เฮ่อ นี่ไม่ใช่เพราะเจ้าของร่างเดิมแอบหลงรักผู้เป็นพระเอกอย่างหลิงซิงเหยามาโดยตลอดหรือ เมื่อวานลำบากไม่น้อยกว่าจะรวบรวมความกล้านัดเขาออกมาแล้วสารภาพความรู้สึก
เดิมทีเรื่องนี้ไม่มีอะไรเลย หญิงสาวเลื่อมใสชื่นชอบชายหนุ่มรูปงามคนหนึ่งเป็นเรื่องปกติธรรมดายิ่ง รวบรวมความกล้าไปสารภาพความในใจก็เป็นเรื่องปกติธรรมดาเรื่องหนึ่ง นางไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน
แต่เจ้าของร่างเดิมของนางเป็นเพียงเด็กกำพร้าคนหนึ่ง สติปัญญาก็ธรรมดาสามัญกลับได้รับความโปรดปรานจากท่านเจ้าสำนัก รับเข้าเป็นศิษย์สายตรง ปกติได้กินยาวิเศษยาอายุวัฒนะมากมายดุจสายน้ำไหล ลับหลังย่อมมีศิษย์ร่วมสำนักอิจฉาริษยามากมาย
กอปรกับเจ้าของร่างเดิมยังเป็นคนที่มีนิสัยอ่อนแอรู้สึกว่าตนด้อยกว่าผู้อื่น ปกติไม่ว่าจะถูกข่มเหงระรานมากเพียงใดก็ได้แต่อดทนอยู่เงียบๆ คนเดียว ไม่เคยเล่าให้ผู้ใดฟัง ด้วยเหตุนี้คนที่ข่มเหงระรานนางจึงยิ่งกำเริบเสิบสานมากขึ้น
ก็อย่างเช่นเรื่องที่ไปสารภาพความในใจในครั้งนี้ ให้บังเอิญถูกศิษย์คนหนึ่งของยอดเขาชิงหงพบเห็นเข้า ศิษย์ผู้นั้นเป็นคนปากสว่าง หลังจากกลับไปก็เอาเรื่องนี้พูดไปทั่วเห็นเป็นเรื่องตลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเล่าถึงสีหน้าท่าทางและคำพูดของหลิงซิงเหยาตอนปฏิเสธเจ้าของร่างเดิม เกรงก็แต่เวลานี้คนทั้งสำนักหมิงหวาคงจะรู้เรื่องนี้กันจนทั่วแล้ว
ถ้าแค่รู้ก็แล้วไปเถิด แต่คนเหล่านั้นกลับต่ำช้ายิ่ง ตั้งแต่นั้นทุกครั้งตอนเจอเจ้าของร่างเดิมก็จะเอาเรื่องนี้มายั่วเย้าเหน็บแนมนาง
ใครบ้างไม่มีศักดิ์ศรี โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจ้าของร่างเดิมยังเป็นเด็กสาวที่รู้สึกว่าตนด้อยกว่าผู้อื่น กว่าจะไปสารภาพได้ก็ต้องรวบรวมความกล้าทั้งชีวิตของตนแล้ว คิดไม่ถึงว่าเรื่องนี้กลับกลายเป็นเรื่องตลกขบขันของผู้อื่น ทั้งยังเป็นเรื่องตลกขบขันที่ไม่มีวันจบวันสิ้น
นับแต่นั้นจิตมารก็เกิดขึ้น กระทั่งสุดท้ายกลายเป็นมาร ไม่มีทางให้หันหลังกลับมาได้อีก
พูดได้ว่าที่สุดท้ายเจ้าของร่างเดิมต้องลงเอยด้วยจุดจบเช่นนั้น หลิ่วหลิงอวิ๋นที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้ ยังมีคนอื่นๆ ในสำนักหมิงหวาที่เคยข่มเหงระรานเจ้าของร่างเดิมมากน้อยย่อมสมควรต้องรับผิดชอบ
เมิ่งถังในตอนนี้มิใช่เจ้าของร่างเดิม นางย่อมไม่เอาเรื่องยั่วเย้าเหน็บแนมเหล่านี้มาใส่ใจ และยิ่งไม่ปล่อยให้คนอื่นมาข่มเหงระรานเช่นเจ้าของร่างเดิมเป็น
ที่นางเชื่อมั่นศรัทธาคือมีแค้นย่อมต้องชำระในที่นั้น ต่อให้ตอนนี้ศัตรูแข็งแกร่งตนเองอ่อนแอ ไม่อาจแก้แค้นได้ทันที แต่ผู้กล้าแก้แค้น สิบปีก็ยังไม่สาย
หลิ่วหลิงอวิ๋นคิดไม่ถึงว่าเวลานี้เมิ่งถังจะฝีปากแหลมคมเช่นนี้ เห็นอยู่ว่าเมื่อก่อนนางยังเป็นน้ำเต้าที่ถูกอุดปากใบหนึ่ง* ไม่ว่าพวกตนจะยั่วเย้าเหน็บแนมพูดฉีกหน้าอย่างไรก็ได้แต่ก้มหน้าไม่พูดไม่จา ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าจะโต้เถียง อดไม่ได้ที่จะตะลึงงันไปชั่วขณะ รอจนได้สติกลับคืนมาก็ถูกคำพูดเมื่อครู่ของเมิ่งถังทำให้โกรธจนพูดจาไม่ปะติดปะต่อ
“เจ้าหน้าไม่อาย! ข้า…ข้าไปแอบชอบศิษย์น้องหลิงตั้งแต่เมื่อใด คนที่ศิษย์น้องหลิงชอบคือศิษย์น้องอวิ๋น ข้ามาก็เพื่อจะเตือนเจ้า ศิษย์น้องหลิงเป็นของศิษย์น้องอวิ๋น ต่อไปเจ้าอย่าได้คิดจะหมายปองศิษย์น้องหลิงอีก”
เมิ่งถังก็นับว่าเห็นอย่างชัดเจนแล้ว หลิ่วหลิงอวิ๋นผู้นี้อย่างมากก็เป็นเสือที่สานจากไม้ตอกหุ้มด้วยกระดาษตัวหนึ่ง ภายนอกดูดุดันน่าเกรงขาม ความจริงแล้วไม่อาจต้านทานการโจมตีได้
“ท่านวางใจ เมื่อก่อนที่ชอบศิษย์พี่หลิงเป็นเพราะข้าตาบอด แต่เวลานี้ตาข้าดีแล้ว ยังจะชื่นชอบเขาอีกหรือ”
เมิ่งถังคร้านจะใส่ใจนางอีก พลิกถ้วยชาบนโต๊ะขึ้นมารินน้ำชาให้ตนเองถ้วยหนึ่ง จากนั้นก็ชี้มือไปที่ประตู เอ่ยด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหน่าย “เดินดีๆ ไม่ส่งล่ะ”
เดิมนางคิดจะบอกท่านไสหัวไปได้แล้ว แต่มาคิดดูแล้วจะอย่างไรก็เป็นศิษย์สำนักเดียวกัน ไม่แน่ต่อไปยังต้องเจอหน้ากันอีกเป็นบางครั้งบางคราว ดังนั้นในคำพูดจึงเหลือไมตรีไว้หลายส่วน
แต่หลิ่วหลิงอวิ๋นไม่ได้จากไป หากแต่สองตาเบิกกว้างจนกลมโต มองน้ำชาในถ้วยของนางด้วยสีหน้าตื่นตระหนก
“นี่เป็นหญ้าซิงเยา เจ้าถึงกับใช้หญ้าซิงเยามาชงชา เมิ่งถัง เจ้ากำลังทำลายสิ่งของให้เสียหายตามอำเภอใจเจ้ารู้หรือไม่”
หญ้าซิงเยาเป็นสมุนไพรวิเศษขั้นสาม สามารถเพิ่มพลังวัตร ผู้บำเพ็ญเซียนทั่วไปคิดจะได้มาสักต้นต้องทุ่มเทเหน็ดเหนื่อยลำบากลำบน ถ้าโชคดีได้มาสักต้นก็จะต้องทะนุถนอมดุจสิ่งล้ำค่า แต่เมิ่งถังถึงกับเอาหญ้าซิงเยามาทำเป็นใบชาชงชาดื่ม!
ที่แท้แล้วเมิ่งถังผู้นี้มีคุณธรรมความดีอันใด ท่านเจ้าสำนักถึงได้ชื่นชอบรับเข้าเป็นศิษย์สายตรง ถ้าตอนนั้นคนท่านที่เจ้าสำนักชื่นชอบคือนาง เช่นนั้นคนที่ใช้หญ้าซิงเยามาชงชาดื่มในตอนนี้ก็ย่อมจะเป็นนาง
สายตาของหลิ่วหลิงอวิ๋นที่มองเมิ่งถังเต็มไปด้วยความริษยาและเกลียดชัง
“ไม่อาจยอมรับหรือ”
เมิ่งถังช้อนตา มองสบตานางตรงๆ มุมปากหยักโค้งเป็นรอยยิ้มหยัน “ต่อให้ท่านไม่อาจยอมรับได้ ทว่าก็รบกวนท่านสะกดกลั้นเอาไว้ด้วย” พูดจบนางก็ยิ้มกริ่มยกถ้วยชาขึ้นมาจิบน้ำชาในถ้วยไปคำหนึ่ง ภายใต้สายตาที่มองมาราวจะสังหารคนของหลิ่วหลิงอวิ๋น