“อยากรู้ก็ไปถามเจ้าตัวเขาเองสิ แต่ที่แน่ๆ พี่ยังขายไม่ออก ถ้ารู้จักใครที่อาการครบสามสิบสองก็ช่วยบอกเขาด้วยว่ายังมีของค้างสต็อกอยู่ชิ้นนึง”
ลูกน้องตัวแสบหัวเราะดังลั่น “โอ๊ะ เดี๋ยวลืม หนูจะมาบอกพี่ว่าตอนที่พี่ประชุมมีเพื่อนชื่อกี้โทรมา บอกให้โทรกลับด้วยค่ะ”
“แท้งกิ้ว แกไปทำงานได้แล้ว”
ฉันโบกไม้โบกมือไล่แล้วก็กดโทรศัพท์ไปหาเจ๊กี้ เสียงรอสายดังอยู่ไม่นาน เจ๊ก็รับสาย
“ฮัลโหล กี้พูดฮะ”
“โอ้ ประหลาดมากเลย วันนี้เจ๊นั่งโต๊ะด้วย”
“วันนี้หมอดูทักจ้ะ ว่าให้อยู่กับโต๊ะนิ่งๆ แล้วจะได้ลาภ”
“ได้ลาบเหรอเจ๊ มีส้มตำไก่ย่างด้วยไหม หนูจะได้ตามไปกิน”
“แหม เจ้าเด็กคนนี้ แล้วเมื่อกี้ประชุมเหรอจ๊ะ ตบตีกับใครมาบ้างล่ะ”
“ก็หามส่งโรงพยาบาลไปคนนึง อีกคนกำลังปฐมพยาบาลอยู่…เฮ้ย เจ๊ หนูประชุมนะ ไม่ได้ไปรบ แล้วเจ๊มีอะไรให้หนูรับใช้คะ”
“ดิฉันไม่บังอาจหรอกค่ะ ท่านผู้อำนวยการ” เจ๊พูดล้อเลียนเสียงหวาน
“อุ๊ย! อย่าเพิ่งเรียกอย่างนั้น เดี๋ยวขี้กลากขึ้นหัวกันพอดี”
“ก็ได้ๆ ที่เจ๊โทรมาเนี่ย เพราะอยากชวนหนูไปงานปาร์ตี้ฉลองครบรอบสิบปีของหนังสือเจ๊จ้า”
“งานที่ต้องแต่งตัวสวยๆ แล้วยิ้มจนเหงือกแห้งเหรอเจ๊ ไม่เอาหรอก ขี้เกียจแต่งตัว”
“อุ๊ย! นี่คุณหนูบัว คุณมีเพื่อนเป็นอะไรจ๊ะ เรื่องแต่งตัวไม่ใช่ปัญหาเลย เจ๊แค่อยากให้หนูมาสนุก งานนี้ไม่ต้องราตรียาวหรอก แค่ชุดงานกลางคืนแบบสั้นก็พอ เดี๋ยวเจ๊หาชุด รองเท้า กระเป๋าให้ครบเซ็ต”
“เจ๊ต้องมีแผนอะไรแน่เลย บอกมาซะดีๆ นะ”
“ไม่มี้ ก็แค่เห็นว่าหนูจะทำโฆษณาให้อะไรนะ ชื่อไทยๆ น่ะ”
“กินรีเหรอคะ”
“เออ นั่นแหละ แล้วกลุ่มเป้าหมายคือพวกไฮโซใช่ไหมล่ะ เจ๊ก็เลยอยากให้หนูมาดูงานนี้ไง ไฮโซแท้ไฮโซเทียมมีเพียบ เผื่อมาเก็บข้อมูลด้วยไง นะ…มาเหอะนะ” เจ๊คะยั้นคะยอ
ฉันมาคิดดูแล้ว เห็นมีแต่ประโยชน์สำหรับตัวเองทั้งนั้นจึงตอบตกลง “ไปก็ได้”
“เย้! แล้วบ่ายนี้จะแฟ็กซ์กำหนดการมาให้นะ” ฟังจากน้ำเสียงดูเหมือนเจ๊จะดีใจมาก “มีอีกเรื่อง หนูอ่านหนังสือผู้จัดการเล่มล่าสุดรึยัง”
“ยัง…ทำไมจ๊ะ เจ๊ให้สัมภาษณ์ลงหนังสือเหรอ”
“ไม่ใช่เจ๊ เอาเป็นว่าไปหาดูก่อนแล้วกัน แค่นี้ก่อนนะ เจ๊ต้องไปดูแลเด็กๆ ทำงานแล้วล่ะ”
หลังจากเจ๊วางหูไป ฉันก็เดินออกมาหาลูกน้องที่หน้าห้อง
“เด็กๆ หนังสือผู้จัดการเล่มล่าสุดมาส่งรึยัง”
“มาส่งแล้วค่ะ พี่บัวจะใช้เหรอคะ เดี๋ยวหนูเอาไปให้” ลูกน้องคนเดิมตะโกนข้ามห้องมาบอก
“แท้งกิ้ว”
หนังสือผู้จัดการเป็นนิตยสารที่แนะนำนักบริหารหน้าใหม่ให้กับวงการธุรกิจได้รู้จัก บริษัทของเรารับหนังสือนี้เป็นประจำเพราะบางครั้งต้องใช้ข้อมูลด้านการตลาดจากหนังสือเล่มนี้ด้วย เจ้าลูกน้องวางหนังสือให้ที่โต๊ะแล้วออกจากห้องไป ฉันหยิบมันขึ้นมาดูปรากฏว่าหน้าปกฉบับนี้แนะนำ…‘คุณณัฐ เตชะวินทร์’ ผู้อำนวยการโครงการกินรี!
ฉันเปิดเข้าไปอ่านประวัติและประสบการณ์การทำงานของเขาแล้วก็ต้องทึ่ง อายุสามสิบสี่ปี จบปริญญาโทสองใบด้านการตลาดและการบริหารงานทั่วไปจากเมืองนอกและเคยทำงานอยู่ที่ต่างประเทศด้วย ตอนนี้ก็เพิ่งย้ายกลับมาทำงานที่เมืองไทยโดยเลือกทำงานกับบริษัทนิมมานนท์เป็นแห่งแรก นอกจากนั้นเขายังมีพ่อเป็นนักการทูตอีกด้วย โอ้โฮ ช่างสมบูรณ์แบบเหลือเกิน หน้าตาดี ฉลาด รวย เนี้ยบทุกตารางนิ้ว แถมโสด (มีแนวโน้มเป็นเกย์มาก…อันนี้ฉันคิดเอง) หลังจากขึ้นปกหนังสือเล่มนี้แล้วหัวกระไดบ้านคงแห้งยาก ป่านนี้สาวๆ ในวงสังคมคงตั้งตัวเป็นแฟนคลับของเขาเรียบร้อยแล้ว แม้ว่าน่าสนใจที่จะสมัครเป็นสมาชิก แต่ฉันเป็นคนประเภทสงสัยในความสมบูรณ์แบบ ของทุกชิ้นมันต้องมีตำหนิทั้งนั้นแหละ ดังนั้นงานนี้ขอดูอยู่ห่างๆ ดีกว่า
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 12 พ.ย. 64 เวลา 12.00 น.