งานเลี้ยงในวังตอนเย็นจัดขึ้นที่ริมทะเลสาบซื่ออวี่หน้าตำหนักเหิงชิง
แม้บอกว่าเป็นงานเลี้ยงเล็กๆ แต่นางกำนัลล้วนจัดเตรียมโดยไม่กล้าละเลย หลังยามซวี บนต้นดอกกุ้ย ริมทะเลสาบแขวนโคมชาววัง อันวิจิตรไว้เต็มไปหมด แสงโคมพร่างพราวในระเบียงยาวศาลากลางน้ำ ในทะเลสาบมีเรืองามแล่นอยู่ บนเรือสีสันสาดส่อง ม่านโปร่งพลิ้วไหว เสียงเครื่องเป่าเครื่องสายดังรางๆ มาจากบนทะเลสาบ ไกลออกไปอีกเป็นสนใหญ่กระเรียนป่า นกโผบินบุปผาเนืองแน่น ดูงดงามตระการตาไปทั้งแถบ
นางกำนัลเดินทะลุหอเก๋งศาลางาม เติมสุราดีน้ำผลไม้หอมหวานลงในจอกทองถ้วยหยก
เสิ่นเฉียนประคองนายท่านผู้เฒ่าเสิ่นขึ้นหอซื่ออวี่ภายใต้การนำทางของนางกำนัล พริบตาเดียวก็เห็นเวยหย่วนโหวเซี่ยจี่กับบุตรชายคนโตของเขานั่งอยู่บนที่นั่งฝั่งตะวันตกแล้ว
เมื่อเห็นผู้มา สองพ่อลูกสกุลเซี่ยรีบยืนขึ้นมาทันใด
เซี่ยจิ่นสวมชุดสีน้ำทะเลสาบ ช่วงเอวห้อยหยกประดับเรียบง่ายชิ้นหนึ่ง บนศีรษะรัดไว้ด้วยเกี้ยวหยกเขียวเช่นกัน เรือนกายเขาผอมสูง เสื้อผ้าที่งามสง่าสบายตาเช่นนี้ยิ่งขับเน้นให้เขาดูประหนึ่งเมฆงามพ้นยอดเขา รัศมีเจิดจรัสกลบกลิ่นอายเย็นชาออกไป ดูแล้วหลอกลวงสายตาคนมาก
“คารวะนายท่านผู้เฒ่าเสิ่น” เซี่ยจี่คารวะปู่ของเสิ่นเฉียน ยิ้มกล่าวว่า “สีหน้าท่านดียิ่งนัก เหตุใดไม่เห็นฮูหยินผู้เฒ่าเสิ่นเล่า”
“อะไรนะ” แต่ไรมานายท่านผู้เฒ่าเสิ่นก็ไม่ชอบหน้าเซี่ยจี่อยู่แล้ว จึงทำเป็นหูตึงไม่ตอบคำ
“ข้าบอกว่า…” เซี่ยจี่กล่าวเสียงดังขึ้น “หมู่นี้นายท่านผู้เฒ่าสุขภาพเป็นอย่างไร”
นายท่านผู้เฒ่าเสิ่นโบกมือไปตรงๆ พูดเองเออเอง “เฮ้อ แก่แล้ว ฟังไม่ชัด” เขาพูดจบก็ไปนั่งบนที่นั่งฝั่งตะวันออกด้วยตนเอง ก่อนหลุบตาลงเหมือนภิกษุเฒ่าเข้าฌาน ไม่มองเซี่ยจี่สักแวบเดียว
เซี่ยจี่ยิ้มอย่างจนใจแล้วกลับไปนั่งตรงที่นั่งฝั่งตะวันตก
เซี่ยจิ่นขมวดคิ้วน้อยๆ เอ่ยเสียงเบากับเสิ่นเฉียน “อะไรกัน งานเลี้ยงวันนี้มีแค่พวกเราสองบ้านหรือ”
“ไม่ใช่หรอก” เสิ่นเฉียนยิ้มกล่าว “ยังมีราชบัณฑิตฟู่จากสภาขุนนางด้วย”
เซี่ยจิ่นไม่ได้กล่าวอะไร สีหน้าอึมครึมเล็กน้อย ในใจเกิดลางสังหรณ์ไม่ดีขึ้นมา
สกุลเซี่ยเป็นขุนนางผู้มีความดีความชอบก่อตั้งต้าเซวียน เฝ้าพิทักษ์ชายแดนตะวันตกเฉียงเหนือมาตลอด บัญชาการทัพชายแดนตะวันตกเฉียงเหนือสิบแปดหมื่น จนกระทั่งในรัชสมัยก่อนอดีตฮ่องเต้มีพระราชโองการลงมา ถึงได้แบ่งทัพชายแดนตะวันตกเฉียงเหนือออกเป็นทัพเขตตะวันตกและทัพเขตเหนือ ทัพเขตตะวันตกมีติ้งหย่วนโหวเสิ่นฮ่วนบัญชาการ ส่วนทัพเขตเหนือให้เวยหย่วนโหวเซี่ยจี่บัญชาการ
อำนาจทางการทหารของสกุลเซี่ยถูกชิงไปครึ่งหนึ่ง พวกเขาย่อมไม่พอใจอย่างมาก แต่ก็รู้ดีว่านี่เป็นแผนสร้างความสมดุลของอดีตฮ่องเต้ภายใต้การแก่งแย่งชิงอำนาจของแต่ละฝ่าย ดังนั้นถึงได้กล้ำกลืนความโกรธนี้ลงไป เพียงแต่ยิ่งขัดตาคนสกุลเสิ่นขึ้นไปอีก
เซี่ยจิ่นนั่งบนที่นั่ง ย้อนคิดไปถึงคำพูดที่เสิ่นเฉียนเอ่ยตอนกลางวันแล้วยิ่งรู้สึกไม่ปกติ เซี่ยจี่เห็นสีหน้าบุตรชายไม่น่ามองก็จับข้อมือเขาโดยหน้าไม่เปลี่ยนสี เอ่ยเสียงเบาว่า “เก็บอาการหน่อย”
เซี่ยจิ่นมองบิดาอย่างแปลกใจ เซี่ยจี่ส่งสายตาให้เขา ในใจเซี่ยจิ่นยิ่งหนักอึ้ง มองไปทางเสิ่นเฉียนซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามโดยไม่รู้ตัว
เสิ่นเฉียนก้มหน้าหลุบตา กำลังเล่นถ้วยใบหนึ่งบนโต๊ะ มองท่าทีผิดแปลกใดไม่ออก
ยามนี้ขันทีร้องเสียงกังวานขึ้นมา “ไทเฮาและฝ่าบาทเสด็จ!”
ทุกคนล้วนลุกขึ้นยืน อ้อมมาอยู่หน้าโต๊ะแล้วคารวะ
เสิ่นไทเฮากับฮ่องเต้เซวียนเจาเดินเคียงกันเข้ามาภายใต้การห้อมล้อมของนางกำนัล ด้านหลังคือเซวียนหยางอ๋องกับราชบัณฑิตฟู่
เสิ่นไทเฮานั่งลงก่อนแล้วยิ้มอย่างงดงามเอ่ยว่า “ลุกขึ้นเถอะ วันนี้ล้วนเป็นคนกันเอง ไม่ต้องมากพิธีเช่นนี้”
ฮ่องเต้เซวียนเจาประคองนายท่านผู้เฒ่าเสิ่นขึ้นมา แล้วยิ้มกล่าวว่า “นายท่านผู้เฒ่าเสิ่นช่วงนี้สบายดีหรือไม่”
นายท่านผู้เฒ่าเสิ่นเอ่ยอย่างงกๆ เงิ่นๆ “ขอบพระทัยไทเฮาและฝ่าบาทที่ทรงห่วงใย หมู่นี้ไม่มีแรงขึ้นทุกที แต่วันนี้ไทเฮากับฝ่าบาททรงจัดงานเลี้ยง อย่างไรกระหม่อมก็ต้องมา…เรื่องใหญ่ในชีวิตของหลานสาวคนนี้ กระหม่อมจะไม่มาร่วมได้อย่างไร” ว่าพลางก็จ้องเซี่ยจิ่นด้วยท่าทีเปี่ยมกำลังวังชา
ในใจเซี่ยจิ่นสะดุดกึก มองเซวียนหยางอ๋องที่มีรอยยิ้มเต็มใบหน้าอยู่ด้านหลังฮ่องเต้เซวียนเจาอีกครั้ง การคาดเดาในใจได้รับการยืนยันแล้ว เขาลอบหัวเราะเย็นชาสองสามครา สองมือในแขนเสื้อกำหมัดโดยไม่รู้ตัว
ดูท่าหมายจะบังคับแต่งงานต่อหน้าเซวียนหยางอ๋องแล้ว