ตอนเมิ่งถังอ่านมาถึงตรงนี้ก็ร้องไห้ออกมาอย่างหนัก แทบอยากจะพุ่งเข้าไปในหนังสือฆ่าทุกคนที่เคยทำร้ายมู่หวาฮุยด้วยมือตนเองทันที จะได้แก้แค้นแทนเขา
สวรรค์คงได้ยินเสียงกู่ร้องในใจของเธอ ดีเลย คราวนี้เธอทะลุมิติเข้ามาในหนังสือสมใจปรารถนาแล้ว
ช่วงตอนที่เธอทะลุมิติมาก็ไม่เลว ชาติกำเนิดที่แท้จริงของมู่หวาฮุยยังไม่ได้ถูกเปิดเผยออกมา เวลานี้เขายังคงเป็นศิษย์พี่ใหญ่ผู้ปราดเปรื่องยอดเยี่ยมของสำนักหมิงหวา นายน้อยผู้สุขุมอ่อนโยนแห่งเมืองเชียนเฮ่อ
เมิ่งถังตัดสินใจแล้ว ในเมื่อสวรรค์ให้เธอทะลุมิติเข้ามา เช่นนั้นเธอก็จะต้องปกป้องมู่หวาฮุยให้ดี จะไม่ปล่อยให้เขาต้องโศกเศร้าจนน่าเวทนาเช่นในหนังสือนิยายอีก
สำหรับตอนจบของหนังสือนิยายเล่มนี้ เมิ่งถังแสดงท่าทีว่าไม่กังวลแม้แต่น้อย
เธอก็ไม่ได้คิดจะชอบพระเอกของเรื่อง หรือจะฆ่านางเอกแล้วเข้าแทนที่เช่นเนื้อหาเดิม แล้วจะต้องกลัวอะไร สุดท้ายก็ต้องถูกพระเอกใช้กระบี่แทงอยู่ดี
อีกทั้งสุดท้ายแล้วใครจะเป็นฝ่ายแทงใครก็ยังไม่แน่
เมื่อวางเป้าหมายในอนาคตไว้เรียบร้อย เมิ่งถังก็คิดจะไปพบมู่หวาฮุยทันที
ตามความคืบหน้าของเนื้อเรื่องเดิม มู่หวาฮุยน่าจะเดินทางกลับไปเมืองเชียนเฮ่อตั้งแต่เดือนที่แล้ว และวันนี้เป็นวันที่เขาจะกลับมาสำนักหมิงหวาพอดี
เพียงแต่เมื่อครู่เมิ่งถังนั่งนานไปหน่อย ครั้นแล้วพอนางลุกขึ้นมายืนก็พบว่าสองขาของตนชาไปหมด ไม่มีความรู้สึกแม้แต่น้อย ไม่อาจขยับขาก้าวออกไปข้างหน้าได้แม้แต่ก้าวเดียว
จำต้องนั่งกลับลงไปบนเก้าอี้ใหม่อีกครั้ง คิดจะรอให้ขาทั้งสองข้างกลับมามีความรู้สึกก่อนค่อยยืนขึ้นมาใหม่ แต่เพิ่งจะนั่งลงไปได้ไม่ทันไรก็ได้ยินเสียงคนร้องเรียกตน
“เมิ่งถัง!”
เสียงนั้นดังมาก และเรียกได้ว่ากราดเกรี้ยว อีกทั้งพร้อมๆ กับเสียงร้องเรียกก็มีเสียงดังปัง ประตูไม้สองบานที่ปิดสนิทอยู่ถูกคนถีบเปิดจากด้านนอกทันที
เมิ่งถังเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย หันหน้ามองไปก็เห็นหญิงคนหนึ่งกำลังเดินเร็วๆ เข้ามาในห้อง
หญิงคนนี้ใบหน้ารูปเมล็ดแตง สวมชุดกระโปรงสีม่วงเข้ม เวลานี้ยืนอยู่เบื้องหน้านาง ในดวงตาที่มองลงมาหานางเต็มไปด้วยแววรังเกียจและเหยียดหยาม
เมิ่งถังทะลุมิติมาครั้งนี้ก็ได้รับความทรงจำจากเจ้าของร่างเดิมมาด้วย ดังนั้นนางจึงรู้ว่าหญิงผู้นี้มีชื่อว่าหลิ่วหลิงอวิ๋นเป็นศิษย์ของผู้นำสังกัดยอดเขาชิงหงเช่นเดียวกับอวิ๋นชูเยวี่ยที่เป็นนางเอก
ขณะเดียวกันตามเนื้อหาเดิมในหนังสือนิยาย นักเขียนได้สร้างให้นางเอกเป็นคนที่มีแต่คนรักใคร่ หลิ่วหลิงอวิ๋นผู้นี้ขาดก็แค่ไม่ได้เห็นอวิ๋นชูเยวี่ยเป็นบุตรสาวของตนและรับมาเลี้ยงดูก็เท่านั้น
แต่ขณะเดียวกันในเนื้อหาเดิมของหนังสือนิยาย ท่าทีของหลิ่วหลิงอวิ๋นที่มีต่อเจ้าของร่างเดิมของเมิ่งถังก็เลวร้ายยิ่ง คิดดูแล้วที่หลิ่วหลิงอวิ๋นมาหานางในเวลานี้ต้องไม่ใช่เรื่องดีอะไรแน่
ไม่ผิดจากที่คิด พริบตาถัดมาก็เห็นปลายคางของหลิ่วหลิงอวิ๋นเชิดขึ้นเล็กน้อย สายตาที่มองนางเต็มไปด้วยความหยามเหยียด
“เมิ่งถัง เจ้าช่างหน้าไม่อาย! เจ้าเป็นสตรีผู้หนึ่ง แอบชอบศิษย์น้องหลิงก็แล้วไปเถิด แต่นี่ถึงกับไร้ยางอายวิ่งไปสารภาพความในใจกับเขา หรือเจ้าเข้าใจว่าด้วยรูปร่างหน้าตาเช่นนี้ของเจ้า ศิษย์น้องหลิงจะต้องชอบเจ้าแน่นอนก็ไม่โปรยฉี่ส่องดูสารรูปตัวเอง* ว่าคู่ควรจะแย่งชิงบุรุษกับศิษย์น้องอวิ๋นของข้าหรือไม่!”
เมิ่งถังไม่ชอบใจแล้ว
นางนั่งอยู่ในห้องของตนดีๆ หลิ่วหลิงอวิ๋นผู้นี้กระทั่งจะทักทายก่อนสักคำยังไม่มีก็ถีบประตูเข้ามา หลังจากเข้ามาแล้วพออ้าปากก็โจมตีนางทันที
อีกอย่างรูปร่างหน้าตาของนางเป็นอย่างไรหรือ ใบหน้านี้ของนาง แม้จะไม่ถึงกับงามล่มบ้านล่มเมือง แต่ก็ไม่อัปลักษณ์แน่นอน เหตุใดหลิ่วหลิงอวิ๋นจึงพูดราวกับนางเทียบไม่ได้แม้กับอึสุนัขกองหนึ่ง จะให้นางทนได้อย่างไร จึงตอบกลับไปว่า “ไม่ต้องสนใจว่ารูปร่างหน้าตาข้าเป็นอย่างไร แต่อย่างน้อยผิวพรรณข้าก็ยังขาว”
พูดพลางเมิ่งถังก็ยกมือขึ้นลูบแก้มตนเองเบาๆ ใบหน้ายิ้มกริ่ม “ภาษิตว่าไว้ได้ดี ขาวเพียงอย่างเดียวก็ปกปิดความอัปลักษณ์ได้มากมาย ที่กลัวที่สุดคือผิวพรรณดำดุจถ่านไม้ หากเป็นเช่นนั้นต่อให้องคาพยพทั้งห้างดงามเพียงใดก็ไร้ประโยชน์ ศิษย์พี่หลิ่ว ท่านว่าเหตุผลนี้ถูกต้องหรือไม่”
แม้องคาพยพทั้งห้าของหลิ่วหลิงอวิ๋นจะนับว่าหมดจด แต่เสียดายที่สีผิวค่อนข้างเข้ม นี่นับเป็นความเจ็บปวดในใจของนางมาโดยตลอด คิดไม่ถึงว่าเวลานี้เมิ่งถังจะถึงกับสะกิดบาดแผลของนางต่อหน้าตรงๆ
“เจ้า!” นางโกรธจนหน้ากลายเป็นสีม่วง มือที่ชี้หน้าเมิ่งถังยังสั่นเทา
“ข้าทำไมหรือ ศิษย์พี่หลิ่ว”
ใบหน้าของเมิ่งถังยังคงยิ้มกริ่ม มือข้างหนึ่งค้ำแก้ม ยิ้มพลางเอ่ยถาม “ศิษย์พี่หลิ่วโกรธเป็นฟืนเป็นไฟวิ่งมาถามเรื่องที่ข้าไปสารภาพความในใจกับศิษย์พี่หลิง เพราะต้องการจะออกหน้าแทนศิษย์น้องอวิ๋นของท่าน หรือว่าความจริงแล้วท่านก็แอบชอบศิษย์พี่หลิงเช่นกัน พอได้ยินว่าข้าไปสารภาพความในใจกับศิษย์พี่หลิงท่านจึงนั่งไม่ติด กลัวว่าข้าจะแย่งศิษย์พี่หลิงไป”
นางเพิ่งจะพลิกฟื้นความทรงจำของเจ้าของร่างเดิม และเข้าใจแล้วว่าการสารภาพความในใจที่หลิ่วหลิงอวิ๋นพูดถึงคือเรื่องอันใด