ข้าต้องปกป้องศิษย์พี่ผู้หล่อเหลา
ทดลองอ่าน ข้าต้องปกป้องศิษย์พี่ผู้หล่อเหลา เล่ม 1 บทที่ 3 – 4
นางเอกในหนังสือนิยายที่บอบบางน่าทะนุถนอมเช่นนี้ จะคาดหวังให้นางเป็นมังกรผยองฟ้า** จู่โจมฟ้าจู่โจมดินกวาดล้างโลกด้วยกระบี่เล่มเดียวได้อย่างไร นี่เป็นผู้ที่ไม่อาจได้รับความทุกข์ยากแม้แต่น้อย ดังนั้นแม้นางเอกจะมีสติปัญญาที่ไม่ธรรมดา แต่พลังวัตรก็กลับไม่สูง
การพาร่างกายเช่นนี้ไปโน่นนี่จนทั่วก็ไม่ต่างอะไรกับเด็กน้อยถือทองคำไปเดินตลาดที่ผู้คนคึกคัก ไม่นานก็ต้องถูกคนสังเกตเห็น
ในช่วงคับขันอันตรายพระเอกอย่างหลิงซิงเหยาเป็นวีรบุรุษช่วยโฉมงาม ทั้งสองคนก็เกิดรักแรกพบต่อกัน จากนั้นอวิ๋นชูเยวี่ยก็ตามหลิงซิงเหยากลับมาสำนักหมิงหวา ผู้อาวุโสแห่งยอดเขาชิงหงจึงรับเป็นศิษย์
ได้รับการดูแลโปรดปรานจากทุกคนต่อไป เพียงแค่ขอบตานางแดงขึ้นมาเล็กน้อยก็จะมีคนช่วยออกหน้าแทนนางมากมาย
อย่างเช่นติงเล่อเซวียนผู้นี้เห็นชัดว่ากำลังออกหน้าแทนนาง เพียงเพราะเรื่องเมื่อสองวันก่อนที่เมิ่งถังไปสารภาพความในใจกับหลิงซิงเหยา
เมิ่งถังออกจะนึกรำคาญขึ้นมาจริงๆ แล้ว
ไม่รู้จักจบจักสิ้นเสียที เมื่อวานนางไม่ใช่เพิ่งแสดงท่าทีของตนกับหลิ่วหลิงอวิ๋นอย่างชัดเจนและจริงจังไปแล้วหรือ เหตุใดเวลานี้ติงเล่อเซวียนก็ยังเป็นเช่นนี้อีก
คนในยอดเขาชิงหงเช่นพวกเจ้าไม่ว่าผู้น้อยผู้ใหญ่ได้กำหนดกันเป็นการภายในแล้วว่าหลิงซิงเหยาก็คือสามีของอวิ๋นชูเยวี่ย คนอื่นไม่อาจมองแม้แต่แวบเดียว ในเมื่อเป็นเช่นนี้เหตุใดพวกเจ้าไม่เอาหลิงซิงเหยากลับไปขังไว้ที่ยอดเขาชิงหง ไม่ให้เขาออกมาเล่า
“ข้ามีสง่าน่ายำเกรงแล้วอย่างไร”
เมิ่งถังลุกขึ้นมายืน ยกมือชี้ไปที่ติงเล่อเซวียน รวมทั้งศิษย์น้องซุนที่เพิ่งเหน็บแนมนางไปเมื่อครู่ผู้นั้น รวมถึงคนอื่นๆ
“เจ้า…เจ้า ยังมีพวกเจ้าที่นั่งอยู่ที่นี่ทุกคน เข้าสำนักช้ากว่าข้าทั้งสิ้น ล้วนต้องเรียกข้าว่าศิษย์พี่ กฎระเบียบของสำนักหมิงหวาลืมหมดแล้วหรือ เช่นนั้นวันนี้ข้าผู้เป็นศิษย์พี่จะสั่งสอนพวกเจ้าเอง!
เมตตากรุณา คุณธรรม มารยาท ภูมิความรู้ สัจจะ ให้อภัย กตัญญู เคารพผู้อาวุโสกว่า ข้ออื่นข้าจะยังไม่พูดถึง เคารพผู้อาวุโสกว่า คำนี้รู้ความหมายกันหรือไม่ เคารพรักต่อพี่ชายพี่สาว! ในเมื่อข้าเป็นศิษย์พี่ของพวกเจ้า พวกเจ้าก็สมควรต้องให้ความเคารพข้า ยังจะกล้าพูดจาแปลกประหลาดเสียดสีประชดประชันข้า! นี่ก็คือผู้น้อยล่วงเกินผู้ใหญ่!
อ้อ ข้าวางตัวมีสง่าน่ายำเกรงต่อหน้าพวกเจ้าสักหน่อยแล้วอย่างไร พวกเจ้าไม่อาจยอมรับหรือ ขอบอกกับพวกเจ้าตามตรง ต่อให้วันนี้ข้าดุด่าพวกเจ้า ตบหน้าพวกเจ้าฉาดหนึ่งแล้วอย่างไร ต่อให้พวกเจ้าไปฟ้องผู้อาวุโสที่หอคุมกฎ ข้าก็ยังคงมีเหตุผลเหนือกว่า!”
ฮึ วันนี้นางจะลองใช้สถานะกดข่มคนดู ดูว่าวันหน้าคนเหล่านี้ยังจะกล้าพูดจาแปลกประหลาดเสียดสีประชดประชันนางเช่นนี้อีกหรือไม่!
บรรดาศิษย์ที่นั่งอยู่ในที่นี้เหล่านี้ แต่ก่อนไหนเลยจะเคยเห็นเมิ่งถังที่เป็นเช่นนี้ ชั่วขณะนั้นถึงกับถูกกลิ่นอายความน่าเกรงขามบนร่างของนางทำให้หวาดหวั่น ไม่กล้าบุ่มบ่ามมุทะลุอีก
หากแต่ติงเล่อเซวียนผู้นั้นกลับโกรธจนสั่นไปทั้งตัว
“ท่านหน้าไม่อาย!”
เมิ่งถังคิด หรือว่าพวกเจ้าศิษย์ยอดเขาชิงหงไม่มีคำใหม่จะด่าคนแล้วหรืออย่างไร พลิกไปพลิกมาก็มีเพียงหน้าไม่อายสามคำนี้
“ไหนเจ้าว่ามาซิ ข้าหน้าไม่อายอย่างไร” สองมือเมิ่งถังกอดอยู่ที่อก ร่างเอียงพิงโต๊ะเรียน ท่าทางดูแล้วเหนื่อยหน่ายยิ่ง
เห็นชัดว่าไม่เห็นติงเล่อเซวียนอยู่ในสายตา ติงเล่อเซวียนมีหรือจะมองไม่ออก
ในใจยิ่งโกรธแค้นแล้ว ทว่าในความโกรธแค้นยังเจือไปด้วยความเหยียดหยามอยู่หลายส่วน
“พวกเราต้องเรียกท่านว่าศิษย์พี่ไม่ผิด แต่ท่านก็ไม่ดูเสียบ้าง พวกเราเหล่านี้เข้าสำนักหมิงหวาช้ากว่าท่านกี่ปี เสียแรงท่านยังมีฐานะเป็นศิษย์สายตรงของท่านเจ้าสำนัก ปกติมียาดียาวิเศษป้อนให้เท่าไร จนบัดนี้ลำดับขั้นก็ยังไม่ถึงขั้นสร้างฐาน ศิษย์พี่หลิงที่เข้าสำนักมาพร้อมท่าน เวลานี้กำลังมุ่งเข้าสู่ขั้นจินตันแล้ว”
พูดมาถึงตรงนี้ติงเล่อเซวียนก็ควบคุมตนเองไม่อยู่ พูดเสริมอย่างโกรธแค้นอีกประโยคหนึ่ง “ฮึ ขอเพียงแบ่งยาวิเศษเหล่านั้นให้ข้าสักครึ่งหนึ่ง ข้าคงบรรลุขั้นสร้างฐานอย่างสมบูรณ์ไปนานแล้ว”
เข้าใจแล้ว ดูแล้วสาเหตุที่เจ้าของร่างเดิมตกเป็นเป้าไม่ใช่เพียงเพราะนิสัยอ่อนแอมองตนต่ำต้อยข่มเหงได้ง่าย ยังเพราะเจ้าของร่างเดิมสติปัญญาความรู้ธรรมดาๆ แต่กลับได้รับความโปรดปรานจากเจ้าสำนักรับมาเป็นศิษย์สายตรง เสพสุขจากแหล่งทรัพยากรที่คนเหล่านี้ไม่กล้าแม้แต่จะนึกถึง
ก็เพราะความริษยาจึงได้ร่วมมือกันกีดกันเจ้าของร่างเดิม
หากพวกเจ้าเข้าใจว่าเพราะเหตุใดเจ้าของร่างเดิมจึงได้รับความโปรดปรานจากเจ้าสำนัก รับมาเป็นศิษย์สายตรง หากพวกเจ้าเข้าใจว่าเพราะเหตุใดเจ้าสำนักจึงดีต่อเจ้าของร่างเดิมเช่นนั้น กลัวก็แต่เมื่อรู้ความจริงแล้ว ให้พวกเจ้ามาเป็นศิษย์สายตรงของเจ้าสำนัก เจ้าก็ยังไม่ยอมด้วยซ้ำ
เมิ่งถังในใจยิ้มหยันเรื่องนี้ ทว่าบนใบหน้ากลับยังคงมีท่าทีเหนื่อยหน่าย
“อ้อ ที่เจ้าพูดมาก็มีเหตุผลอยู่หลายส่วน”
ติงเล่อเซวียนกำลังคิดว่าเมิ่งถังผู้นี้ดูแล้วยังมีญาณทัสนะที่รู้ตัวเองดีอยู่หลายส่วนก็ได้ยินคำพูดถัดมา
“ทว่าทำอย่างไรได้เล่า ถึงสติปัญญาของข้าจะธรรมดาสามัญ เข้าสำนักมาหลายปียังตีฝ่าขั้นสร้างฐานไม่ได้ ยังต้องเล่าเรียนอยู่กับพวกเจ้าด้วยกันที่นี่ แต่ข้าก็ยังคงเป็นศิษย์พี่ของพวกเจ้า”
เอนพิงโต๊ะเรียนด้วยร่างอ่อนระทวยราวกับไร้กระดูก เมิ่งถังมองติงเล่อเซวียนด้วยสีหน้ายิ้มกริ่ม
“พวกเจ้าพบเจอข้าก็ยังคงต้องเรียกข้าศิษย์พี่เมิ่งอย่างนอบน้อม ข้าสามารถวางท่าสั่งสอนพวกเจ้าได้ พวกเจ้าก็ได้แต่ต้องรับฟังแต่โดยดี ไม่อาจโต้แย้ง หาไม่ล่ะก็ ข้าก็จะบอกกับศิษย์พี่หรืออาจารย์ของข้า หรือถ้าเหล่าผู้อาวุโสที่หอคุมกฎรู้เข้า พวกเจ้าลองทายดู ถึงตอนนั้นใครจะถูกลงโทษกันเล่า”
เมิ่งถังหาใช่เจ้าของร่างเดิมที่ถูกข่มเหงรังแกก็ได้แต่อดทนอยู่เงียบๆ ในเมื่อมีคนหนุนหลังอยู่เหตุใดจะไม่ใช้
ประจักษ์ชัดแจ้งว่าติงเล่อเซวียนถูกความไร้ยางอายของเมิ่งถังทำให้ตื่นตระหนกตกใจ ชี้หน้านางอยู่เป็นนาน ยังคงอ้ำอึ้งไม่รู้ว่าควรพูดอะไรต่อไปดี
หนังหน้าของคนผู้นี้หนาถึงเพียงนี้แล้ว ต่อให้นางพูดอะไรก็ไม่มีประโยชน์ ไม่อาจทำให้ผู้อื่นเจ็บปวดแม้แต่น้อยนิด
เมิ่งถังยังคงมองอีกฝ่ายด้วยสีหน้ายิ้มกริ่ม กระทั่งยังเลิกหางคิ้วขึ้นเล็กน้อย ท่าทางเหมือนจะบอกแน่จริงเจ้าก็ด่าข้าอีก ดูข้าจะยั่วยุเจ้าให้โมโหจนตายได้หรือไม่
ติงเล่อเซวียนถูกนางทำให้โมโหจนหน้าเป็นสีตับหมู* แต่ฝีปากกลับใช้การไม่ได้ เพลิงโทสะที่แน่นอกไม่รู้ควรแสดงออกมาเช่นไร
อวิ๋นชูเยวี่ยที่นั่งอยู่ข้างกายนางเห็นศิษย์พี่ของตนมีท่าทางเช่นนี้ก็รีบกล่าวปลอบใจนางเบาๆ สองคำ
จากนั้นก็หันหน้ามา มองเมิ่งถังอย่างหวั่นหวาด น้ำเสียงอ่อนแอเปราะบาง
“ศิษย์…ศิษย์พี่เมิ่ง ศิษย์พี่ติงของข้าไม่ได้มีเจตนาจะยอกย้อนท่าน นางก็เป็นคนใจร้อนเช่นนี้เอง ความจริงแล้วนางเป็นคนดีมาก ท่าน…ท่านอย่าดุนางเลย” พูดมาถึงช่วงท้ายในดวงตารูปเมล็ดซิ่ง** สุกใสคู่นั้นของนางถึงกับมีม่านน้ำผุดขึ้นมาชั้นหนึ่ง ดูเหมือนจะร้องไห้ไม่ร้องไห้อยู่แล้ว
เมิ่งถังคิด
อะไรกัน เพียงคำพูดที่ว่าติงเล่อเซวียนเป็นคนดีมาก เพียงเป็นคนใจร้อนเช่นนี้ประโยคเดียว นางก็สมควรต้องอดทนต่อคำพูดเย้ยหยันและด่ากระทบกระเทียบเปรียบเปรยเช่นนั้นหรือ
อีกทั้งขอร้องเถอะ นี่เป็นเรื่องระหว่างข้ากับติงเล่อเซวียน เจ้าเข้ามาวุ่นวายอะไรกัน
เข้ามายุ่งเกี่ยวก็เข้ามายุ่งเกี่ยว แต่เจ้าไยต้องแสดงสีหน้าท่าทางเช่นนี้ ใครไม่รู้ยังเข้าใจว่าข้าข่มเหงรังแกเจ้าแล้ว
ขณะเมิ่งถังคิดจะสั่งสอนหลักการวางตัวให้อวิ๋นชูเยวี่ย ไม่ใช่คนทั้งใต้หล้าล้วนเป็นบิดามารดาของเจ้า ล้วนต้องยอมอ่อนข้อให้เจ้า คุณหนูใหญ่ผู้นี้ ต้องพูดกับเจ้าด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลอ่อนโยน ด้วยกลัวจะทำให้เจ้าตกใจอยู่นั้นก็พลันได้ยินเสียงศิษย์น้องซุนผู้นั้นร้องขึ้นมา “ศิษย์พี่หลิงมาแล้ว!”
* เจาะกระดาษหน้าต่างชั้นนี้ เป็นคำอุปมา หมายถึงแสดงออกอย่างเปิดเผย
* จิ้งจอกแอบอ้างบารมีเสือ เป็นสำนวน หมายถึงการกดขี่ผู้อื่นด้วยอำนาจที่ไม่ใช่ของตน
* ชุ่น เป็นหน่วยมาตราวัดของจีนสมัยโบราณ เทียบความยาวประมาณ 1 นิ้ว ระยะ 10 ชุ่นเป็น 1 ฉื่อ (เชียะ)
* เห็นคนกินหัวไช้เท้าเค็มแล้วคนกินจืดเป็นทุกข์แทน เป็นสำนวน หมายถึงคนที่ชอบยุ่งเรื่องคนอื่น บ่อยครั้งคนที่ไม่รู้ความเป็นมาของเรื่องราวกลับเข้ามายุ่งเกี่ยววุ่นวายทำให้ยิ่งเสียเรื่อง อย่างเช่นคนชอบกินเค็มได้กินของเค็มก็มีความสุข คนกินจืดไม่เข้าใจกลับเป็นห่วง
** มังกรผยองฟ้า เป็นสแลงออนไลน์ เป็นคำเรียกกึ่งหยอกล้อกึ่งประชดประชัน หมายถึงผู้เก่งกาจอยู่ยงคงกระพัน เอาชนะคู่ต่อสู้ได้โดยง่ายดาย
* สีตับหมู คือสีม่วงคล้ำ สีเขียวคล้ำ
** ซิ่ง หมายถึงแอปปริคอต เป็นพืชตระกูลเดียวกับต้นเหมย (บ๊วย) ชาวจีนมักเปรียบดวงตาที่กลมโตว่าเหมือนเมล็ดซิ่ง
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 3 ม.ค. 66 เวลา 12.00 น.