คืนลมพัดต้องเหมยงาม
ทดลองอ่าน คืนลมพัดต้องเหมยงาม บทที่ 1-2
นับแต่นั้นทุกครั้งที่ทั้งสองพบหน้ามักต้องสู้กันจนผืนฟ้าพลิกแผ่นดินคว่ำ ท่าทางเหมือนเจ้าตายข้ารอด หลังเติบใหญ่การต่อสู้ด้วยดาบจริงทวนจริงน้อยลงแล้ว แต่การประลองก็เปลี่ยนจากบนสนามประลองมาเป็นลานล่าสัตว์ กระบะทราย รวมถึงสารพัดโอกาสและข้อกำหนดใดๆ ที่สามารถวัดสูงต่ำกันได้
เซี่ยจิ่นวางตัวเป็นผู้ใหญ่ตั้งแต่ยังเด็ก มักรอบคอบระมัดระวัง กระทำการสุขุม มีเพียงเผชิญหน้ากับการยั่วยุของเสิ่นเฉียนที่มักอารมณ์เดือดดาล ไม่เหลือความอดทนอดกลั้น ราวกับประทัดที่ถูกนางจุดไฟเสียอย่างนั้น
เจ็ดปีก่อนเสิ่นเฉียนกลับมาขอให้ศัตรูตัวฉกาจอย่างเขาช่วยเหลือ นอกจากความตกใจเขายังเลื่อมใสจิตใจและความกล้าหาญของนางด้วย หากเปลี่ยนเป็นเขา เกรงว่าไม่มีทางมาก้มหัวให้อริเก่าเช่นนี้ก่อนแน่
ในใจเขายังมีความรู้สึกละเอียดอ่อนลุ่มลึกเสี้ยวหนึ่งรางๆ จริงดังว่าศัตรูถึงจะเป็นผู้ที่เข้าใจตนเองที่สุด ไม่เช่นนั้นนางจะมั่นใจได้อย่างไรว่าเขาจะยกทัพออกมาและช่วยนางปกป้องเขตตะวันตกสำเร็จ
หลังจากครั้งนั้นการร่วมมือกันระหว่างทั้งสองก็ค่อยๆ เพิ่มมากขึ้น อีกทั้งยังเกิดความเชื่อมั่นและสัญญาณลับที่รู้ใจกันอันแปลกประหลาดอย่างหนึ่งขึ้นมา
เขากับนางเป็นทั้งศัตรูและพวกพ้อง ถึงไม่ชอบหน้าอีกฝ่ายเพียงใด แต่ก็ไม่อาจไม่ยอมรับว่าสำหรับเขาแล้วอีกฝ่ายเป็นตัวตนที่ไม่อาจมองข้าม ไม่อาจขาดหายไปได้
พวกเขาต่างเข้าใจกันและกันเป็นอย่างดี รู้อย่างลึกซึ้งถึงจุดเด่นและข้อด้อยของอีกฝ่าย ตั้งแต่เรื่องใหญ่อย่างความทะเยอทะยานกับปณิธาน หลักการและขอบเขตการกระทำ ไปจนถึงเรื่องเล็กอย่างความชอบและรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ในการใช้ชีวิตล้วนเข้าใจแจ่มแจ้ง
ความผูกพันเช่นนี้ดูเหมือนซึมลึกเข้าไปถึงในกระดูกแล้ว บางครั้งเขาจะฝันถึงนาง ถึงขั้นมีครั้งหนึ่งที่สถานการณ์ในความฝันไม่อาจพูดออกมาได้เลย
แม่ทัพเซี่ยที่หลังจากตื่นขึ้นด้วยอาการหน้าแดงหูแดงใคร่ครวญอย่างสับสนอยู่เนิ่นนานจนตระหนักได้ในที่สุด
ก่อนหน้านี้ทั้งสองเคยนำกองทหารม้าเล็กๆ ของตนมาพบกันที่นอกด่าน ก่อนจะลอบเข้าไปในค่ายทหารแคว้นซีเหลียงด้วยกัน ขโมยม้าพันธุ์ดีที่ส่งมาจากซีอวี้ กลับมาสองสามตัว ระหว่างทางกลับมาไม่ระวังเผยร่องรอยออกไป เสิ่นเฉียนถูกทหารที่ไล่ล่ายิงธนูใส่จนบาดเจ็บ ยามเซี่ยจิ่นรักษาบาดแผลให้นางบังเอิญเหลือบไปมองสาบเสื้อที่หลุดลุ่ยของนางโดยไม่ตั้งใจ
แม้นางไม่เหมือนสตรีแต่ก็เป็นสตรีอย่างแท้จริงคนหนึ่ง ส่วนเขายังหนุ่มยังแน่น เห็นเนินอกของสตรีเข้าจะฝันเย้ายวนก็เป็นเรื่องปกติมาก นี่น่าจะไม่เกี่ยวกับว่าอีกฝ่ายเป็นใคร เพียงแค่บางส่วนในร่างกายอยู่ไม่สุขก็เท่านั้น
แต่หลังจากนั้นเขาลอบรักษาระยะห่างกับนางตลอดเวลา วางตัวสุภาพและห่างเหินยิ่ง ขอบคุณฟ้าดินที่สถานการณ์เช่นนั้นไม่เคยปรากฏในฝันอีก เขาเองก็คลายใจลงเช่นกัน
มิเช่นนั้นสู้ตีหัวให้ตายไปเลยดีกว่า
หลังจากดื่มกินไปพักหนึ่ง ฮ่องเต้กับขุนนางทักทายปราศรัยเรียบร้อยแล้วก็ค่อยๆ วนกลับมาที่หัวข้อนี้
ฮ่องเต้เซวียนเจาเริ่มจากกล่าวถึงแตงฮามี่ฉ่ำหวานในงานเลี้ยงวันนี้ซึ่งซีอวี้ส่งมาบรรณาการ เอ่ยชื่นชมผลงานของแม่ทัพเสิ่น ก่อนจะถอนหายใจยาวคราหนึ่ง
“แม่ทัพเสิ่นผลงานยอดเยี่ยม หลั่งเหงื่อสร้างคุณูปการให้ต้าเซวียนของเรา ทุ่มเทกายใจและเหนื่อยยากมานานหลายปี น่าเสียดายที่จนถึงตอนนี้กลับยังโดดเดี่ยว กระทั่งคนที่คอยห่วงใยใส่ใจข้างกายยังไม่มี เรากับไทเฮาเป็นกังวลกับเรื่องนี้ เพียงแต่มองไปทั่วล้วนไม่มีคนที่เหมาะสม…”
สายตาทุกคนต่างหันไปมองทางเซี่ยจิ่น มีเพียงเสิ่นเฉียนที่ยังคงก้มหน้า กับราชบัณฑิตฟู่ที่ไม่เข้าใจนัยแท้จริงพยักหน้าไม่หยุดอย่างจริงจัง ลูบเครายาวใต้คางพลางมองไปทางฮ่องเต้เซวียนเจาอย่างสนใจ รอฟังถ้อยคำหลังจากนั้นของฮ่องเต้
ฮ่องเต้เซวียนเจากระแอมเล็กน้อย มองเซี่ยจิ่นอย่างกระตือรือร้น ยิ้มกล่าว “โชคดีที่วันก่อนจดหมายของเสนาบดีจ้าวทำให้เราตาสว่าง ที่แท้แม่ทัพเสิ่นมีคู่ที่เหมาะสมนานแล้ว เสียดายก่อนหน้านี้เหมือนเส้นผมบังภูเขา ทุกคนถึงขั้นไม่เคยคิดไปในทางนี้…”
ทุกคนให้ความร่วมมือด้วยการส่งเสียงหัวเราะเบาๆ อย่างเข้าใจ
เซี่ยจิ่นขมับกระตุก เสิ่นเฉียนก็บีบจอกสุราในมือแน่นเช่นกัน
ราชบัณฑิตฟู่เอ่ยถามอย่างสงสัย “ฝ่าบาททรงหมายถึงผู้ใดหรือพ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้เซวียนเจาแย้มยิ้มกล่าว “ห่างสุดขอบฟ้า ใกล้อยู่แค่ตา ราชบัณฑิตฟู่เชิญดู…”
ราชบัณฑิตฟู่รู้สึกเหมือนตาลาย มองอยู่ครู่ใหญ่ก็ยังไม่เห็นอะไร สุดท้ายเห็นสายตาทุกคนล้วนอยู่ที่เซี่ยจิ่นซึ่งมีสีหน้าเย็นชาดั่งน้ำแข็ง ไม่ขยับสักนิดก็ใคร่ครวญครู่หนึ่งก่อนเอ่ยอย่างลังเล “คนที่ฝ่าบาทตรัสถึง หรือจะเป็นแม่ทัพเล็กเซี่ย เวยหย่วนโหวซื่อจื่อ”
ฮ่องเต้เซวียนเจาหัวเราะเบิกบาน “ไม่ผิด เป็นแม่ทัพเล็กเซี่ย!”
“นี่…” สีหน้าราชบัณฑิตฟู่แปลกพิกล “พวกเขาสองคน…”
ฮ่องเต้โน้มตัวไปทางราชบัณฑิตฟู่เล็กน้อย ยิ้มกล่าวอย่างมีเลศนัย “ราชบัณฑิตฟู่อาจไม่รู้ ที่ลือกันภายนอกไม่ใช่เรื่องจริง สองคนนี้ดูเหมือนเป็นศัตรูคู่แข่งกัน ความจริงกลับห่วงหาอาทร มีน้ำใสใจจริงต่อกัน ชัยชนะครั้งใหญ่ของซีเหลียงคราวนี้ไม่พูดถึงแผนการที่แม่ทัพเซี่ยคิดออกมาไม่ได้ ความสงบในสองปีนี้ของเขตเหนือก็เกี่ยวข้องยิ่งกับความช่วยเหลือของแม่ทัพเสิ่น”
ราชบัณฑิตฟู่ตกใจแล้ว “จริงหรือพ่ะย่ะค่ะ หากเป็นเช่นนี้ก็เป็นพวกเราที่ตื้นเขินแล้ว”
“หรือไม่ใช่เล่า” ฮ่องเต้เซวียนเจาเอ่ยรับ “ราชบัณฑิตฟู่ลองดู ทั้งนิสัย หน้าตา บุคลิก ฐานะ แม่ทัพเสิ่นกับแม่ทัพเซี่ยไม่ใช่คู่ที่สวรรค์สรรค์สร้างหรือ”
ราชบัณฑิตฟู่รีบพยักหน้าไม่หยุด “พอฝ่าบาทตรัสเช่นนี้ก็เห็นเป็นจริงพ่ะย่ะค่ะ!”
ใบหูเสิ่นเฉียนได้ยินฮ่องเต้หว่านล้อมราชบัณฑิตฟู่ ทั้งสองคนหนึ่งร้องคนหนึ่งรับจนมาถึงจุดสำคัญ นางลอบกลอกตาใส่ ยามเงยหน้าขึ้นก็สบกับสายตาแฝงนัยถากถางของเซี่ยจิ่นเข้าพอดี
ทุกคนที่นี่กระจ่างในเรื่องนี้นานแล้ว มีเพียงราชบัณฑิตฟู่ที่ไม่รู้เรื่องราวมาก่อน ฮ่องเต้ดึงราชบัณฑิตฟู่ซึ่งเป็นพ่อสื่อชั้นดีเข้ามา เจตนาไม่ต้องบอกก็รู้ชัด
ดังคาด พริบตาต่อมาราชบัณฑิตฟู่ตบอกเสนอตัวอย่างมาดมั่น “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็ให้กระหม่อมมาผูกด้ายแดงนี้เถิด คู่วาสนาที่ผ่านมือกระหม่อมไม่มีครั้งใดไม่สำเร็จพ่ะย่ะค่ะ ฮ่าๆๆ!” เขาตบท้ายด้วยเสียงหัวเราะดังลั่น