้าไปที่เขา นั่นคือเหตุผลที่ทำไมชายชุดฟ้าถึงไม่ให้ชายชุดดำอยู่ห่างจากตัวเอง

พึ่บ

วัตถุโปร่งใสคล้ายกระจกนิรภัยแผ่นหนึ่งปรากฏขึ้นบนแขนของชายชุดฟ้า ดูไม่ต่างอะไรกับโล่กระจก เงาร่างหมาป่าพุ่งเข้ามากระแทกกับมันอย่างจัง ทำเอาโล่กระจกเกิดรอยร้าว

ไม่ผิดจากที่ฟั่นเพ่ยหยางคิด ชายชุดฟ้ามีหน้าที่ป้องกัน

ชายหนุ่มสวมเสื้อฮู้ดทำหน้าที่หลอกล่อดึงดูดความสนใจ

ส่วนชายชุดดำทำหน้าที่โจมตี

ฟั่นเพ่ยหยางประเมินนักล่ากลุ่มนี้ไว้เบื้องต้นเช่นนี้

พลังโจมตีของเงาร่างหมาป่าไม่ใช่เล่นๆ ชายชุดฟ้าถึงกับล้มกลิ้ง ชายชุดดำเบี่ยงกายหลบหลีกคล่องแคล่วรวดเร็ว อาศัยจังหวะที่เงาร่างหมาป่ายังคงเหยียบอยู่บนโล่กระจก โจมตีด้วยการแทงใส่มัน

เงาร่างหมาป่าสลายร่างกลายเป็นหมอก ขณะที่ชายชุดดำดึงมีดกลับจู่ๆ มันก็กลายร่างเป็นหมาป่าขึ้นมาอีกครั้ง งับเข้าที่มือซึ่งกำลังถือมีดอยู่ของชายชุดดำ!

ชายชุดดำเนื้อตัวแข็งทื่อ สะกดกลั้นความเจ็บปวดฝืนไม่ส่งเสียงร้องออกมา

“ไฉเหยี่ย”

ชายชุดฟ้าปลดโล่กระจกออก ชักมีดแทงเข้าไป

ส่วนชายหนุ่มสวมเสื้อฮู้ดที่อยู่อีกด้านก็มาถึงแล้วเช่นกัน ในมือถือมีดเหมือนกับคนอื่นๆ

ความเร็วของชายหนุ่มสวมเสื้อฮู้ดทำเอาฟั่นเพ่ยหยางตะลึง เขาไม่ทันสังเกตเลยด้วยซ้ำว่าอีกฝ่ายมาถึงตั้งแต่เมื่อไหร่

มีดทั้งสองเล่มแทงลงไปพร้อมกัน เงาร่างหมาป่าคลายปากออก ก่อนจะกระโดดหลบอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นมันก็เงยหน้าหอน “บรู๊ววว”

หลังจากนั้นมันก็กลายร่างเป็นหมอกดำล้อมคนทั้งสามไว้

ในเวลาเดียวกันฟั่นเพ่ยหยางก็พบว่าห่างออกไปไม่ไกลมีหมอกดำกลุ่มใหม่อีกกลุ่มลอยเข้ามารวดเร็วไม่ต่างกับพายุเฮอร์ริเคนสีดำ

สายตาของคนทั้งสามที่ถูกปีศาจราตรีล้อมไว้อยู่แต่เดิมนั้นถูกบดบังจึงไม่อาจมองเห็นสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น

เสียงหอนของเงาร่างหมาป่าเมื่อครู่เป็นเสียงเรียกพรรคพวก!

ฟั่นเพ่ยหยางที่ตระหนักได้ถึงเรื่องนี้หยิบเอาอาหารกระป๋องใบใหม่ออกมาจากถุง

แน่นอนว่าของสำคัญอย่างอาวุธป้องกันตัวนั้น เขาไม่มีทางพกมันออกจากบ้านมาแค่อันเดียว

หมอกดำกลุ่มใหม่มาถึงด้านหลังทั้งสามคน มันกลายร่างเป็นเงาร่างหมาป่าและพุ่งตรงขึ้นหน้าท่าทางดุดัน

หมอกดำที่ห้อมล้อมคนทั้งสามไว้คลายตัวออก พวกเขารับรู้ได้อย่างรวดเร็วว่ามีลมพุ่งมาจากทางด้านหลัง ถึงจะรีบหันมองกลับไป ทว่ากรงเล็บแหลมคมของเงาร่างหมาป่ากลับมาถึงตรงหน้าก่อนแล้ว

โป๊ก!

กระป๋องแปลกประหลาดลอยมาจากฟ้า กระแทกใส่กรงเล็บของเงาร่างหมาป่าเต็มแรง

คนทั้งสามปฏิกิริยาตอบสนองรวดเร็ว หนึ่งคนหนึ่งมีดแทงสวนกลับไป

เนื่องจากถูกแทงบาดเจ็บ เงาร่างหมาป่าตัวใหม่จึงสลายตัวกลายเป็นหมอกทันควัน

พวกเขาสามคนเพิ่งมองเห็นชายที่ยืนอยู่ท่ามกลางเงามืดตรงปากตรอก อีกฝ่ายรูปร่างสูงราวหนึ่งร้อยเก้าสิบเซนติเมตรกว่า ไหล่กว้าง ขายาว สวมเสื้อเชิ้ตทรงสวย สายตาลึกล้ำยากจะคาดคะเน

สายตาสี่คู่สอดประสาน พวกเขาสามคนเอ่ยปาก

ชายหนุ่มสวมเสื้อฮู้ด “นายยังไม่ไปอีก เมื่อกี้นายใช้ไอเทมอะไร เอ๊ะ เหมือนฉันจะไม่เคยเห็นหน้านายที่นี่มาก่อน”

ฟั่นเพ่ยหยาง “ไม่ต้องเกรงใจ”

ชายชุดฟ้า “ขอบคุณมากที่ช่วยเหลือ”

ชายหนุ่มสวมเสื้อฮู้ด “…”

ชายชุดฟ้า “…”

พวกเขารู้สึกว่าลำดับบทสนทนาเหมือนจะมีบางอย่างแปลกๆ

ชายชุดดำฉีกแขนเสื้อออกมา ลงมือพันแผลบนข้อมืออย่างง่ายๆ

ชายหนุ่มสวมเสื้อฮู้ดขมวดคิ้วมองดูบาดแผลของอีกฝ่ายปราดหนึ่ง “ต้องให้ฉันใช้ไอเทมช่วยรักษาหรือเปล่า”

“ไม่จำเป็น” ชายชุดดำกัดปลายแขนเสื้อด้านหนึ่งไว้แล้วผูกมัดมันเป็นปม “เก็บไว้ใช้ตอนทำเควสเถอะ”

จู่ๆ ลมก็พัดมาอย่างไม่มีสัญญาณเตือน คนทั้งสามมองซ้ายมองขวาทีหนึ่ง ทั้งสองด้านมีหมอกดำจำนวนมากกำลังพุ่งตรงมาทางนี้

“ฮึ่ย ปีศาจราตรีแถวนี้กำลังมุ่งหน้ามาทางเราแล้ว” ชายหนุ่มสวมเสื้อฮู้ดพูดพลางโอบไหล่ชายชุดฟ้ากับชายชุดดำ ผลักพวกเขาเข้าไปในตรอกที่ฟั่นเพ่ยหยางยืนอยู่ สายตายังคงไม่ลืมกวาดมาทางฟั่นเพ่ยหยาง “ยังจะดูอะไรอีก รีบไปเร็วเข้า”

ตรอกแคบ วิ่งเต็มเหยียด หมอกดำมรณะ

ฟั่นเพ่ยหยางอยู่ท้ายขบวน มีอาหารกระป๋องลอยไปลอยมาอยู่ทางด้านหลังด้วยความเร็วสูงสุด เขาหันมองกลับไปเป็นพักๆ ทุ่มสมาธิควบคุมอาหารกระป๋อง สร้างม่านคุ้มกันที่มั่นคงแน่นหนาที่สุดขึ้นมาด้วยตัวเอง

ความเร็วของหมอกดำสามารถไล่ตามพวกเขาทันได้อย่างง่ายดาย ทว่าทุกครั้งที่ไล่ตามมาทันขณะกำลังจะกลายร่างเป็นเงาร่างหมาป่า พวกมันก็ไม่วายถูกอาหารกระป๋องโจมตีใส่ บ้างอาจจะโชคดีหลบการโจมตีของอาหารกระป๋องได้ทันท่วงที แต่ก็ยังคงถูกอีกฝ่ายโจมตีด้วยวิธีอื่น

อาหารกระป๋องไม่อาจทำร้ายเงาร่างหมาป่าได้เหมือนอาวุธมีคม แต่ก็ทำให้พวกมันยากจะโจมตีเข้ามาได้

“ปีศาจราตรีรวมตัวกันมากขึ้นเรื่อยๆ ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปคงแย่แน่” ชายชุดฟ้าวิเคราะห์สถานการณ์ “พวกเราต้องหาที่หลบกันก่อน”

ฟั่นเพ่ยหยางรู้สึกคุ้นเคยกับถนนเส้นนี้มากขึ้นทุกที ถึงจะห่างจากที่อยู่ของชายเสื้อยืดขาดประมาณหนึ่ง แต่ก็ห่างจากปากบ่อเข้าสู่อุโมงค์ใต้ดินไม่ไกล

“เร่งฝีเท้าอีกหน่อย” เขาตัดสินใจเด็ดเดี่ยว “อย่างแรกที่ต้องทำคือทิ้งระยะห่างกับปีศาจราตรีให้ได้มากที่สุด”

ทั้งสามไม่มีใครซักไซ้ไล่เลียงอะไรให้มากความ พวกเขาต่างทำเพียงเร่งฝีเท้า

ฟั่นเพ่ยหยางพาคนทั้งสามเลี้ยวเข้าไปในตรอกที่อยู่ด้านหน้า ทันทีที่พบกับฝาท่อคุ้นตา เขาก็รีบดึงเปิดแล้วมุดหลบเข้าไปข้างใน

คนทั้งสี่ต่างพากันกระโดดลงไป ฟั่นเพ่ยหยางปิดฝากลับไปเหมือนเก่า ชายชุดดำหยิบกระป๋องที่ตกขึ้นมาพินิจพิเคราะห์ดูอย่างละเอียด

เวลาผ่านไปนาทีแล้วนาทีเล่า เสียงความเคลื่อนไหวด้านบนค่อยๆ จางหายไป ปีศาจราตรีน่าจะจากไปไกลแล้ว

“มาทำความรู้จักกันสักหน่อย” ชายชุดฟ้ายื่นมือให้ฟั่นเพ่ยหยางอย่างเป็นมิตร “หวังเจิงหมิง”

ฟั่นเพ่ยหยางกุมมืออีกฝ่ายกลับอย่างสุภาพ “ฟั่นเพ่ยหยาง”

ชายหนุ่มสวมเสื้อฮู้ดท่าทางค่อนข้างสบายๆ เขาพูดออกมาตรงๆ “เถาเหวินอวี่”

ชายชุดดำยังคงอารมณ์ความรู้สึกเรียบเฉย “ไฉเหยี่ย”

หวังเจิงหมิง คนซื่อ

เถาเหวินอวี่ หมีปีศาจ

ไฉเหยี่ย มือมืด

“นายเป็นพวกมาใหม่?” เถาเหวินอวี่ถามออกมาตรงๆ

ฟั่นเพ่ยหยางไม่สะทกสะท้านกับเรื่องที่ตัวเองเป็นคนหน้าใหม่ของที่นี่ “ฉันเพิ่งมาถึงเมื่อวาน”

“ดูจากการควบคุมไอเทมแล้ว นายไม่เหมือนพวกหน้าใหม่เลย” เถาเหวินอวี่เลิกคิ้ว “อาหารกระป๋องบินของนายเมื่อกี้ ไม่เพียงแต่เร็วพอหากยังเร็วมากขึ้นเรื่อยๆ”

ฟั่นเพ่ยหยางย้อนคิดถึงความรู้สึกของการควบคุมก่อนหน้านี้ก่อนจะพูดออกมาตามตรงว่า “ฉันเริ่มชินกับการควบคุมมากขึ้นแล้ว”

เถาเหวินอวี่ “ถึงจะเริ่มคุ้นชินมากขึ้นเรื่อยๆ แต่กำลังกายกลับค่อยๆ หมดไป”

ฟั่นเพ่ยหยาง “ก็ยังพอไหว”

เถาเหวินอวี่ “หืม กำลังกายดีขนาดนั้น?”

ฟั่นเพ่ยหยาง “นายไม่จำเป็นต้องรู้”

เถาเหวินอวี่ “…”

ถึงจะนึกสงสัยว่าอีกฝ่ายกำลังโอ้อวด แต่เขาก็ไม่มีหลักฐาน

“สหาย อยากเข้าร่วมกลุ่มเยี่ยอิ่ง (เงารัตติกาล) หรือเปล่า” หวังเจิงหมิงเอ่ยปากเชื้อเชิญด้วยใจจริง “พวกเราไม่ทำเรื่องเหลวไหลพรรคนั้น สนใจก็แต่เรื่องทำเควสฝ่าด่าน”

“อย่าเห็นว่าพวกเรายังอยู่ระดับ 1/10 เลยคิดว่ากลุ่มเยี่ยอิ่งของพวกเราไม่เอาไหน” เถาเหวินอวี่ยกแขนวางลงบนไหล่ของหวังเจิงหมิง “ที่พวกเราทำแบบนี้ก็เพื่อรวบรวมพรรคพวกที่มีความสามารถให้มากขึ้น ถ้ารวบรวมไม่สำเร็จก็รอต่อไปเรื่อยๆ เหมือนคำพูดที่ว่าขาดแคลนดีกว่าด้อยคุณภาพ”

ฟั่นเพ่ยหยางมองดูอีกฝ่ายอยู่ครู่หนึ่งจึงถามขึ้น “พวกนายต้องการทำเควสฝ่าด่าน?”

“เมื่อทุกอย่างพร้อมก็ต้องไปทำเควสฝ่าด่านอยู่แล้ว ไม่สิ” เถาเหวินอวี่ชะงัก “ที่นายพูดมาเมื่อกี้ อย่าบอกนะว่านายเองก็เหมือนกัน?”

ฟั่นเพ่ยหยางยอมรับเงียบๆ

เห็นฟั่นเพ่ยหยางสีหน้าคล้ายจะบอกว่าย่อมต้องเป็นเช่นนั้น เถาเหวินอวี่ก็นึกเป็นกังวล “พี่ชาย นายตื่นเถอะ นายเพิ่งมาถึงเมื่อวาน แต่ว่าอีกหนึ่งอาทิตย์ด่านก็จะเปิดให้เข้าไปทำเควสแล้ว หรือนายรู้สึกว่าตัวเองอายุยืนเกินไป ต่อให้นายเข้าร่วมกลุ่มเยี่ยอิ่งของพวกเรา พวกเราก็ไม่มีทางให้นายเข้าด่านไปทำเควสทันทีแน่”

ส่วนไฉเหยี่ยหลังศึกษาวิเคราะห์อาหารกระป๋องเสร็จ เขาก็ส่งมันคืนให้กับฟั่นเพ่ยหยาง

ฟั่นเพ่ยหยางรับมันกลับมาก่อนจะยัดเก็บใส่ถุง

เถาเหวินอวี่ตาหลับตาเหลือก ส่ายหน้าไปทางหวังเจิงหมิง “หมดทางเยียวยาแล้ว นี่มันคนบ้าชัดๆ”

หวังเจิงหมิงมองไปทางฟั่นเพ่ยหยาง “เพราะฉะนั้นแม้แต่จะให้เข้าร่วมกลุ่มเยี่ยอิ่งก็ไม่มีหวัง?”

ฟั่นเพ่ยหยางคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนเอ่ยสัญญาด้วยใจจริงว่า “ตอนทำเควสถ้าเจอกับกลุ่มเยี่ยอิ่ง ฉันจะออมมือให้”

สิ่งที่เถาเหวินอวี่กำลังคิดอยู่ในตอนนี้คือรีบเปิดฝาท่อออกแล้วเดินจากไปให้ไกล ไม่อย่างนั้นเขามีหวังได้ลงมืออัดคนคนนี้แทนปีศาจราตรีแน่

ไฉเหยี่ยมองดูอย่างนึกสนุก

หวังเจิงหมิงรู้สึกยินดี “ได้ งั้นฉันก็ขอเป็นตัวแทนกลุ่มเยี่ยอิ่งกล่าวคำขอบคุณไว้ก่อนล่วงหน้าแล้วกัน”

คนคนนี้ไม่ใช่คนที่จะยอมฟังคำเตือนของคนอื่นและไม่ใช่คนที่จะยอมเป็นเบี้ยล่างเป็นลูกน้องใคร

เถาเหวินอวี่เลิกฝาท่อ กระโดดออกมาเป็นคนแรก ตามมาด้วยไฉเหยี่ยและหวังเจิงหมิง

“นายไม่ขึ้นมาเหรอ” เห็นฟั่นเพ่ยหยางไม่ขยับตัว ทั้งสามคนก็รู้สึกประหลาดใจ

ฟั่นเพ่ยหยางส่ายหน้าช้าๆ “พวกนายไปกันก่อนเถอะ ฉันขอคิดอะไรบางอย่างอยู่ที่นี่ก่อน”

ถึงจะไม่เข้าใจแต่พวกเขาสามคนก็ไม่ถามอะไรมาก

นับแต่พบเจอกัน ฟั่นเพ่ยหยางคนนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับปริศนา ต้นไอเทมเป็นปริศนา วิธีใช้อาหารกระป๋องเป็นปริศนา กำลังกายก็เป็นปริศนา แม้แต่ถุงที่ถืออยู่ในมือไม่ยอมปล่อยนั่นก็เหมือนกัน ทุกอย่างล้วนเป็นปริศนา

ในเมื่อไม่อยากรู้จักกันให้ลึกซึ้ง เช่นนั้นก็ไม่จำเป็นต้องทำความเข้าใจอะไร

“ไว้เจอกันตอนทำเควสฝ่าด่าน” หวังเจิงหมิงทิ้งคำพูดประโยคสุดท้ายให้กับฟั่นเพ่ยหยางก่อนจะปิดฝาท่อลงอีกครั้ง

พอได้ยินเสียงฝีเท้าของพวกเขาดังไกลออกไป ฟั่นเพ่ยหยางก็ม้วนแขนเสื้อ ค้อมกายปีนเข้าไปในอุโมงค์ที่จะนำพาเขากลับบ้าน

ยี่สิบนาทีให้หลัง ตาข่ายโลหะก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า

ในใจฟั่นเพ่ยหยางหนาวสะท้านขึ้นมาทันที ตาข่ายโลหะมีร่องรอยถูกทำลายชัดแจ้ง

เขาพยายามควบคุมความรู้สึกวิตกกังวลอย่างสุดกำลัง พร่ำบอกกับตัวเองไม่หยุด ชายเสื้อยืดขาดเคยบอกว่าบ่อน้ำใต้ดินปลอดภัย พวกเขาอาศัยอยู่ที่นี่มานาน มีประสบการณ์ ยากจะเกิดเรื่องผิดพลาด แต่ถึงอย่างนั้นภาพเงาร่างหมาป่ามุดลอดเข้าไปยังที่พักของพวกถังหลิ่นก็ยังคงโผล่ขึ้นมาในสมองของเขาเป็นพักๆ

ไม่ใช่เงาร่างหมาป่า

ไม่ใช่เงาร่างหมาป่า

ฟั่นเพ่ยหยางยังคงคิดถึงประโยคที่ว่านั่นไม่หยุด จากที่มองเห็นตาข่ายโลหะจนมาถึงหน้าตาข่ายก็แค่ระยะทางสั้นๆ เพียงสิบกว่าวินาทีเท่านั้น ทว่าใจเขากลับนึกเป็นกังวลมากขึ้นทุกที

ในที่สุดสถานการณ์ภายในตาข่ายโลหะก็ปรากฏชัด

ฟั่นเพ่ยหยางตะลึงอยู่หลังตาข่าย

เงาร่างหมาป่าปรากฏตัวขึ้นแล้ว มันนอนหมอบอยู่ข้างเท้าของถังหลิ่น ในห้องอบอวลไปด้วยบรรยากาศกลมเกลียวเปี่ยมสุข

 

  

โปรดติดตามตอนต่อไป

 

Comments

comments

No tags for this post.
Jamsai Editor: