บทที่ 2
เดิมหลิ่วหลิงอวิ๋นก็เป็นคนใจคอคับแคบอยู่แล้ว ไหนเลยจะทนต่อคำพูดเสียดสีทำร้ายจิตใจแฝงความหมายนอกในที่ทยอยส่งมาไม่ขาดสายของเมิ่งถังได้ นางจึงโกรธจนยกมือขึ้นมาทันที
เมิ่งถังเพิ่งทะลุมิติมา แม้จะได้รับความทรงจำจากเจ้าของร่างเดิมมาอย่างครบถ้วน แต่ยังไม่คุ้นเคยกับอาคมของเจ้าของร่างเดิม ดังนั้นถึงในใจจะรับรู้ถึงอันตราย แต่ร่างกายยังคงไม่อาจหลบหลีกได้พ้น
เพียงเห็นประกายกระบี่สีขาวสายหนึ่งวาบผ่าน ถ้วยชาที่เมิ่งถังถืออยู่ในมือก็ถูกผ่าออกเป็นสองซีก น้ำชาในถ้วยสาดกระเซ็นลงมาที่ตัวเสื้อด้านหน้าของเมิ่งถังทั้งหมด จนเปียกไปทั้งแถบ
ในเวลาเดียวกันประกายกระบี่ก็ไม่ลดทอนพลังลง ตัดแขนเสื้อของเมิ่งถังออกไปชิ้นใหญ่
โชคดีที่ในช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อสุดท้ายนางหดแขนไปทางด้านหลัง หาไม่แล้วครั้งนี้ที่ถูกตัดขาดคงไม่ใช่เพียงแขนเสื้อของนาง แต่คงเป็นแขนขวาของนางด้วย
นี่ต้องเป็นความเกลียดชังความแค้นที่ยิ่งใหญ่เพียงใด พอลงมือก็มุ่งหมายจะตัดแขนนางแล้ว
เมิ่งถังเป็นคนที่ยอมตกเป็นเบี้ยล่างเช่นนั้นหรือ นางเลิกคิ้ว ขณะกำลังคิดหาวิธีโต้ตอบกลับไป พลันได้ยินเสียงดังมาจากนอกหน้าต่าง “ศิษย์น้องอยู่หรือไม่”
เสียงนั้นชัดเจนนุ่มนวลละมุนละไมดุจน้ำแข็งดุจหยก เสนาะโสตยิ่ง
เมิ่งถังหันหน้าไปตามเสียงก็เห็นบุรุษผู้หนึ่งยืนอยู่ที่หน้าประตู ร่างสูงตระหง่านดุจต้นไผ่เขียว
เห็นอยู่ว่าบนร่างของเขาเพียงสวมเสื้อสีขาวเรียบง่ายตัวหนึ่ง แต่กลับทำให้คนรู้สึกประหนึ่งหยกงามใสกระจ่างภายใต้ดวงจันทร์ชิ้นหนึ่ง ท่วงทำนองที่อ่อนโยนและนิ่งเฉยทำให้แม้อยู่ท่ามกลางฝูงชนนับพันนับหมื่น ผู้คนก็สังเกตเห็นเขาได้ในแวบเดียว
เมิ่งถังคล้ายได้ยินเสียงกวางน้อยวิ่งวุ่นวายอยู่ในใจของตน
แย่แล้ว นี่มันอาการหัวใจหวั่นไหว! ถึงตอนนี้นางมีหรือจะยังไม่รู้ว่าคนผู้นี้คือใคร
“ศิษย์พี่!”
นางรีบลุกขึ้นมายืน ร้องเรียกไปคำหนึ่ง แล้วรีบวิ่งไปที่หน้าประตู
ส่วนเรื่องที่หลิ่วหลิงอวิ๋นเกือบจะตัดแขนขวาของนาง ฮึ เวลานี้เทพบุตรของข้ากำลังยืนอยู่ตรงหน้า ใครยังจะมีเวลาไปใส่ใจเจ้า ความแค้นในครั้งนี้วันหน้าค่อยแก้แค้นก็ยังไม่สาย
เมื่อตื่นเต้นเกินไป ทันใดนั้นใต้ฝ่าเท้าก็เสียจังหวะ เมื่อมาถึงเบื้องหน้ามู่หวาฮุย ไม่ทันระวังเท้าซ้ายเกี่ยวเท้าขวา ร่างของเมิ่งถังก็ถลาไปข้างหน้าอย่างควบคุมไม่อยู่
ตอนที่หน้ากำลังจะทิ่มไปกับพื้นอย่างไม่เหลือภาพลักษณ์ใดๆ นั้นก็เห็นมู่หวาฮุยสะบัดแขนเสื้อเบาๆ เมิ่งถังพลันรู้สึกว่ามีพลังนุ่มนวลขุมหนึ่งช่วยประคับประคองนางไว้
นางอาศัยพลังขุมนี้หยัดร่างขึ้นมายืนตรง ไม่อาจซุกซ่อนความดีใจที่อยู่ภายใน เมิ่งถังยื่นมือไปยุดชายแขนเสื้อของมู่หวาฮุยเอาไว้ “ศิษย์พี่ ท่านกลับมาแล้วหรือ”
มู่หวาฮุยรูปร่างสูงยิ่ง นางสูงเพียงหัวไหล่เขาเท่านั้น ด้วยเหตุนี้เวลามองเขาย่อมต้องแหงนหน้า
แต่เมิ่งถังไม่ถือสาแม้แต่น้อย ทางหนึ่งนางก็พินิจพิจารณามู่หวาฮุยอย่างละเอียด ทางหนึ่งก็คิดด้วยความสุขใจว่ามู่หวาฮุยที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้เหมือนที่นางอ่านหนังสือแล้วคิดภาพไว้ไม่มีผิด
ไม่สิ ควรบอกว่าเขาดูอ่อนโยน หล่อเหลายิ่งกว่าที่นางคิดภาพไว้เสียอีก
เปรียบกับเมิ่งถังที่ดีใจอย่างไม่ปิดบัง มู่หวาฮุยกลับรู้สึกตกใจเล็กน้อย