(3)
แล้วการทำงานอย่างหนักก็ช่วยได้จริงๆ มันทำให้ฉันแทบลืมเหตุการณ์อันน่าอับอายที่เกิดขึ้นไปเลย และยังเป็นโชคดีของฉันด้วยที่ตลอดสองสัปดาห์ที่ผ่านมาฉันยังไม่จ๊ะเอ๋กับคุณณัฐที่มุมใดมุมหนึ่งของคอนโดมิเนียมเลย ตอนนี้สิ่งที่อยู่ในสมองมีเพียงเรื่องงานเท่านั้น
ฉันเป็นผู้จัดการโครงการของฝ่ายการตลาดและลูกค้าสัมพันธ์บริษัทเอคโค่ ซึ่งเป็นบริษัทโฆษณาที่ตั้งอยู่ย่านชิดลมและเปิดดำเนินการมาสิบห้าปีแล้ว งานของฉันเป็นด่านแรกที่จะพบกับลูกค้า โดยต้องสอบถามความต้องการและช่วยแนะนำการประชาสัมพันธ์สินค้าของเขาก่อนออกสู่สายตาผู้บริโภค บริษัทของเราดูแลลูกค้าตั้งแต่เรื่องการวางแผนการโฆษณาและการประชาสัมพันธ์จนถึงการสำรวจความนิยมของผู้บริโภค แม้ว่าเราจะไม่ใช่บริษัทโฆษณารายใหญ่ของประเทศแต่ก็เป็นบริษัทที่มีชื่อเสียงพอสมควร ลูกค้าที่เคยใช้บริการของเราก็มักกลับมาหาเราเสมอ
แต่ในช่วงสองปีที่ผ่านมา ‘เอคโค่’ มีคู่แข่งรายสำคัญเพิ่มขึ้น นั่นคือบริษัท ‘เดอะ ช้อยส์’ ซึ่งได้เสนอตัวเพื่อเป็นทางเลือกของลูกค้า เดอะ ช้อยส์เป็นคู่แข่งที่น่าจับตามองมาก บริษัทนี้มีส่วนที่ทำให้ส่วนแบ่งการตลาดของเอคโค่ลดลง
หัวหน้าของฉันชื่อ ‘เศรษฐ์’ แต่ฉันมักเรียกว่า ‘พี่อี๊ด’ พี่อี๊ดเป็นผู้ใหญ่ใจดีแต่เด็ดขาด เพราะต้องดูแลลูกน้องมากมาย ฉันเป็นผู้ช่วยหนึ่งในสองคนของพี่อี๊ด ส่วนผู้ช่วยอีกคนนั้นเป็นสาวสวยที่มีดีกรีเป็นสาวไฮโซ จบปริญญาโทจากเมืองนอก ชื่อชลธร แต่ฉันเรียกเธอว่า ‘หนองน้ำ’ (ซึ่งมันเป็นการตอกกลับหลังจากที่เธอเรียกฉันว่า ‘บัวบาน’) เธอเป็นคนเก่งที่กวนประสาทฉันที่สุดในโลก อายุมากกว่าฉันสองปี มีประสบการณ์มากกว่าเพราะเคยฝึกงานกับบริษัทโฆษณาชั้นนำที่เมืองนอก เชอะ! แต่ฉันไม่สนใจหรอก เพราะกว่าที่ฉันจะก้าวขึ้นมาเป็นผู้ช่วยเคียงบ่าเคียงไหล่กับเธอได้ ฉันคิดว่าตัวเองก็มีดีเหมือนกัน
การที่ฉันกับยายน้ำไม่ค่อยจะกินเส้นกันนั้น เหตุผลก็ไม่มีอะไรมาก เป็นเรื่องของผู้หญิงที่ถ้าเล่าให้ผู้ชายฟังก็ต้องบอกว่าไร้สาระ เราทำงานด้วยกันมาห้าปีกว่า ตั้งแต่เป็นพนักงานการตลาดธรรมดา งานของเราก็ประสบความสำเร็จดี แต่เราไม่ชอบหน้ากันมาตั้งแต่แรก เหมือนที่เขาบอกว่าแม่เสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้ ยายน้ำให้เหตุผลว่าเพราะฉันเป็นคนขี้เหร่ ก้าวร้าว ดื้อรั้น และเอาแต่ใจตัวเอง ส่วนถ้าถามฉัน…ฉันก็จะบอกว่า เธอเป็นคนสวยแบบเซรามิก (สวยดีแต่ไม่มีประโยชน์ แสนแพง แล้วยังแตกง่ายอีก) หยิ่งยโส และชอบให้โลกหมุนรอบตัวเธอตลอดเวลา ลูกน้องของฉันบอกว่าถ้าเราสองคนทำงานด้วยกัน ต้องห้ามเอาวัตถุไวไฟมาวางไว้ใกล้ๆ อย่างเด็ดขาด เพราะมันอาจจะลุกติดไฟและเผาผลาญบริษัทได้
เราสองคนแข่งขันกันทำงานจนได้เป็นพนักงานดีเด่นกันทั้งคู่ มีลูกค้าประจำมากพอๆ กัน แต่เราได้รับมอบหมายให้ดูแลลูกค้าคนละกลุ่ม ยายน้ำดูแลลูกค้ากลุ่มผลิตภัณฑ์ที่กินได้ ส่วนฉันดูแลลูกค้ากลุ่มผลิตภัณฑ์ที่กินไม่ได้ ดังนั้นคนที่ควรได้รับตำแหน่ง ‘พนักงานดีเด่นตลอดกาล’ น่าจะเป็นพี่อี๊ด เพราะสามารถบริหารจัดการเราสองคนให้ทำงานด้วยกันได้อย่างดี (หากไม่นับตอนเราทะเลาะกันในห้องประชุม เพราะพี่อี๊ดจะนั่งอุดหูอย่างเดียวจนกว่าจะมีใครสักคนเหนื่อยแล้วหยุดไปเอง) แต่ก็มีอย่างหนึ่งที่เราเหมือนกันคือตอนนี้เรายังใช้คำนำหน้าว่า ‘นางสาว’ ด้วยกันทั้งคู่ แต่เธอก็ยังอุตส่าห์เอาชนะฉันด้วยการบอกว่าการที่เธอยังคงดำรงความเป็นนางสาวอยู่นั้นเพราะยังไม่เจอคนที่ดีพร้อมสำหรับเธอ ส่วนฉัน…ยังไม่สามารถเป็นคนที่ดีพร้อมสำหรับใครได้
เฮ้อออออ…เอาเป็นว่าเธอจัดฉันให้อยู่ในอันดับสุดท้ายของห่วงโซ่อาหารเลยทีเดียว