สายตากวาดผ่านใบหน้าซีกขวาของเมิ่งถังคล้ายไม่ใส่ใจก็เห็นตรงบริเวณใกล้ใบหูมีไฝสีดำขนาดเท่าเมล็ดงาครึ่งเมล็ดอยู่ แต่ก่อนตอนเขาสอนเพลงกระบี่ให้เมิ่งถัง เห็นท่ากุมกระบี่ของนางไม่ถูกต้อง ตอนเข้าไปช่วยแก้ไขให้บังเอิญสังเกตเห็นเข้า
คนผู้นี้คือเมิ่งถังตัวจริง หาใช่คนอื่นที่รูปร่างหน้าตาคล้ายนาง
ส่วนเรื่องที่ว่าแท้จริงแล้วหลิ่วหลิงอวิ๋นได้ข่มเหงเมิ่งถังหรือไม่ มู่หวาฮุยยังคงเชื่อเมิ่งถัง
ถ้วยชาที่แตกกับแขนเสื้อที่ขาดไม่อาจปลอมแปลงได้ นอกจากนี้ที่สำคัญที่สุดคือเขารู้ถึงพลังวัตรของเมิ่งถังในเวลานี้ดี จะต้องมีแต่หลิ่วหลิงอวิ๋นที่เป็นฝ่ายข่มเหงนางได้
จึงถามหลิ่วหลิงอวิ๋น “ศิษย์น้องหลิ่ว ศิษย์น้องของข้าทำอะไรผิด จึงต้องให้ศิษย์น้องหลิ่วลงมือสั่งสอน”
แม้ทุกคนต่างก็เป็นศิษย์พี่ศิษย์น้องในสำนักหมิงหวา แต่สุดท้ายแล้วมีเพียงเมิ่งถังกับมู่หวาฮุยที่เป็นศิษย์ร่วมอาจารย์คนเดียวกัน นั่นก็เปรียบได้กับพี่น้องแท้ๆ กับลูกพี่ลูกน้อง แม้จะอยู่ร่วมสำนักเดียวกัน แต่จะอย่างไรพี่น้องแท้ๆ ย่อมสนิทสนมใกล้ชิดกันมากกว่า
“นาง…นาง…” หลิ่วหลิงอวิ๋นพูดจาอ้ำๆ อึ้งๆ ตอบไม่ได้
ย่อมไม่อาจบอกไปตามตรงว่าเพราะเมิ่งถังไปสารภาพความในใจกับหลิงซิงเหยา นางไม่พอใจแทนอวิ๋นชูเยวี่ย ดังนั้นจึงตั้งใจมาตักเตือนเมิ่งถังโดยเฉพาะกระมัง
เมิ่งถังข่มเหงง่าย แต่มู่หวาฮุยข่มเหงไม่ง่าย จะอย่างไรนางก็กระจ่างแก่ใจดี เรื่องนี้ความจริงแล้วนางไม่มีเหตุผลแม้แต่น้อย
นางไม่อยากพูด เมิ่งถังกลับไม่พะว้าพะวังอะไร
เพราะเมิ่งถังรู้ ตามความคืบหน้าของเนื้อหาเดิมในหนังสือนิยาย มู่หวาฮุยกลับไปเมืองเชียนเฮ่อครั้งนี้ เจ้าเมืองผู้เป็นบิดาของเขาได้บอกเรื่องหมั้นหมายคู่ครองให้เขาทราบ อีกฝ่ายคือบุตรสาวของเจ้าเมืองชื่อเซียว
ใช่แล้ว บุตรสาวเจ้าเมืองชื่อเซียวผู้นี้ก็คืออวิ๋นชูเยวี่ยนางเอกของเรื่องที่ปกปิดฐานะ เข้ามาเป็นศิษย์สังกัดยอดเขาชิงหง สำนักหมิงหวา เพียงแต่เวลานี้มู่หวาฮุยยังไม่รู้ว่านางคือคู่หมั้นของตน เพียงเห็นนางเป็นศิษย์น้องทั่วไปคนหนึ่งเท่านั้น ภายหลังได้รู้เข้าโดยบังเอิญจึงได้เริ่มใส่ใจในตัวนางขึ้นมา
นับแต่นั้นก็ดูแลปกป้องอวิ๋นชูเยวี่ยมาโดยตลอด ช่วยชีวิตนางให้รอดพ้นจากภัยพิบัติและอันตรายหลายครั้ง แต่ที่เหนือความคาดหมายก็คืออวิ๋นชูเยวี่ยในเวลานี้กับพระเอกหลิงซิงเหยาต่างมีความรักต่อกันแล้ว ดังนั้นถึงภายหลังมู่หวาฮุยจะดีต่ออวิ๋นชูเยวี่ยเพียงใด อวิ๋นชูเยวี่ยก็ไม่รู้สึกหวั่นไหวต่อเขา
นางเพียงเห็นเขาเป็นตัวสำรอง รักษาหลักการสามไม่คือไม่แสดงออก ไม่ปฏิเสธ ไม่รับผิดชอบได้อย่างสมบูรณ์
มู่หวาฮุยก็เพียงได้ชื่อว่าเป็นคู่หมั้นของอวิ๋นชูเยวี่ยเท่านั้น แม้ภายหลังฐานะที่แท้จริงของมู่หวาฮุยกับหลิงซิงเหยาจะถูกเปิดเผยออกมา ฐานะคู่หมั้นของอวิ๋นชูเยวี่ยก็ถูกหลิงซิงเหยาแย่งชิงไป
ตั้งแต่ต้นจนจบมู่หวาฮุยไม่ว่าอะไรก็ไม่เคยได้รับ ย่อมไม่ว่าอะไรก็ไม่เคยได้ครอบครองอย่างแท้จริง
* ‘ไม่โปรยฉี่ส่องดูสารรูปตัวเอง’ หมายถึงไม่รู้จักประมาณตน ตรงกับคำพังเพยไทยที่ว่า ‘ไม่รู้จักตักน้ำใส่กะโหลกชะโงกดูเงา’
* น้ำเต้าที่ถูกอุดปากใบหนึ่ง เป็นสำนวน หมายถึงพูดไม่เก่ง พูดน้อย
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 1 ม.ค. 66 เวลา 12.00 น.