ฉันถือช่อดอกลิลลี่สีขาวไว้ในอ้อมแขน นึกอิจฉายายน้ำขึ้นมานิดหน่อยแล้วเดินไปที่ห้องทำงานของเธอ เสียงลูกน้องผิวปากวิ้วว้าว คงคิดว่ามีคนส่งดอกไม้มาให้ฉันแน่ ฉันส่ายหัวแล้วบุ้ยใบ้ไปทางห้องยายน้ำ เมื่อมาถึงหน้าห้อง ฉันเคาะพาร์ทิชั่นก่อนยื่นหน้าเข้าไป
“ห้องนี้มีกลิ่นอะไรตุๆ”
ฉันยื่นหน้าเข้าไปในห้องแล้วทำจมูกฟุดฟิด
“ไม่เห็นจะมีกลิ่นอะไรเลย จมูกหาเรื่อง”
ยายน้ำนั่งอยู่ที่เก้าอี้หน้าคอมพิวเตอร์ของตัวเอง
“สงสัยกลิ่นน้ำเน่า เนี่ย มันส่งกลิ่นไปไกลมากจนคนข้างนอกทนไม่ไหว” ฉันเริ่มกวน
“นี่เธอไม่มีงานทำรึไง กวนคนอื่นอยู่ได้”
รู้สึกว่าอุณหภูมิในร่างกายของยายน้ำคงสูงขึ้นเล็กน้อย แต่ฉันเริ่มสนุก
“เอ้า จริงๆ นะ ไม่รู้ใครเขาทนไม่ได้ เลยส่งของหอมๆ มาให้ดับกลิ่นไง” ฉันพูดจบแล้วเอาดอกไม้ไปวางให้เธอที่โต๊ะทำงาน “ยังไม่ได้เปิดการ์ดดูนะ แค่เซ็นรับมาให้เฉยๆ สงสัยเจ้าของเขาจะเหม็นมาก ดูซิ ส่งมาให้ซะช่อเบ้อเริ่มเลย”
ฉันยืนกอดอกเพื่อรอดูปฏิกิริยาของเธออยู่ ยายน้ำตกใจเล็กน้อยแล้วหน้าก็แดงแจ๋
“นี่เธอ เสร็จแล้วก็ออกไปได้แล้วย่ะ” เธอหันมาดุฉัน ดูเหมือนจะไม่โกรธแล้ว
“คำขอบใจล่ะ ยังไม่ได้ยินเลย”
“ขอบใจ” ยายน้ำพูดเบาๆ แล้วเอื้อมมือไปแตะกลีบดอกลิลลี่
“ไม่ใช่ฉันคนเดียวนะ อย่าลืมโทรไปขอบใจคนที่ส่งมาให้ด้วย”
“ยุ่ง!!!”
ฉันเดินหัวเราะออกมาจากห้องทำงานของยายน้ำ วันนี้ยายน้ำน่ารักดี ฉันไม่ค่อยได้เห็นเธอแก้มแดงด้วยความอายหรอก ถ้าจะเห็นก็ตอนอารมณ์โกรธซะมากกว่า การที่มีคนใส่ใจเรานี่มันดีจริงน้า แม้ฉันจะไม่เดือดร้อนเรื่องที่ยังเป็นโสดอยู่จนทุกวันนี้ แต่ฉันก็อยากมีเรื่องอะไรให้กุ๊กกิ๊กหัวใจบ้างเหมือนกัน แต่คิดไปคิดมาอย่าดีกว่า เพราะเรื่องงานยังตัดสินใจไม่ได้เลย เอาเรื่องความรักเข้ามาอีกคงจะยุ่งน่าดู คิดได้อย่างนี้แล้วก็ไปทำงานต่อดีกว่า
เมื่อกลับมาที่โต๊ะของตัวเอง ฉันเปิดคอมพิวเตอร์เพื่อเช็กอีเมลที่วันนี้ยังไม่มีอะไรเป็นงานเป็นการเลยนอกจากจดหมายขยะซึ่งส่งมาเพื่อขายสินค้ากับจดหมายลูกโซ่จากเพื่อนที่ตั้งใจส่งให้คนทั่วโลกได้อ่านข้อความเดียวกัน ฉันจัดการกำจัดจดหมายที่ไม่สำคัญทิ้งไปจากกล่องข้อความ ระหว่างนั้นลูกน้องคนหนึ่งก็ยื่นหน้าเข้ามาในห้อง
“พี่บัว ตกลงแผนกเราขายหัวหน้าออกคนนึงแล้วใช่เปล่า”
ฉันรู้ว่าเจ้าลูกน้องมันต้องเม้าท์กันเรื่องดอกไม้ของยายน้ำแน่