คืนลมพัดต้องเหมยงาม
ทดลองอ่าน คืนลมพัดต้องเหมยงาม บทที่ 1-2
เซี่ยจิ่นหันหน้ามาขอความเห็นจากเสิ่นเฉียนอย่างสุภาพมีมารยาท “ทำให้แม่ทัพเสิ่นเห็นเรื่องขบขันแล้ว ไม่รู้ว่าท่านแม่ทัพยินดีลงสนามให้คำชี้แนะสักหน่อยหรือไม่”
เสิ่นเฉียนยิ้มกล่าว “ได้สิ”
เจียงหมิงองครักษ์คนสนิทด้านหลังนางส่งดาบจันทร์เสี้ยวยาวมาให้ เสิ่นเฉียนกลับส่ายหน้า ไพล่หลังเดินลงจากแท่นยกตะวันออกมายืนอยู่กลางสนามฝึกอย่างผ่อนคลาย
“นี่…ท่านแม่ทัพไม่ใช้ดาบหรือขอรับ” ทหารที่เพิ่งชนะเมื่อครู่ถามอย่างสงสัย
เสิ่นเฉียนจัดชายเสื้อใต้เกราะอ่อนเล็กน้อยแล้วกล่าว “ชัยชนะเมื่อครู่ของเจ้าเรียกได้ว่าเป็นกลยุทธ์การใช้แรงอยู่บ้าง แต่กลยุทธ์ใช้แรงไม่ได้ใช้เช่นนี้ หากช่วงล่างของคู่ต่อสู้แข็งแกร่งมั่นคงเจ้าก็หมดหนทางแล้ว”
นางเว้นช่วงไปเล็กน้อย แขนขวายื่นมาเบื้องหน้า ฝ่ามือหงายขึ้นด้านบนแล้วกวักเบาๆ “ข้าจะสอนเจ้าเองว่ากลยุทธ์การใช้แรงควรใช้อย่างไร”
พลทหารมองไปยังผู้บังคับบัญชาของตนที่นั่งอยู่บนแท่นยกอย่างลังเล
ใบหน้าที่เย็นชาประหนึ่งน้ำแข็งของแม่ทัพเซี่ยไร้ซึ่งอารมณ์ ปลายคางกดลงเล็กน้อยนับว่าเป็นการพยักหน้าแล้ว
“เช่นนั้นก็ล่วงเกินแล้ว แม่ทัพเสิ่นโปรดระวังด้วย!” เพิ่งเอ่ยคำพูด ดาบยาวเปี่ยมด้วยพละกำลังก็ผ่าลงมาตรงๆ อย่างรุนแรง
เสิ่นเฉียนเก็บแขนแล้วเอียงศีรษะ ปลายดาบคมเฉียดผ่านข้างแก้มนางไป พลทหารผ่าลงอากาศแต่กลับเปลี่ยนท่าได้อย่างว่องไว หมุนตัวกลับมาฟันอีกครั้งอย่างหนักหน่วง
เสิ่นเฉียนเอี้ยวตัวหลบดาบอย่างปราดเปรียว หลบมาอยู่ด้านข้างเขา แขนซ้ายนางงอขึ้น ข้อศอกกระทุ้งเข้าใส่บริเวณกระดูกสะบักของเขา ร่างด้านซ้ายของคนผู้นั้นชาไปเล็กน้อย กระบวนท่าดาบเชื่องช้าไปครู่หนึ่ง มือขวาของเสิ่นเฉียนคว้าด้ามดาบ แล้วฟันฝ่ามือซ้ายใส่ปลายแขนคนผู้นั้นคราหนึ่ง ดาบยาวพลันหลุดมือ ถูกนางชิงไปแล้ว
เสียงอุทานของทุกคนที่ล้อมดูอยู่ยังไม่ทันเปล่งออกมา เสิ่นเฉียนที่มีดาบยาวในมือก็ออกดาบรวดเร็วดุจฟ้าแลบ มองไม่เห็นว่านางเคลื่อนไหวอย่างไร แทงเข้าใส่ลำคอคนผู้นั้นด้วยไอสังหารถาโถมทรงพลัง ก่อนจะหยุดชะงักเมื่ออยู่ห่างจากลำคอเขาเพียงหนึ่งชุ่น
แผ่นหลังทหารนายนั้นหลั่งเหงื่อเย็นชั้นหนึ่งแล้ว ขาอ่อนยวบ เสียงร้องอุทานและเสียงชมดังกึกก้องไปทั่ว ครั้งนี้เซี่ยจิ่นที่อยู่บนแท่นยกไม่ได้ห้ามปราม
เสิ่นเฉียนเก็บดาบยาวแล้วยิ้มน้อยๆ “หากจะใช้แรง นอกจากต้องทำยามอีกฝ่ายคาดไม่ถึงแล้ว ยังมีจุดสำคัญอีกข้อหนึ่งด้วย…คือความเร็ว”
พลทหารแผ่นอกยกสูง เอ่ยตอบรับเสียงดัง “เข้าใจแล้วขอรับ! ขอบคุณแม่ทัพเสิ่นที่ชี้แนะ!”
เสิ่นเฉียนคืนดาบยาวให้เขาแล้วตบไหล่เขาเบาๆ ก่อนเอ่ยชมประโยคหนึ่ง “ไม่เลว ดูมีแวว”
พลทหารออกจากสนามฝึกอย่างเบิกบานยินดี อีกครู่หนึ่งในสนามฝึกก็เริ่มการประลองอีกยก
ด้านเสิ่นเฉียนกลับไปนั่งบนแท่นยก นางถือถ้วยชาบนโต๊ะขึ้นมาดื่มคำหนึ่ง
“ไม่เจอกันนาน วิชาดาบของแม่ทัพเสิ่นยอดเยี่ยมขึ้นอีกแล้ว” เซี่ยจิ่นที่อยู่ข้างๆ นางชมเรียบๆ ประโยคหนึ่ง
เสิ่นเฉียนยิ้มน้อยๆ เอ่ยอย่างถ่อมตน “แม่ทัพเซี่ยชมเกินไปแล้ว”
“ฝ่าบาทเรียกเจ้ากลับมาด่วนขนาดนี้มีเรื่องใดหรือ” น้ำเสียงเซี่ยจิ่นราบเรียบ คิ้วตาไม่ขยับ จดจ่อมองการต่อสู้ในสนาม เพียงแต่นิ้วมือเคาะบนโต๊ะเบาๆ ไม่หยุด
เสิ่นเฉียนลังเลไปพริบตาหนึ่งก่อนตอบ “เรื่องแต่งงานของข้า”
เซี่ยจิ่นเพียงถามไปอย่างนั้นเอง กลับคิดไม่ถึงว่านางจะตอบจริงๆ นิ้วมือที่เคาะโต๊ะอยู่พลันหยุดชะงัก ครู่ใหญ่ก็กลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่ “ทำไม แม่ทัพเสิ่นจะรีบออกเรือนแล้วหรือ”
เสิ่นเฉียนกล่าวอย่างจำใจ “แม้ข้าไม่คิดออกเรือน แต่จนใจที่ไทเฮากับฝ่าบาททรงรีบเร่งยิ่งนัก ถึงอย่างไรปีนี้ข้าก็ยี่สิบห้าแล้ว”
“เช่นนี้ก็ขอแสดงความยินดีกับแม่ทัพเสิ่นแล้ว” เซี่ยจิ่นถามอย่างสนอกสนใจยิ่ง “ไม่ทราบว่าเป็นบุตรชายบ้านใดที่โชคดีหรือ”
เสิ่นเฉียนไม่ได้เอ่ยคำใดต่อ
เซี่ยจิ่นไม่แปลกใจสักนิดที่ไม่ได้ยินคำตอบจากนาง
การแต่งงานของเสิ่นเฉียนเป็นปัญหายากมาโดยตลอด ตั้งแต่นางอายุยี่สิบปี เสิ่นไทเฮากับฮ่องเต้เซวียนเจาก็คัดเลือกคนให้นางแล้ว จนใจก็แต่คนที่ต้องใจ เมื่อได้ยินชื่อเสียงของนางเข้า หากไม่รีบหมั้นหมายหญิงอื่น ก็จะหาสารพัดข้ออ้างมาปฏิเสธ สรุปแล้วแม่ทัพหญิงที่อหังการแห่งต้าเซวียนผู้นี้ คนที่เลื่อมใสและเทิดทูนนางมีไม่น้อย แต่จนถึงตอนนี้กลับไม่มีสักคนที่มีความกล้าพอจะแต่งนางเข้าบ้าน
คิดดูแล้วครั้งนี้มากกว่าครึ่งคงไม่ราบรื่นอีกเช่นกัน เพราะไม่คิดจะทิ่มแทงบาดแผลผู้อื่น เซี่ยจิ่นจึงเงียบไว้ ไม่ซักไซ้ต่ออีก
เสิ่นเฉียนผินหน้าเหลือบมองเขาคราหนึ่ง
เครื่องหน้าเซี่ยจิ่นคมชัด ใบหน้าด้านข้างงดงามเป็นพิเศษ จมูกโด่งได้รูป ขนตายาวแน่น จอนผมแบ่งชัด น่าเสียดายที่อยู่ในด่านชายแดนนานปี ยามกลับเมืองหลวงก็มีกิจทหารรัดตัว น้อยนักจะโผล่หน้าออกมาสักหน ทำให้ความงามไม่เป็นที่พูดถึงแพร่หลายในเมืองหลวง
คนผู้นี้กับนางตั้งแต่เด็กก็เหมือนน้ำกับไฟ เวลาเจอหน้ากันเป็นต้องเย้ยหยันถากถาง ทะเลาะเบาะแว้งกันสารพัดอย่างไม่อาจเลี่ยง ส่วนใหญ่ยังต้องแข่งขันกันเพื่อตัดสินผลแพ้ชนะ เซี่ยจิ่นใช้ทวน นางใช้ดาบ บนร่างนางตอนนี้ยังเหลือรอยทวนสองสามแห่งที่ถูกเซี่ยจิ่นสมัยเยาว์วัยแทงใส่ ส่วนรอยดาบบนหน้าอกจรดสะดือ อีกทั้งแผลเป็นพาดไปมาบนหลังไหล่เซี่ยจิ่นย่อมเป็นของขวัญจากดาบยาวของนาง
ไม่กี่ปีมานี้ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองปรองดองขึ้นไม่น้อย เคยร่วมงานกันเป็นการส่วนตัวหลายครั้งจึงมีความเห็นอกเห็นใจกันเพิ่มขึ้นมาบ้าง
เจ็ดปีก่อนตอนเสิ่นเฉียนเข้าบัญชาการทัพเขตตะวันตกได้ไม่นาน ซีเหลียงอ๋องฉวยโอกาสที่ทัพเขตตะวันตกยังไม่มั่นคงบุกโจมตีอย่างเหี้ยมหาญ เสิ่นเฉียนกัดฟันส่งข่าวศึกเร่งด่วนกลับเมืองหลวง ขอให้ราชสำนักส่งทหารมาหนุน อีกด้านหนึ่งก็ให้คนส่งจดหมายลับฉบับหนึ่งไปให้เซี่ยจิ่นที่ดำรงตำแหน่งผู้บังคับการกองพันหลินเฟิงของทัพเขตเหนือในตอนนั้น
ข่าวการศึกที่ส่งกลับเมืองหลวง แม้จะรีบเร่งแต่กว่าจะส่งถึงมือกรมทหารกับฮ่องเต้อย่างเร็วที่สุดก็ต้องใช้เวลาสองสามวัน รอจนฮ่องเต้หารือครบทุกส่วนแล้วมีคำสั่งส่งทัพอื่นมาช่วยหนุน ทั้งรอจนทัพหนุนรับคำสั่ง ก็ต้องเสียเวลาไปอีกสองสามวัน สุดท้ายกว่าทัพหนุนเคลื่อนพลมาถึงเขตตะวันตกอย่างเร็วที่สุดก็หลังเจ็ดแปดวันไปแล้ว
แต่ถ้าเป็นทัพเขตเหนือที่อยู่ใกล้ที่สุดและมีความคล่องตัวกว่าส่งทัพหนุนมาโดยตรง อย่างเร็วสามสี่วันก็มาถึงแล้ว
หลังเซี่ยจิ่นได้รับจดหมายลับก็ไม่พูดพร่ำใดๆ นำทหารม้ากองพันหลินเฟิงแปดพันนายพุ่งทะยานมาถึงเขตตะวันตกอย่างรวดเร็ว เริ่มจากหาสถานที่เก็บเสบียงอาหารของทัพซีเหลียงก่อน พอเจอแล้วก็เผาเสบียงของศัตรูจนวอดวาย หลังจากนั้นยังร่วมมือกับทัพเขตตะวันตกลอบโจมตีตลบหลังทัพซีเหลียง ช่วยเสิ่นเฉียนรักษาเขตแดนตะวันตกเอาไว้ได้อย่างมั่นคง