X
    Categories: ข้ามเวลามาเป็นแพทย์ทหารหญิงทดลองอ่านมากกว่ารัก

ทดลองอ่าน ข้ามเวลามาเป็นแพทย์ทหารหญิง บทที่ 7

หน้าที่แล้ว1 of 4

บทที่ 7

ไม่รู้ว่าท่านสี่หรือพี่สี่คนนี้พูดอะไรกับคุณชายหวัง แต่หลังจากอีกฝ่ายไปแล้ว คุณชายหวังกลับดูท่าทางห่อเหี่ยวใจนิดหน่อย และคงเป็นเพราะเหตุนี้ถึงได้ลืมเรื่องก่อนหน้านี้ไปสนิท เขาเหยียดขาข้างหนึ่งไปเกี่ยวเก้าอี้ตัวหนึ่งมาแล้วหย่อนบั้นท้ายลงนั่ง ยกสองขาพาดบนราวรั้ว หันหน้าไปทางอาทิตย์อัสดงหลังยอดเขาตรงปลายโค้งน้ำอยู่นิ่งๆ ในท่านี้

ซูเสวี่ยจื้อสบตากับญาติผู้พี่แล้วทั้งคู่ก็พากันเดินออกจากดาดฟ้าเงียบๆ อย่างใจตรงกัน

เยี่ยเสียนฉีตามเข้ามาในห้องของเธอ ปิดประตูแล้วตีหัวตนเองแรงๆ “ฉันโง่เหมือนหมูจริงๆ แบบนี้ไม่ใช่ให้เธอเป็นเหมือนเนื้อเข้าปากเสือหรือ ถ้าเกิดเขายังจะให้เธอหัดแสดงอุปรากรอีก…”

“พี่กับเขาเป็นเพื่อนนักเรียนกันที่ตงหยางจริงๆ เหรอ”

เยี่ยเสียนฉีพูดอึกๆ อักๆ “คือ…คือว่า…”

“ช่างเถอะ ฉันรู้แล้ว” ญาติผู้น้องของเขาทำเสียงฮึ

ชายหนุ่มเกาหัวอย่างร้อนตัว ยิ้มอย่างประจบเอาใจ “เสวี่ยจื้อ เธอวางใจได้ ฉันจะไปหาเป้าจื่อเดี๋ยวนี้เลย บอกกับเขาว่าพวกเราจะย้ายลงไป จะได้ไม่เกิดเรื่อง”

ทีแรกซูเสวี่ยจื้อไม่อยากทำให้เขาเสียอารมณ์ถึงได้ตามมา ตอนนี้เขาเปลี่ยนใจสักที เธอรอคำนี้มานานแล้ว

“ถ้าอย่างนั้นจะหาเหตุผลอะไรดี”

เยี่ยเสียนฉีย่นหัวคิ้วเข้าหากัน “ก็บอกว่าลุงจงไม่สบาย พวกเราต้องกลับไปดูแลเขา คุณชายหวังคนนั้นอยากหาเรื่องก็ไม่มีข้ออ้างแล้ว”

บางครั้งซูเสวี่ยจื้อรู้สึกนับถือญาติผู้พี่ของตนเองมากพอดูจริงๆ หัวไวเจ้าความคิด อีกอย่างข้ออ้างนี้ก็ไม่เลวเลยจริงๆ เธอจึงพยักหน้า

เยี่ยเสียนฉีส่งเธอลงไปหาลุงจงก่อนและกำชับว่าอย่าพูดความจริง ลุงจงจะได้ไม่เป็นห่วง แค่บอกว่าอยู่ข้างบนไม่เป็นอิสระ ทั้งคู่อยากหาข้ออ้างย้ายลงมาโดยให้เขาแกล้งป่วย หลังนัดแนะเสร็จกลับมาก็แกล้งทำเป็นเพิ่งรู้ว่าลุงจงไม่สบายแล้วค่อยไปหาป้าหวังด้วยกัน พูดเกริ่นๆ เล็กน้อยและฝากป้าหวังเข้าไปบอก จากนั้นรออยู่ข้างนอก

ป้าหวังเข้าไปเรียกคนให้ ผ่านไปครู่หนึ่ง คนที่ชื่อเป้าจื่อก็เดินออกมาจากด้านใน

เยี่ยเสียนฉีพูด “เมื่อครู่น้องผมลงไปหยิบของ ถึงรู้ว่าลุงจงไม่ค่อยสบาย คงเพราะอายุมากแล้ว ออกมาข้างนอกไม่คุ้นกับดินฟ้าอากาศน่ะครับ ลุงจงเป็นคนเก่าคนแก่ในบ้านพวกผม เป็นเหมือนคนครอบครัวเดียวกัน ผมกับน้องปรึกษากันแล้วอยากย้ายกลับไปด้วยกันจะได้ดูแลเขาได้สะดวก เลยตั้งใจมาบอกกล่าวพวกคุณสักคำ หลายวันนี้พวกเราสองพี่น้องรบกวนพวกคุณตลอด ต้องขอบคุณท่านสี่แล้วก็คุณชายหวังมากๆ ครับ”

เขาฟังจบแล้วบอกว่า “ไม่ต้องย้ายลงไปแล้วครับ พวกคุณพักอยู่ที่นี่เถอะ ให้คนป่วยย้ายขึ้นมา มีห้องว่างอยู่”

ตอนเยี่ยเสียนฉีพูดอยู่ ซูเสวี่ยจื้อก้มหน้าเล็กน้อยไม่ปริปากสักคำ พอได้ยินเป้าจื่อตอบกลับมาแบบนี้ เธอก็ประหลาดใจเหลือหลายจนอดเหลือบตาขึ้นไม่ได้

อีกฝ่ายไม่แสดงสีหน้าใดๆ ไม่คล้ายกำลังพูดโกหกส่งเดช

ด้านเยี่ยเสียนฉีนิ่งอึ้งไปชั่วอึดใจก่อนดึงสติกลับมา เขาโบกมือเป็นพัลวัน “ไม่ต้องครับๆ พวกผมย้ายลงไปก็พอ ไม่ต้อง…”

“เอาตามนี้เถอะครับ” เป้าจื่อหันหน้าไปสั่งป้าหวังที่รออยู่ด้านข้างให้ไปเตรียมห้องอีกห้องหนึ่ง เขาพูดจบก็เดินไปเลย

สองลูกพี่ลูกน้องจนปัญญาได้แต่กลับไปก่อน หลังปิดประตูสุมหัวปรึกษากันใหม่ ทั้งคู่ก็สงสัยว่านี่น่าจะเป็นความต้องการของ ‘ท่านสี่’ ไม่เช่นนั้นคนเป็นลูกน้องอย่างเป้าจื่อไม่มีทางตัดสินใจเองโดยพลการ

ทว่าเพราะอะไร ‘ท่านสี่’ คนนั้นถึงอยากจะให้พวกเธอพักอยู่ข้างบนกันล่ะ

เพื่อให้พวกเธอเล่นเป็นเพื่อนคุณชายหวังต่อ จะได้ช่วยคุณชายหวังฆ่าเวลาอันจำเจน่าเบื่อบนเรือเหรอ

สองลูกพี่ลูกน้องคิดไปคิดมาแล้วดูเหมือนจะมีเหตุผลนี้อย่างเดียว

ในเมื่อเขาถึงขั้นออกปากให้ ‘คนป่วย’ ย้ายขึ้นมาด้วยได้ หากพวกเขายังยืนกรานจะย้ายลงไปให้ได้นั่นเท่ากับฉีกหน้าอีกฝ่ายใช่หรือไม่

คนระดับนี้น่าจะให้ความสำคัญกับศักดิ์ศรีหน้าตา วันนี้คุณชายหวังอยู่ดีๆ ก็ชักสีหน้า ต้นเหตุเพราะถูกปฏิเสธถึงได้รู้สึกเสียหน้าไม่ใช่เหรอ

เยี่ยเสียนฉีรู้สึกคล้ายกับลงเรือโจรอย่างไรอย่างนั้น ที่สำคัญคือเป็นตัวเขาเองที่คิดจนหัวแทบแตกพยายามจะมุดลงเรือลำนี้เอง

ตอนนี้เป็นอย่างไรล่ะ อยากจะไปก็ไปไม่ได้แล้ว

ทั้งสองได้แต่จ้องตากันอย่างหมดหนทางอยู่ชั่วขณะ จากนั้นก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังจากข้างนอกระลอกหนึ่ง พอออกไปดูก็เห็นผู้คุ้มกันคนหนึ่งของคุณชายหวังพาใครคนหนึ่งเดินมา

นั่นมันลุงจงไม่ใช่เหรอ

ไม่ใช่แค่นี้ คุณชายหวังถึงกับมาด้วยตนเอง เขาตามมาข้างหลัง บอกพร้อมกับยิ้มกว้างจนตาหยีประหนึ่งไม่เคยเกิดอะไรขึ้นมาก่อนว่าเมื่อครู่เขาได้ยินเรื่องนี้เลยให้ผู้คุ้มกันลงไปรับคนขึ้นมา ให้พ่อบ้านเก่าแก่ของทั้งคู่พักผ่อนที่นี่ตามสบาย

คุณชายหวังให้เกียรติขนาดนี้ ซ้ำยังพาตัวลุงจงขึ้นมาแล้ว สองลูกพี่ลูกน้องยังจะทำอย่างไรได้อีก ได้แต่พูดขอบคุณซ้ำๆ

คุณชายหวังโบกมือไปมา “เอาล่ะ ตามสบายเถอะ” ว่าแล้วก็เริ่มครวญเพลงเบาๆ “…ข้านี้ออกจากเมืองเยี่ยนมา อันทิวทัศน์เมืองเหมยหลงแสนลานตา…” เขาเดินเอ้อระเหยจากไปด้วยสีหน้าเบิกบาน

รอกระทั่งเขาไปแล้ว ซูจงที่แกล้งป่วยอยู่จึงยืดตัวลุกขึ้น ถามนายน้อยทั้งสองว่าเกิดอะไรขึ้น

เมื่อครู่เขาอยู่ข้างล่างกำลังรอนายน้อยสองคนลงไป คิดไม่ถึงว่าจะมีคนมาหาบอกว่าจะรับเขาขึ้นไปพักรักษาตัว เขานึกถึงคำพูดของนายหญิงน้อยตอนมาหาเขาเลยกลั้นใจตามขึ้นมาก่อนอย่างไม่มีทางเลือก

สองลูกพี่ลูกน้องสบตากัน

มาถึงขั้นนี้คงต้องพักอยู่ข้างบนแล้ว แค่ต้องลำบากซูจงให้นอนเฉยๆ อยู่ในห้องสองสามวันก่อน

วันที่เหนือความคาดหมายนี้ผ่านพ้นไปในที่สุด หลังจากนั้นคุณชายหวังยังคงเรียกพวกเขาไปเล่นไพ่บริดจ์เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น และดีที่อีกฝ่ายไม่ได้บังคับให้ซูเสวี่ยจื้อหัดร้องอุปรากรกับเขาอีก ทั้งคู่ถึงคลายใจลงได้ทีละน้อย

 

เรือแล่นไปตามกระแสน้ำจากทิศตะวันตกสู่ทิศตะวันออกเช่นนี้อีกสองวัน วันนี้หยุดเทียบท่าแถวตำบลใหญ่แห่งหนึ่งเพื่อจัดหาเสบียงเพิ่มเติม

ซูจงต่างจากนายหญิงน้อยของตน เขาเป็นคนวิ่งรอกทำงานจนเคยชิน นอนอยู่ในห้องได้สองวัน ต่อให้สะดวกสบายแค่ไหน เขาก็ทนอยู่เฉยไม่ไหวแล้ว

เขาได้เห็นว่านายน้อยทั้งสองพักอยู่อย่างสบาย ส่วนคุณชายหวังคนนั้นก็ทำสีหน้าแย้มยิ้มทั้งวันอย่างอบอุ่นเป็นกันเองมาก เขาก็สบายใจและฉวยจังหวะที่เรือหยุดจอดบอกว่าหายป่วยแล้ว พูดขอบคุณคุณชายหวังและย้ายลงไปข้างล่างตามเดิม

ผ่านไปครึ่งวัน พอปล่องไฟขนาดใหญ่พ่นกลุ่มควันออกมาเป็นทางยาวคล้ายมังกรสีดำ เรือก็เคลื่อนตัวออกจากท่า

สองวันที่แล้วมีฝนตกลงมาทำให้ระดับน้ำสูงขึ้น ผืนน้ำช่วงนี้กว้างขึ้นไม่น้อยอย่างฉับพลัน สายน้ำที่ไหลหลากโอบพยุงเรือกลไฟที่ขับเคลื่อนด้วยพลังเครื่องยนต์สามพันแรงม้าลำนี้ล่องลอยไปทางทิศตะวันออกอย่างมั่นคงกลางกระแสน้ำเชี่ยวแรง

หลังผ่านแม่น้ำช่วงนี้ไปแล้วมุ่งหน้าต่อไปเรื่อยๆ วันพรุ่งนี้เรือจะแล่นถึงสุดปลายทางของแม่น้ำตอนบน และเริ่มเข้าสู่เขตแดนของอีกมณฑลหนึ่งแล้ว

ตำบลที่เพิ่งผ่านมาเมื่อครู่เป็นจุดแวะพักประจำของเรือที่จะเดินทางไปทางทิศตะวันออก มีคนค้าขายไม่น้อยลงเรือมาจากที่นั่นพร้อมด้วยสินค้าท้องถิ่นหลากหลายชนิดเช่นใบชา ไก่รมควัน พวกเขาตะโกนเร่ขายของเสียงดัง ยังมีคนเล่นกายกรรมและละครลิงอีกด้วย ผู้โดยสารที่อุดอู้อยู่บนเรือมาหกเจ็ดวันพากันออกมาอย่างตื่นเต้นคึกคัก ชั่วอึดใจเดียวบริเวณดาดฟ้าเรือกับท้ายเรือของชั้นกลางกับชั้นล่างก็เต็มไปด้วยผู้คน ทำให้ครึกครื้นขึ้นกว่าปกติไม่น้อย ดูไปแล้วคล้ายตลาดย่อมๆ

ทว่าของที่เร่ขายอยู่บนเรือย่อมไม่ถูกตาถูกใจซูจงอยู่แล้ว เขาฉวยจังหวะเรือหยุดจอดขึ้นฝั่งไปซื้อใบชาชั้นดีชื่อดังของถิ่นนี้ด้วยตนเอง ขณะนี้เขาเดินถือมันมาถึงเชิงบันไดขึ้นไปชั้นบนสุด ขอให้ผู้คุ้มกันที่เฝ้าอยู่ตรงนั้นไปตามนายน้อยของตนเองลงมา

เมื่อคืนเล่นไพ่กันถึงดึกดื่นค่อนคืนตามเคย แต่หลังเล่นเสร็จกลับมาได้ไม่นานก็ไม่รู้ว่าคุณชายหวังเกิดเพี้ยนอะไรขึ้น ให้คนมาเรียกไปดื่มเหล้าฝรั่งกับเขาอีก ซูเสวี่ยจื้อแกล้งหลับไม่ได้ไป แต่ญาติผู้พี่ยอมดื่มเป็นเพื่อนแบบถึงไหนถึงกัน สุดท้ายดื่มเหล้าจนเมามายนอนหลับจนถึงตอนนี้ยังไม่ตื่น

ซูเสวี่ยจื้อเลยออกมาเอง

“นายน้อย นี่เป็นใบชาที่ผมขึ้นฝั่งไปซื้อมาโดยเฉพาะ อันนี้ให้คุณกับนายน้อยเยี่ย ส่วนอันนี้มอบให้พวกคุณชายหวัง ฝากนายน้อยนำไปให้แทนผมด้วย บอกว่าเป็นการขอบคุณพวกเขาแล้วกันขอรับ” ซูจงพูด

หญิงสาวหันหน้าไปมองคนที่ยืนพิงข้างราวรั้วดาดฟ้าเรือดูความคึกคักพลุกพล่านด้านล่างอยู่ในขณะนี้แวบหนึ่งก่อนรับของมา เธอเดินเข้าไปบอกต่อแล้วถือใบชาด้วยสองมือยื่นส่งให้

คุณชายหวังชำเลืองตามองนิดหนึ่งทว่าไม่ขยับตัว เขาพยักพเยิดคางบอกให้ผู้คุ้มกันที่อยู่ด้วยกันรับไว้

นี่เป็นน้ำใจของลุงจง เธอต้องเอามาให้แน่นอน จะเอาหรือไม่เอาก็แล้วแต่เขา พอเห็นเขารับไว้ก็เป็นอันเสร็จเรื่องแล้ว

ซูเสวี่ยจื้อจะเดินกลับไป แต่คุณชายหวังกวักมือเรียกเธอมาใกล้ๆ แล้วชี้แผงขายน้ำตาลปั้นที่มีเด็กหลายคนรุมล้อมอยู่ตรงดาดฟ้าเรือชั้นล่างพลางพูดว่า “น้องชายจะกินไหม” น้ำเสียงเขาแฝงการล้อเลียนอยู่บ้าง

เธอส่ายหน้าโดยไม่หยุดคิด แต่พอเห็นเขาเริ่มทำหน้าบึ้งตึงก็เปลี่ยนเป็นบอกว่าได้ทันที

พออยู่ด้วยมาหลายวัน เธอค่อยๆ รู้นิสัยของคุณชายหวังคนนี้แล้ว เอาเป็นว่าตามใจเขาไปเถอะ เขาอยากซื้อขนมให้ก็รับไว้ ถ้ากลัวว่าไม่สะอาดกลับไปค่อยโยนทิ้งก็ได้

สีหน้าคุณชายหวังคึกคักขึ้นตามคาด เขาชะโงกตัวโบกมือไปข้างล่างพร้อมตะโกนเรียกเสียงดังทันที ดึงความสนใจผู้คนด้านล่างให้พากันแหงนหน้ามองขึ้นมาทันใด

ซูเสวี่ยจื้ออดสงสัยไม่ได้ว่าคุณชายหวังอาจจะอยากซื้อเองแต่แรก แค่ศักดิ์ศรีค้ำคออยู่เลยอาศัยอ้างเธอบังหน้าพอดี

เธอไม่คุ้นเคยกับสถานการณ์แบบนี้จึงถอยไปข้างหลัง คุณชายหวังไม่ใส่ใจสักนิด เหลียวหน้ามาถามว่าอยากได้มังกรหรือหงส์

คนที่ชื่อเป้าจื่อเดินเข้ามายืนอยู่ข้างๆ บอกเสียงกระซิบ “คุณชายหวัง ด้านล่างคนเยอะวุ่นวาย คุณเข้ามาดีกว่าครับ”

คุณชายหวังทำหน้าบึ้งตึงเป็นครั้งที่สอง

“เมื่อครู่นี้ตอนเรือหยุดจอด คุณไม่ให้ผมลงไป ได้…ผมเชื่อฟังคุณ ตอนนี้ผมแค่ซื้อขนมหลอกเด็กนิดหน่อย คุณก็ต้องยุ่งด้วยเหรอ พี่สี่ไม่ได้บอกว่าผมออกไปที่ดาดฟ้าเรือไม่ได้มั้ง”

หลอกเด็ก… ซูเสวี่ยจื้อแสนจะเอือมระอาอยู่ในใจ

เป้าจื่อพูดขึ้น “ขอโทษด้วยคุณชายหวัง ผมไร้ฝีมือเอง กลัวจะเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้นจริงๆ ครับ”

ท่าทางของเขาอ่อนน้อมมาก แต่น้ำเสียงกลับไม่อ่อนโอนแม้สักเศษเสี้ยว

คุณชายหวังยืนประจันหน้ากับเขาไม่ยอมไปไหนเหมือนอยากเอาชนะ

ซูเสวี่ยจื้อไม่อยากยุ่งเกี่ยวด้วย เธอก้าวถอยหลังต่อไปช้าๆ ตั้งท่าจะหันหลังหลบฉากออกไป ในจังหวะนี้เอง คนแต่งตัวแบบผู้โดยสารคนหนึ่งได้ก้าวออกมาจากมุมหนึ่งของดาดฟ้าเรือชั้นกลางพร้อมล้วงปืนกระบอกหนึ่งจากในเสื้อ เหนี่ยวไกยิงมาทางคุณชายหวังซึ่งอยู่ชั้นบนอย่างไม่ทันตั้งตัว

ปัง!

เสียงดินปืนระเบิดแหลมสูงดังสะเทือนก้องหูหญิงสาว ราวกับว่าลูกกระสุนลอยผ่านกระหม่อมเธอไปในระยะใกล้ๆ แค่ไม่กี่เชียะ

เป้าจื่อโถมตัวพุ่งเข้าใส่คุณชายหวังจนล้มลงพื้นไปด้วยกันในชั่วพริบตา พวกผู้คุ้มกันตั้งตัวติดแล้วชักปืนออกมาอย่างว่องไว เอาตัวบังอยู่หน้าคุณชายหวังทั้งซ้ายขวา

มือปืนพวกนี้เป็นพวกเดนตาย เห็นยิงนัดเดียวไม่เข้าเป้าก็วิ่งทะยานมาทางนี้ต่อ พอมาถึงข้างใต้ เอามือเกาะหน้าต่างห้องในเรือชั้นกลางพยายามปีนป่ายขึ้นมา เพียงแต่เขายังปีนขึ้นมาไม่ถึงก็มีเสียงยิงปืนดังขึ้นอีกนัดหนึ่ง

ครั้งนี้มือปืนถูกยิงเข้ากลางหลัง ร่างของเขาร่วงหล่นลงมากระแทกพื้นเรือชั้นล่างเหมือนหินก้อนหนึ่ง

คนที่ยิงปืนเป็นผู้คุ้มกันนอกเครื่องแบบซึ่งอยู่ชั้นล่างและรุดมาถึงทันเวลา

บริเวณดาดฟ้าเรือชั้นล่างมีเสียงกรีดร้องดังมาเป็นระลอก ผู้โดยสารกับพวกพ่อค้าเร่ที่ยังซื้อของขายของกันอยู่ก่อนหน้านี้วิ่งหนีกันจ้าละหวั่น ชุลมุนวุ่นวายไปหมด

ซูเสวี่ยจื้อไม่กลัวคนตาย เพราะการตรวจสอบวิเคราะห์ร่างไร้วิญญาณเป็นอาชีพของเธออยู่แล้ว แต่ตลอดชีวิตของเธอ นี่เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นภาพคนเป็นๆ มีเลือดเนื้อจบชีวิตลงต่อหน้าต่อตา

เธอเพิ่งได้สัมผัสความรู้สึกสะพรึงกลัวจนขวัญหนีดีฝ่อแบบนี้เป็นครั้งแรกในชีวิต

ตอนแรกเธอหยุดชะงักกับที่ จากนั้นพอตั้งสติได้ก็ไม่กล้าออกวิ่ง ย่อตัวลงเอามือกุมหัวไว้ทันที พยายามไม่ให้ตนเองเด่นสะดุดตามากที่สุด

เป้าจื่อกับผู้คุ้มกันต่างไปคุ้มครองคุณชายหวังไว้ ไม่มีใครสนใจเธอ หลังจากซูเสวี่ยจื้อทรุดตัวลงนั่งยองๆ ก็กลัวอีกว่าจะอยู่ใกล้คุณชายหวังที่เป็นเป้ายิงเกินไป ถ้าเป็นอย่างนั้นระดับความอันตรายย่อมเพิ่มขึ้นเท่าตัว ด้วยเหตุนี้เธอใช้ทั้งมือทั้งเท้าตะเกียกตะกายคลานหนีไปอยู่มุมหนึ่งอย่างรวดเร็ว แล้วอยู่นิ่งๆ ทำตัวเป็นเต่าหดหัวต่อ พอเห็นว่ามือปืนที่ตกลงมาน่าจะตายไปแล้ว หัวใจที่เต้นแรงจนแทบกระดอนออกนอกอกเมื่อครู่ถึงเริ่มกลับเป็นปกติ

จริงๆ แล้วเหตุการณ์ที่ดูเหมือนเกิดเรื่องขึ้นมากมายทั้งหมดนี้กินเวลาสั้นมาก นับตั้งแต่เสียงปืนนัดแรกดังขึ้นแล้วเธอหนีเอาชีวิตรอดจนกระทั่งมือปืนหล่นลงบนพื้นเรือชั้นล่าง ไม่เกินหนึ่งนาทีแน่นอน

เธอเงยหน้าขึ้นแล้วก็ต้องประหลาดใจเมื่อเห็นตรงดาดฟ้าเรือมีคนเพิ่มอีกคนหนึ่ง

‘ท่านสี่’ คนนั้นออกมาแล้วเช่นกัน

เขาน่าจะได้ยินเสียงแล้วออกมาตอนเธอหลบหนีเมื่อครู่นี้ ด้วยเกิดเรื่องขึ้นกะทันหันเขาคงไม่ทันได้สวมเสื้อชั้นนอก บนตัวมีแค่เสื้อคลุมป้ายข้างตัวในหลวมโพรกทำจากผ้าไหมหูสีขาวปลอด ร่างของชายหนุ่มเคลื่อนที่ว่องไวดุจสายฟ้าแลบ เธอเพิ่งกะพริบตาทีเดียวก็เห็นเงาสีขาวสายนั้นพุ่งทะยานมาถึงใกล้ๆ คุณชายหวังแล้ว

“พี่สี่ มือปืนตายแล้ว ผมไม่เป็นไร พี่ไม่ต้องออกมา…” คุณชายหวังซึ่งยังโดนคร่อมทับไว้ข้างล่างผงกหัวขึ้นร้องบอก

“ระวังยังมีคนซุ่มยิงอยู่ พาเขาเข้าไปเดี๋ยวนี้!”

เขาเอ่ยตัดบทคุณชายหวังแล้วหันไปตะโกนสั่งเป้าจื่อเสียงห้วน

ลูกน้องของเขาไม่พูดพร่ำทำเพลงช่วยกันกับผู้คุ้มกันดึงตัวคุณชายหวังขึ้นจากพื้นแล้วล้อมเขาไว้ตรงกลาง ก่อนพาออกไปยังห้องเรืออย่างรวดเร็ว

ซูเสวี่ยจื้อยังซุกตัวอยู่ในมุม เห็นเขาหยุดยืนกับที่ ดวงตาคมกริบดุจตาเหยี่ยวทั้งคู่มองกวาดไปรอบๆ อย่างฉับไว ตอนมองเห็นเธอเขาดูเหมือนจะอึ้งไปในทีแรก จากนั้นก็ขมวดคิ้วสาวเท้าเดินมาหา

เธอยังตกตะลึงอยู่เล็กน้อยจึงลืมลุกขึ้น ซ้ำยังนั่งยองๆ กุมหัวอยู่บนพื้น และแหงนคอมองเขาด้วยท่าทางเหมือนคนตกใจจนทำอะไรไม่ถูก

เขาปรี่เข้ามาหาเธอ โน้มตัวลงคว้าแขนข้างหนึ่งไว้หมับแล้วฉุดขึ้นจากพื้นพาไปทางห้องในเรือ

คิดไม่ถึงว่ายังไม่ทันได้หยุดพักหายใจ ก็เกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้นติดต่อกันอีก

หลังจากมือปืนร่วงหล่นลงมา ตรงดาดฟ้าเรือชั้นล่างที่กำลังสับสนอลหม่าน คนขายน้ำตาลปั้นคนนั้นวิ่งฝ่าฝูงชนออกมา เขาเคลื่อนไหวอย่างคล่องแคล่วปราดเปรียวเกินใคร ท่าทางมีฝีมือเหนือกว่าพรรคพวกเดียวกันที่โดนยิงตายไปก่อนหน้านี้ เขาวิ่งตรงดิ่งมาหน้าห้องในเรือชั้นกลาง เหยียบระเบียงหน้าต่างกระโจนขึ้นเอามือจับฐานราวรั้วซี่หนึ่งของดาดฟ้าเรือชั้นบนไว้ ออกแรงดึงตัวขึ้นปีนข้ามราวรั้วมาทิ้งตัวลงบนดาดฟ้าเรือชั้นบนในอึดใจเดียว

เขายังยกปืนในมือขึ้นในเวลาเดียวกัน

มือปืนคนที่สองแสดงตัวแล้ว

“หมอบลง!”

ในชั่วเสี้ยววินาทีที่มือปืนขึ้นมาบนดาดฟ้าเรือแล้วเหนี่ยวไกยิง ซูเสวี่ยจื้อได้ยินผู้ชายด้านข้างร้องตวาดคำหนึ่ง ก่อนปล่อยมือทิ้งเธออย่างไม่ดูดำดูดี แล้ววิ่งถลันไปทางคุณชายหวังที่อยู่ข้างหน้าโดยไม่สนใจใครทั้งสิ้น

 

ติดตามตอนต่อไปวันที่ 15 .. 67 เวลา 12.00 .

หน้าที่แล้ว1 of 4

Comments

comments

No tags for this post.
Jamsai Editor: