ข้าต้องปกป้องศิษย์พี่ผู้หล่อเหลา
ทดลองอ่าน ข้าต้องปกป้องศิษย์พี่ผู้หล่อเหลา เล่ม 1 บทที่ 3 – 4
บทที่ 3
คิดมาถึงตรงนี้เมิ่งถังก็เริ่มสงสารมู่หวาฮุยขึ้นมาอีก และยิ่งอยากให้มู่หวาฮุยรู้เรื่องที่อวิ๋นชูเยวี่ยมีคนในใจอยู่แล้ว เพื่อภายหน้าเมื่อเขารู้ว่าอวิ๋นชูเยวี่ยเป็นคู่หมั้นของตนจะได้ตัดความคิดที่มีต่อนางทิ้งไป หยุดความสูญเสียได้ทันท่วงที
“ศิษย์พี่หลิ่ว ท่านไม่กล้าพูดถึงสาเหตุที่ข่มเหงข้าในวันนี้ แต่ข้ากล้าพูด” เมิ่งถังหันหน้ามาทางมู่หวาฮุย สีหน้าไม่สะทกสะท้าน แล้วเอาเรื่องที่เมื่อก่อนนางแอบหลงรักหลิงซิงเหยาอย่างไร เมื่อวานยังนัดหลิงซิงเหยาออกมาและสารภาพความในใจต่อเขาอย่างไร บอกเล่าออกมาทั้งหมด
“…ตอนนั้นศิษย์พี่หลิงปฏิเสธข้าอย่างชัดแจ้ง ในใจของข้าก็ปล่อยวางเรื่องเขาไปแล้ว ไม่มีความเพ้อฝันใดๆ เกี่ยวกับเขา และไม่เคยคิดว่าต่อไปจะชอบเขาอีก คิดไม่ถึงว่าจะมีศิษย์พี่หญิงคนหนึ่งของยอดเขาชิงหงบังเอิญเห็นเรื่องที่ข้าสารภาพความในใจกับศิษย์พี่หลิงเข้า หลังจากกลับไปนางก็ป่าวประกาศเรื่องนี้ไปทั่ว”
แม้เรื่องเหล่านี้เจ้าของร่างเดิมจะเป็นคนก่อขึ้นมาทั้งหมด แต่เมิ่งถังก็ไม่ถือสาแม้แต่น้อยที่จะรับมาเป็นเรื่องของตน อีกทั้งนางก็ยินดีอย่างยิ่งที่จะพูดเรื่องเหล่านี้ออกมาต่อหน้ามู่หวาฮุยในเวลานี้
ประการแรกเรื่องนี้ได้แพร่กระจายออกไปทั่วสำนักหมิงหวาแล้ว ต่อให้เวลานี้นางไม่พูด ช้าเร็วมู่หวาฮุยก็ต้องได้ยินจากคนอื่น ประการที่สองหากไม่ใช้เรื่องนี้เป็นข้ออ้างจะเอ่ยปากเรื่องอวิ๋นชูเยวี่ยกับหลิงซิงเหยาให้มู่หวาฮุยรู้ได้อย่างไร
“ศิษย์พี่คงรู้ว่ายอดเขาชิงหงมีศิษย์น้องหญิงผู้หนึ่งชื่ออวิ๋นชูเยวี่ยกระมัง ศิษย์น้องผู้นี้ นางกับศิษย์พี่หลิงต่างฝ่ายต่างชอบพอกันอยู่ก่อนแล้ว ศิษย์พี่หลิ่วรักศิษย์น้องของนาง ไม่พอใจที่ข้าถึงกับกล้าไปสารภาพความในใจต่อศิษย์พี่หลิง ดังนั้นวันนี้จึงตั้งใจมาสั่งสอนและตักเตือนข้า”
ความจริงแม้เวลานี้อวิ๋นชูเยวี่ยกับหลิงซิงเหยาจะต่างมีอีกฝ่ายอยู่ในใจจริง ยอดเขาชิงหงมีศิษย์พี่ศิษย์น้องหลายคนมองออก ยังเอาเรื่องนี้มาหยอกล้ออวิ๋นชูเยวี่ยอยู่เสมอ แต่ปัจจุบันเจ้าของเรื่องทั้งสองฝ่ายยังไม่ได้เจาะกระดาษหน้าต่างชั้นนี้* ภายนอกยังดูคลุมเครือ ด้วยเหตุนี้ในสำนักหมิงหวาจึงยังมีคนจำนวนมากที่ไม่รู้เรื่องนี้ หาไม่เจ้าของร่างเดิมก็คงไม่วิ่งไปสารภาพความในใจกับหลิงซิงเหยา
อย่างไรก็ตามในหนังสือนิยาย ความคลุมเครือระหว่างอวิ๋นชูเยวี่ยกับหลิงซิงเหยาสองคนนี้กินเนื้อหาไปเกือบครึ่งเล่มเต็มๆ
กล่าวอีกนัยหนึ่ง ภายใต้สถานการณ์ที่เห็นอยู่ว่าอวิ๋นชูเยวี่ยมีคนอื่นอยู่ในใจกลับยังรั้งมู่หวาฮุยไว้เกือบครึ่งเล่ม โดยเฉพาะหลังจากรู้แล้วว่ามู่หวาฮุยเป็นคู่หมั้นของตน
ดังนั้นบทบาทของมู่หวาฮุยในหนังสือจึงเป็นเพียงเครื่องมือที่ทำให้หลิงซิงเหยาหึงหวงและส่งเสริมความก้าวหน้าของความสัมพันธ์ระหว่างเขากับนางเอก เมื่อสองคนนี้เปิดเผยความรู้สึกที่แท้จริงในใจและตัดสินใจจะอยู่ด้วยกันในที่สุด มู่หวาฮุยบุคคลที่เป็นเครื่องมือผู้นี้ก็ไม่มีความจำเป็นต้องดำรงอยู่อีกต่อไป
ครั้นแล้วนักเขียนก็มอบชีวิตที่เลวร้ายอย่างไม่น่าเชื่อให้กับมู่หวาฮุยเสียเลย จากนั้นก็ให้เขาถูกนางเอกสังหารกับมือ สุดท้ายกระทั่งศพที่ครบถ้วนสมบูรณ์ก็ไม่เหลือไว้ ปล่อยให้ร่างและวิญญาณของเขาต้องแหลกสลาย
ถือสิทธิ์อะไร ความรักนอกจากตัวเอกกับกลุ่มของตัวเอกแล้ว คนอื่นก็ไม่มีใครคู่ควรที่จะมีความสุข กระทั่งมีชีวิตอยู่เลยหรือ ตอนอ่านหนังสือเมิ่งถังโกรธมาก ดังนั้นนางจึงรู้สึกว่าจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเพิ่มภูมิคุ้มกันให้กับมู่หวาฮุยเสียตั้งแต่ตอนนี้
หลังจากเล่าเรื่องจบ เมิ่งถังก็ลอบมองมู่หวาฮุย เห็นสีหน้าของเขาไม่แปรเปลี่ยนแม้แต่น้อย
ดียิ่งนักดูเหมือนเวลานี้เขายังไม่รู้ว่าอวิ๋นชูเยวี่ยคือคู่หมั้นของตัวเอง และไม่มีความรู้สึกหวั่นไหวใดๆ ต่ออวิ๋นชูเยวี่ย
แต่ความจริงแล้วมู่หวาฮุยในเวลานี้รู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างยิ่ง
เดิมเข้าใจว่าศิษย์น้องที่เป็นคนไม่ค่อยพูด ไปไหนมาไหนตามลำพัง ไม่ว่ากับผู้ใดก็ไม่สนิทสนม คิดไม่ถึงว่านางถึงกับมีคนที่ชอบ กระทั่งยังรวบรวมความกล้าไปสารภาพความในใจกับอีกฝ่ายด้วย
มู่หวาฮุยเริ่มทบทวนตนเอง ที่ผ่านมาเขาไม่ใส่ใจศิษย์น้องเกินไปใช่หรือไม่ และหลิงซิงเหยาก็ถึงกับปฏิเสธศิษย์น้องอย่างไม่อ้อมค้อม…
เวลานี้ศิษย์น้องคงจะเสียใจมากกระมัง
มู่หวาฮุยไม่เคยปลอบใจสตรี ยิ่งไม่เคยปลอบใจสตรีที่ไปสารภาพความในใจแล้วถูกปฏิเสธ ในใจกำลังคิดหาถ้อยคำที่เหมาะสมก็ได้ยินหลิ่วหลิงอวิ๋นกรีดร้องขึ้นมา
“เมิ่งถัง เจ้าหน้าไม่อาย!”
นางพูดเรื่องที่นางไปสารภาพความในใจกับศิษย์น้องหลิงออกมาตรงๆ ต่อหน้าศิษย์พี่ใหญ่ได้อย่างไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสารภาพของนางยังถูกศิษย์น้องหลิงปฏิเสธอย่างไม่ไว้ไมตรีอีกด้วย
เรื่องเช่นนี้ไม่สมควรเป็นเรื่องอัปยศ ไม่สมควรปกปิดซุกซ่อนไม่ให้ใครรู้หรอกหรือ
ที่สำคัญที่สุดก็คือนางบอกมูลเหตุและผลลัพธ์ของเรื่องนี้ออกมาอย่างเปิดเผยตรงไปตรงมาเช่นนี้ ตนยังจะเล่นลิ้นต่อหน้าศิษย์พี่ใหญ่อย่างไรว่าไม่ได้ข่มเหงรังแกเมิ่งถัง
มู่หวาฮุยยังคงเป็นศิษย์พี่ที่มีเหตุผล น่าเคารพยิ่ง เห็นหลิ่วหลิงอวิ๋นกล้าเอ่ยปากด่าประจานเมิ่งถังต่อหน้าเขา รอยยิ้มอบอุ่นบนใบหน้าหล่อเหลาก็จางลง
“ศิษย์น้องหลิ่วระวังคำพูดด้วย! หนุ่มสาวชอบความสวยความงามเป็นเรื่องปกติธรรมดา ถึงศิษย์น้องของข้าพึงพอใจศิษย์น้องหลิงก็ไม่ได้ทำให้ผู้ใดเดือดร้อน”
ถูกเขาปกป้องเช่นนี้ ในใจของเมิ่งถังมีความสุขยิ่ง
จึงรับหัวข้อสนทนา หันไปพูดใส่หลิ่วหลิงอวิ๋น “ศิษย์พี่ของข้ากล่าวได้ถูกต้อง! อีกทั้งเมื่อครู่ข้าก็บอกกับท่านอย่างชัดเจนแล้ว เวลานี้ข้าไม่ชอบศิษย์พี่หลิงแล้ว กระทั่งต่อไปเมื่อเห็นเขา ข้าก็จะเดินอ้อมไป ท่านไม่จำเป็นต้องมาที่นี่เพื่อตำหนิและตักเตือนข้าแทนศิษย์น้องอวิ๋นอีก”
ฮึ ใครอยากจะสนใจพระเอกนางเอกกัน จากนี้ไปนางเพียงต้องการปกป้องมู่หวาฮุยให้ดีก็พอแล้ว