เช้าวันนี้ฉันมีนัดประชุมกับพี่อี๊ดและยายน้ำตอนสิบโมง มันเป็นประชุมประจำสัปดาห์ที่เราต้องสรุปงานให้พี่อี๊ดทราบ เมื่อวานฉันนั่งเตรียมรายงานเสร็จเกือบหกโมงเย็น ดังนั้นเช้านี้จึงไม่จำเป็นต้องมาถึงออฟฟิศเร็วนัก แต่ต้องมีเวลาจิบลาเต้ร้อนๆ ของสตาร์บัคส์สักแก้วก่อนเข้าประชุม เพราะการประชุมแต่ละครั้งมักจะต้องใช้พลังงานมหาศาล บริษัทเอคโค่เช่าอาคารสำนักงานถึงสามชั้นและอาคารก็ตั้งอยู่ในย่านธุรกิจที่คนทำงานพลุกพล่านมาก บรรยากาศการเดินทางมาทำงานของแต่ละคนเลยสับสนวุ่นวายแตกต่างกัน บางคนนั่งรถเมล์ รถไฟฟ้า หรือนั่งเรือ สำหรับวันนี้ฉันขับรถมาทำงานเองก็ต้องออกจากคอนโดฯ ก่อนเจ็ดโมงเช้าเล็กน้อย กว่าจะถึงออฟฟิศก็เกือบเก้าโมง หากมีธุระเร่งด่วนก็ไม่ควรขับรถมาทำงาน หันไปใช้บริการรถไฟใต้ดินต่อด้วยรถไฟฟ้า BTS มาทำงานดีกว่า แม้จะยุ่งยากไปหน่อยแต่ก็สะดวกรวดเร็ว เบ็ดเสร็จใช้เวลาประมาณสี่สิบห้านาที แม่เคยถามฉันหลายครั้งว่าไม่เบื่อหรือที่ต้องนั่งรถนานๆ เพราะแม่สงสัยเหลือเกินว่าการเดินทางไม่กี่กิโลเมตร แต่ใช้เวลามหาศาลอย่างนี้ ฉันและคนกรุงเทพฯ ทั้งหลายทนได้อย่างไร มันกลายเป็นความเคยชินไปแล้ว เพราะฉันใช้ชีวิตในเมืองหลวงมาถึงสิบสองปี การเผื่อเวลาเดินทางจึงเป็นเรื่องที่ฉันและคนกรุงเทพฯ ทุกคนต้องทำทั้งนั้น
ฉันเดินถือแก้วลาเต้มาจ๊ะเอ๋กับยายน้ำที่หน้าลิฟต์ เรามองหน้าหยั่งเชิงกันเล็กน้อยแต่ยังไม่มีใครพูดอะไร วันนี้เธอใส่กระโปรงสั้นแค่เข่าและเสื้อสูทสีฟ้าเข้าชุดกัน ถือกระเป๋าใบเล็กสีครีมกับรองเท้าส้นสูงที่ทำให้เธอดูสูงเพรียว แล้วยังรวบผมไว้หลวมๆ ด้วยปิ่นปักผม และที่คอก็มีผ้าผืนเล็กๆ พันไว้ด้วย เธอเป็นผู้หญิงอีกคนที่แต่งหน้าได้สวยมาก ฉันสงสัยจริงๆ ว่าเธอต้องตื่นตั้งแต่กี่โมงเพื่อทำทุกอย่างให้ออกมาสมบูรณ์แบบอย่างนี้
ส่วนฉันน่ะเหรอ…อะไรก็ใส่ได้ทั้งนั้น อีกอย่างบริษัทก็ไม่ได้เข้มงวดเรื่องการแต่งกายมากนัก นอกจากวันที่ต้องพบลูกค้า เราก็ต้องเรียบร้อยหน่อยเพื่อเสริมบุคลิกให้ดูเป็นมืออาชีพ อย่างวันนี้ฉันมีประชุมภายในบริษัทและอาจต้องออกไปดูการทำงานของลูกน้องที่ไปถ่ายโฆษณานอกสถานที่ ดังนั้นวันนี้ก็เลยใส่กางเกงสีดำ เสื้อเชิ้ตสีขาวมีลายทวิตตี้ที่หน้าอกด้านซ้ายกับรองเท้าส้นเตี้ยและกระเป๋าใบยักษ์ที่อัดทุกอย่างเข้าไปได้เหมือนเช่นเคย ส่วนผมก็มัดรวบไว้เป็นหางม้า เรื่องแต่งหน้าไม่ต้องพูดถึง ขอแป้งพัฟกับลิปสติกอีกหนึ่งแท่งเป็นพอ เจ๊กี้เคยดุหลายครั้งแล้วเรื่องการแต่งตัวของฉัน เจ๊บอกว่าฉันไม่มีความคิดสร้างสรรค์ในเรื่องการแต่งตัวเอาซะเลย
ไม่จริงสักหน่อย…ฉันแค่ไม่ได้ให้ความสำคัญกับมันมากเท่านั้นเอง เพราะมันเสียทั้งเวลาและค่าใช้จ่าย อีกอย่างการที่ต้องคิดว่าวันนี้จะจับกางเกงตัวนี้มาใส่ให้เข้ากับเสื้อตัวไหนนั้นมันเสียเวลาชะมัด ถ้าลดความหมั่นไส้ในตัวยายน้ำลงไปได้ ฉันว่าวันนี้เธอก็สวยดี แต่ถ้าปิดปากเงียบเฉยโดยไม่ทักทายกันยามเช้าก็จะยังไงอยู่ ฉันเลยต้องพูดกับเธอก่อน
“อรุณสวัสดิ์ วันนี้เที่ยวบินออกกี่โมงเหรอจ๊ะ”
เธอทำหน้างงๆ เล็กน้อย แต่ก็ดูท่าทางพร้อมจะกระโดดขย้ำฉันเหมือนกัน
“วันนี้ฉันไม่ได้ไปไหนสักหน่อย”
ตกหลุมฉันซะแล้ว
“อ้าว เหรอ เห็นแต่งตัวยังกับแอร์โฮสเตส เลยคิดว่าจะบินไปปารีสซะอีก”
ฉันยิ้มให้หวานฉ่ำ วันนี้เอาพอหอมปากหอมคอก่อนแล้วกัน ฉันรีบเข้าไปในลิฟต์ก่อนที่เธอจะเถียงทัน เมื่อเข้ามาแล้วก็มีคนอื่นตามเข้ามาด้วย เธอจึงไม่กล้าต่อปากต่อคำ