“โปรดักต์หลายชิ้นเหรอคะ” พี่อี๊ดพยักหน้ากับคำถามของยายน้ำ
“คืออย่างนี้ ตอนนี้มันจะมีธุรกิจที่ผลิตสินค้าหลายประเภทภายใต้ตราสินค้าเดียวกัน แล้วจะวางขายในห้างสรรพสินค้าชั้นนำ ระยะแรกเจ้าของตราสินค้าเขาต้องการเปิดตัวให้กลุ่มลูกค้าที่มีรายได้ระดับปานกลางถึงสูงรู้จัก ระยะต่อไปนั้นอาจจะขยายไปเมืองนอก ในตอนนี้วัตถุประสงค์หลักคือไม่ว่ากลุ่มเป้าหมายจะทำอะไร เขาก็อยากให้คนนึกถึงตราสินค้าของเขาเป็นอันดับแรกหรือเดินเข้ามาหาร้านของเขาก่อน”
“แสดงว่าราคาก็แพงใช้ได้เลยสิคะ”
จากคำพูดของพี่อี๊ด ฉันนึกถึงร้านมาร์กแอนด์สเปนเซอร์ของประเทศอังกฤษขึ้นมาทันที
“ก็พอสมควร แต่คงไม่แพงเท่าของนอกหรอกนะ เพราะเขาต้องการสร้างเป็นแบรนด์ของคนไทย” พี่อี๊ดหยุดตอบคำถามของฉันแล้วสั่งงานต่อ “แม้ว่าปกติพี่จะแบ่งความรับผิดชอบตามผลิตภัณฑ์แต่คราวนี้คงต้องรวมหัวกันแล้วล่ะ ไม่อย่างนั้นคอนเซ็ปต์มันจะมั่ว ถ้าให้ทำคนเดียวก็คงไม่ไหวแน่ จากที่ฟังเราทั้งสองคนสรุปงานก็ดูเหมือนจะเคลียร์งานเก่าได้ในสิ้นเดือนนี้นะ แต่ของบัวจะเบากว่าน้ำหน่อย เอาอย่างนี้แล้วกัน…ในระยะแรกที่เราต้องประสานงานกับลูกค้า พี่จะให้บัวเป็นแกนหลักก่อน น้ำเป็นฝ่ายสนับสนุน ถ้าน้ำส่งต่องานที่ค้างอยู่ให้ฝ่ายผลิตเสร็จเมื่อไรค่อยมาทำเต็มตัว พี่อยากให้เราประสานงานกันให้มาก เพราะถ้าโปรเจ็กต์นี้สำเร็จคงมีข่าวดีให้เราคนใดคนหนึ่งแน่”
“ข่าวดีอะไรคะ”
ฉันและยายน้ำพูดขึ้นพร้อมกัน
“นี่พี่ยังไม่ได้คุยกับบอสเลยนะ แต่คิดว่าพี่คงไม่เปลี่ยนใจแล้วล่ะ ถ้าเสร็จงานนี้พี่จะลาออกไปทำธุรกิจส่วนตัว”
เราสองคนอ้าปากค้างเพราะไม่เคยคิดว่าพี่อี๊ดจะลาออกมาก่อนเลย
“ไม่ต้องตกใจหรอกน่า จากเป็นไม่ได้จากตายสักหน่อย แต่เราเข้าใจใช่ไหมว่าคนที่จะขึ้นมาแทนพี่จะมีแค่คนเดียวเท่านั้น แล้วปกติพี่ก็จะมีสิทธิ์ในการเสนอชื่อคนคนนั้นให้กับบอสด้วย แต่ไอ้การที่บอสจะโอเครึเปล่าก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง พี่ต้องขอบอกว่าผลการทำงานครั้งนี้มันจะเป็นตัวชี้วัดตัวนึง เพราะเรื่องวัยวุฒิกับคุณวุฒิเราทั้งคู่ก็มีคล้ายๆ กัน คราวนี้พี่จะดูรอบด้าน ทั้งเรื่องการวางแผน การบังคับบัญชา การติดต่อประสานงาน รวมไปถึงเรื่องการดูแลงบประมาณด้วย น้ำไม่ต้องกลัวนะว่าจะเสียเปรียบที่เข้ามาช้ากว่าบัว เพราะพี่บอกแล้วว่าพี่มองหมดทุกด้าน ทุกเรื่อง ผลของโปรเจ็กต์นี้จะเป็นอีกตัววัดนึงเท่านั้นเอง”
พี่อี๊ดพูดไปยิ้มไป แต่เราสองคนยังคงพูดอะไรไม่ออก
“มีอะไรจะถามพี่ไหม”
“ระยะเวลาที่เราทำโปรเจ็กต์นี้ประมาณเท่าไรคะ” ยายน้ำพูดออกมาก่อน
“ไม่น่าเกินหกเดือน”
แสดงว่าเรามีเวลาทำงานและเวลาในการพิสูจน์ตัวเองทั้งหมดหกเดือน เพื่อให้หัวหน้าของเราตัดสินว่าใครจะเป็นผู้ที่เหมาะสมที่สุด ฉันรู้สึกเครียดขึ้นมาทันทีและสามารถคาดการณ์ได้เลยว่าอาการไมเกรนจะมาเยือนในอีกสองชั่วโมงข้างหน้านี้แน่
ฉันเดินกลับมาที่โต๊ะทำงาน ในสมองยังคงมึนงงกับสิ่งที่ได้ยินมา ความจริงแล้วฉันก็มีเป้าหมายในการทำงานอยู่เหมือนกันว่าอีกสักห้าปีต่อจากนี้ฉันคงมีวุฒิภาวะพอที่จะก้าวขึ้นสู่ฝ่ายบริหารอย่างเต็มภาคภูมิ แต่นี่ดูเหมือนโอกาสจะก้าวเข้ามาหาฉันเร็วขึ้นและยังเพิ่มความกดดันโดยการมีคู่แข่งที่แสนจะน่ากลัวด้วย แต่ตอนนี้มันก็ไม่ใช่เวลาที่จะมานั่งคร่ำครวญ เพราะสนามแข่งขันได้ถูกเปิดออกตั้งแต่สิบนาทีที่ผ่านมาเรียบร้อยแล้ว