ทดลองอ่าน คืนลมพัดต้องเหมยงาม บทที่ 1-2 – หน้า 6 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

คืนลมพัดต้องเหมยงาม

ทดลองอ่าน คืนลมพัดต้องเหมยงาม บทที่ 1-2

หลังจากทัพหนุนทางการที่ราชสำนักส่งมาถึง เซี่ยจิ่นก็นำคนกลับเขตเหนือไปอย่างเงียบๆ เรื่องนี้เสิ่นเฉียนไม่ได้รายงานราชสำนัก เซี่ยจิ่นเองก็ไม่ได้ชี้แจงอะไร

แน่นอน หลังจากนั้นเสิ่นเฉียนเองก็ตอบแทนกลับคืน ครั้งหนึ่งสายลับที่นางส่งไปนอกด่านบังเอิญสืบได้ว่าแคว้นฝานกำลังแต่งทัพ เตรียมลอบบุกด่านวั่นเฮ่อเขตเหนือ ด้วยรู้ว่าเป็นเรื่องเร่งด่วนจึงส่งทหารกองหนึ่งออกไปซุ่มโจมตีบนเส้นทางที่ทัพแคว้นฝานต้องผ่านโดยตรง ทัพหน้าของแคว้นฝานรับมือไม่ทัน ยังไม่ทันถึงเขตเหนือก็พินาศไปแล้วมากกว่าครึ่ง

มีปีหนึ่งเขตเหนือน้ำแข็งปกคลุมหมื่นลี้ ลูกเห็บตกๆ หยุดๆ ตลอดสามวันสามคืน เสบียงจากราชสำนักไม่อาจส่งไปได้เพราะเส้นทางปิดกั้น เสิ่นเฉียนจึงจัดสรรอาหาร ชุดทหาร ผ้าห่มกันหนาว และยาของทัพเขตตะวันตกส่วนหนึ่ง ให้คนบุกเบิกเส้นทางเลาะตามแนวตะวันตกเฉียงเหนือส่งของไปถึงมือเซี่ยจิ่นทั้งหมด

ก่อนหน้านี้ไม่กี่เดือนในศึกใหญ่ระหว่างทัพเขตตะวันตกกับแคว้นซีเหลียง แม้เซี่ยจิ่นจะฝึกทหารอยู่ในเมืองหลวงแต่ก็ไม่ได้วางตัวไม่สนใจ คำแนะนำด้านกลยุทธ์การศึก แผนภาพกระบวนทัพ แผนการยุทธวิธีอย่างละเอียดฉบับแล้วฉบับเล่า ต่างก็ถูกส่งจากมือเขาไปถึงกระโจมใหญ่ทัพกลางของเสิ่นเฉียนที่เขตตะวันตกเหมือนเกล็ดหิมะ

ชัยชนะครั้งยิ่งใหญ่คราวนี้ของทัพเขตตะวันตก อันที่จริงมีความดีความชอบของเซี่ยจิ่นด้วย แต่นอกจากคนเพียงไม่กี่คนแล้ว คนส่วนใหญ่ก็ไม่รู้เรื่องนี้ เซี่ยจิ่นเองย่อมไม่ใส่ใจเช่นกัน

ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นเสิ่นเฉียนหรือเซี่ยจิ่น บุญคุณความแค้นส่วนตัวจากจุดยืนในราชสำนักที่แตกต่างกันของทั้งสองตระกูล เมื่ออยู่ต่อหน้าการปกป้องบ้านเมืองและความปลอดภัยของราษฎรแล้วล้วนไม่มีค่าให้เอ่ยถึง

เงาอาทิตย์ค่อยๆ เคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตก เงาทุกคนที่นั่งบนแท่นยกยืดยาวขึ้นช้าๆ การประลองเบื้องล่างเองก็ผ่านไปแล้วหลายรอบ

“จะว่าไปปีนี้แม่ทัพเซี่ยก็ยี่สิบสี่ปีแล้ว” เสิ่นเฉียนกระแอมเบาๆ ก่อนวางถ้วยชาที่ว่างเปล่ากลับลงบนโต๊ะแล้วเอ่ยถามเสียงเบาว่า “เหตุใดจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีใครเป็นตัวเป็นตนเล่า”

เซี่ยจิ่นอึ้งงันไปแล้ว

เวลานี้องครักษ์คนสนิทสองสามคนถือกล่องอาหารเดินเข้ามา ตอนรุ่งเช้าเสิ่นเฉียนกลับถึงจวนเพียงกินโจ๊กใสลวกๆ ไปหนึ่งชาม ยามนี้ได้กลิ่นหอมของอาหารถึงได้รู้สึกท้องว่างโหวง หิวจนหน้าอกแทบจะแบนติดแผ่นหลังแล้ว

เซี่ยจิ่นลุกขึ้นรับกล่องอาหารแล้วจัดชามตะเกียบให้รองเสนาบดีเซวียกับแม่ทัพเสิ่นด้วยตนเอง “เวลากระชั้น ตอนเย็นยังมีงานเลี้ยงในวัง การคัดเลือกนี้ต้องจัดการให้เสร็จก่อนยามซวี ดังนั้นอาหารกลางวันของวันนี้ต้องลำบากทั้งสองท่านแล้ว”

เขาตักข้าวให้รองเสนาบดีเซวียก่อน ทั้งยังรินชาหนึ่งถ้วยแล้วยิ้มกล่าว “ชาหยาบอาหารพื้นๆ รองเสนาบดีเซวียโปรดอภัย”

เมื่อถึงคราวเสิ่นเฉียน เขาเพียงเอ่ยเบาๆ ประโยคหนึ่งว่า “เรื่องของข้าไม่รบกวนให้เจ้าเป็นห่วง”

รองเสนาบดีเซวียไม่ใช่คนเรื่องมาก รู้สึกว่าการดูการประลองไปพลางกินข้าวไปด้วยก็ได้อรรถรสดี ยามกินไปได้เกือบครึ่งชามเขาเงยหน้าขึ้นมอง แม่ทัพใหญ่ทั้งสองข้างกายกินเสร็จอย่างรวดเร็วแล้วกำลังดื่มชาล้างปาก ไม่ว่าความเร็ว อากัปกิริยา ยังมีถ้วยชามที่ว่างเปล่าเบื้องหน้า ล้วนให้ความรู้สึกสอดประสานดีเยี่ยมอันน่าประหลาดอย่างหนึ่ง

ว่าไปแล้วคนในกองทหารคงล้วนเป็นเช่นนี้ รองเสนาบดีเซวียลอบถอนหายใจคราหนึ่ง เร่งกินอาหารเงียบๆ

ผู้ที่ชมการประลองน้อยลงไปมาก ส่วนใหญ่ย้ายไปยังกระโจมพัก เสิ่นเฉียนหมุนตัวไปเอ่ยกับเจียงหมิง “ยังยืนอยู่ตรงนี้เพื่ออันใด ท้องเจ้าไม่หิวหรือ”

เจียงหมิงยิ้มน้อยๆ มองผู้บังคับบัญชาของตนแล้วจับจ้องหลังศีรษะของแม่ทัพเซี่ยปราดหนึ่งคล้ายขบคิด ก่อนหมุนตัวตามองครักษ์คนสนิทของเซี่ยจิ่นไป

เสิ่นเฉียนถึงได้วางถ้วยชาลง ลูบท้องเบาๆ อย่างพึงพอใจ แล้วเอ่ยหัวข้อเมื่อครู่กับเซี่ยจิ่นต่อ

“แม่ทัพเซี่ยมีคนที่ต้องใจหรือไม่”

เซี่ยจิ่นมือสั่นไปชั่วขณะหนึ่ง เกือบทำน้ำชากระฉอกออกมา สงสัยว่าตนฟังผิดหรือไม่ เขาเหลือบมองเสิ่นเฉียนคราหนึ่งแล้วเอ่ยเบาๆ “วันนี้ดื่มยาผิดหรือไม่ ไยถึงเอาแต่ถามเรื่องนี้”

เสิ่นเฉียนนั่งอย่างสง่างาม สายตาไม่เหลือบแล เอ่ยพึมพำว่า “หืม คนใช้ทวนเงินนี่ไม่เลว”

เซี่ยจิ่นจ้องมองไป ในสนามคนที่กำลังประลองอยู่คือกู้ฉางซือ หัวหน้ากองร้อยคนหนึ่งที่ตนให้ความสนใจอยู่ คะแนนการทดสอบความรู้เมื่อวานก็ไม่เลว จึงพยักหน้าน้อยๆ ทันที “แม่ทัพเสิ่นสายตาเฉียบแหลม”

“เจ้าล่ะ” เสิ่นเฉียนเอ่ยอย่างไม่มีหัวมีหาง

“อะไร”

“ก็ที่ถามเจ้าเมื่อครู่” เสิ่นเฉียนเอ่ยเตือนเซี่ยจิ่น “เจ้ามีคนที่ต้องใจหรือไม่”

เซี่ยจิ่นไม่ตอบกลับย้อนถาม “ข้ามีหรือไม่เกี่ยวอะไรกับเจ้าด้วย”

เสิ่นเฉียนตอบอย่างจริงจัง “ถ้าเจ้ามี ก็รีบตัดใจไปโดยเร็วเถอะ”

“เจ้าอาศัยอะไร!” เซี่ยจิ่นแทบกระโดดขึ้นมาโวยวายแล้ว “เสิ่นเฉียน เรื่องแต่งงานของตัวเจ้าล้มเหลว แล้วต้องมายุ่งถึงเรื่องของข้าด้วยหรือ”

“พูดเช่นนี้ก็คือมีแล้ว?” สีหน้าเสิ่นเฉียนราบเรียบ “เป็นผู้ใดกัน”

เซี่ยจิ่นหมดแรงเหมือนลูกหนังที่ถูกทิ่มแตกอย่างไรอย่างนั้น แล้วนวดหว่างคิ้วอีกครั้งตามจิตใต้สำนึก “ไม่รู้”

“เหตุใดถึงไม่รู้”

“ข้า…” เซี่ยจิ่นเพิ่งคิดจะตอบ พลันรู้สึกขึ้นมาอีกครั้งว่าไม่ถูกต้อง เอ่ยด้วยสีหน้าเย็นชา “จริงสิ ความสัมพันธ์ระหว่างเจ้ากับข้าดูเหมือนจะไม่ได้ดีถึงขั้นถามเรื่องพวกนี้กระมัง เจ้าเอ่ยเรื่องพวกนี้กับข้าแล้วไม่รู้สึกว่าน่าเบื่อหรือกระอักกระอ่วนหรือ”

“เอาเถอะ” เสิ่นเฉียนยอมรับ “ข้าล้ำเส้นไป แค่ถามไปเรื่อยเปื่อยเท่านั้น เจ้าไม่ต้องโมโหหรอก”

นางมองท้องฟ้าก่อนลุกขึ้นบอกลา “ข้าขอตัวก่อนแล้ว งานเลี้ยงในวังตอนเย็นอย่าสายเล่า”

เซี่ยจิ่นส่งเสียงเฮอะคำหนึ่ง นั่งนิ่งดุจขุนเขา มีเพียงรองเสนาบดีเซวียที่ลุกขึ้นคารวะ “แม่ทัพเสิ่นค่อยๆ เดิน”

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in คืนลมพัดต้องเหมยงาม

  • คืนลมพัดต้องเหมยงาม

    ทดลองอ่าน คืนลมพัดต้องเหมยงาม บทที่ 5-6

    By

    บทที่ 5 ราตรีวุ่น แววตาเสิ่นเฉียนมืดทะมึน กัดริมฝีปาก ปลายคางเกร็งแน่นเผยความแข็งกร้าวอยู่ในที “ที่แท้ถูกเด็ดปีกหมดสิ้นแล้วเนรเทศมาให้ข้านี่...

  • คืนลมพัดต้องเหมยงาม

    ทดลองอ่าน คืนลมพัดต้องเหมยงาม บทที่ 3-4

    By

    บทที่ 3 หงหลวนแต่งงาน ลมราตรีพัดกรู แสงจันทร์สาดส่อง ภายในหอตั้นเสวี่ยของจวนสกุลเซี่ยเวลานี้ เซี่ยจิ่นสองมือไพล่หลัง ฟังน้องชายตัวน้อยเซี่ยซ...

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

community.jamsai.com