คืนลมพัดต้องเหมยงาม
ทดลองอ่าน คืนลมพัดต้องเหมยงาม บทที่ 1-2
สกุลเซี่ยสนิทกับเซวียนหยางอ๋อง เซวียนหยางอ๋องเป็นโอรสองค์โตของอดีตฮ่องเต้ เซี่ยกุ้ยเฟยผู้เป็นมารดาคือน้องสาวของเซี่ยจี่ อาหญิงของเซี่ยจิ่น
สามสิบปีก่อนตอนเสิ่นซื่อเข้าวังได้ยุติสถานการณ์ที่อดีตฮ่องเต้โปรดปรานเพียงเซี่ยกุ้ยเฟยลง สิบกว่าปีก่อนสกุลเซี่ยซึ่งเรืองรองดุจตะวันกลางฟ้าก็ถูกแบ่งทัพเขตตะวันตกสิบหมื่นออกไป ไม่นานเซี่ยกุ้ยเฟยประชวรจนสิ้นพระชนม์ แต่เซวียนหยางอ๋องที่เก็บงำคมประกาย รวมถึงสกุลเซี่ยที่บัญชาการทัพเขตเหนือแปดหมื่นล้วนเป็นหนามในใจเสิ่นไทเฮามาโดยตลอด
เพียงแต่สกุลเซี่ยอยู่มานานถึงฮ่องเต้สามพระองค์ ต่อสู้ออกรบสร้างคุณงามความชอบมาโดยตลอด อำนาจในกองทัพหยั่งรากลึก ไม่พูดถึงทหารทัพเขตเหนือแปดหมื่นที่สาบานว่าจะติดตามจนตัวตาย ในราชสำนักเองก็มีผู้ให้การสนับสนุนอยู่เป็นจำนวนมาก แตะเพียงนิดเดียวย่อมส่งผลกระทบถึงทั้งหมด หมายจะกำจัดอำนาจทางการทหารของสกุลเซี่ยจึงไม่ใช่เรื่องง่ายดายปานนั้น
ปีนั้นที่เสิ่นฮ่วนเข้าบัญชาการทัพเขตตะวันตกสิบหมื่น ก็เป็นเพราะยากจะได้รับการสนับสนุนจากผู้ใต้บังคับบัญชาเก่าบางส่วนของสกุลเซี่ย ทำให้เกิดสถานการณ์ที่ขวัญกำลังใจของทัพเขตตะวันตกไม่มั่นคง กำลังรบอ่อนแอ นี่ก็เป็นสาเหตุหนึ่งในหายนะเมื่อปีนั้น
เพื่อปกป้องอำนาจทางการทหารของสกุลเซี่ย เซวียนหยางอ๋องกับเซี่ยจี่ทุ่มเทและวางแผนการไปมากมายมาตลอด ก่อนหน้านี้ไม่ใช่เสิ่นไทเฮาไม่ได้ลงมือ แต่ที่ผ่านมาไม่เคยสำเร็จ ไม่เพียงแค่นั้น ยังนำมาซึ่งการแว้งกัดบางส่วนด้วย
ดังนั้นหลังจากผ่านการหยั่งเชิงตื้นลึกหนาบางหลายครั้ง เสิ่นไทเฮาก็เปลี่ยนแผนการแล้ว
ตอนนี้ดูท่าแผนการนี้ก็คือให้สกุลเสิ่นและสกุลเซี่ยสองตระกูลผูกสัมพันธ์ผ่านการแต่งงาน
เสิ่นเฉียนคือดาบที่คมที่สุด ยอดเยี่ยมที่สุดในมือเสิ่นไทเฮากับฮ่องเต้
บางทีพวกเขาอาจคิดว่าตอนนี้สถานการณ์ทางตะวันตกสงบไร้คลื่นลม ประกายคมของดาบเล่มนี้ไม่มีที่ให้ใช้ชั่วคราว ปล่อยทิ้งไว้ก็เสียเปล่า เช่นนั้นก็ไม่สู้นำมาผูกมัดสกุลเซี่ยเสียเลย
เสิ่นเฉียนแต่งเข้าสกุลเซี่ย ด้วยฐานะแม่ทัพใหญ่ฝู่กั๋วกับฮูหยินเวยหย่วนโหวซื่อจื่อ ของนาง สามารถแทรกแซงกิจทหารของทัพเขตเหนือได้อย่างผ่าเผย และจากความสามารถอันโดดเด่นของนาง การจะได้รับการสนับสนุนและบ่มเพาะอำนาจของตนก็เป็นปัญหาแค่ว่าจะช้าหรือเร็วเท่านั้น
หรือพูดได้ว่าแม้เสิ่นไทเฮากับฮ่องเต้จะยอมถอย แต่ก็อาศัยการกระทำนี้ประกาศเป้าประสงค์ของพวกเขาอย่างชัดแจ้ง อีกทั้งยังไม่มีปิดบังอำพรางความต้องการของตนสักนิด…ไม่ชิงอำนาจทางการทหารของพวกเจ้าสกุลเซี่ยย่อมได้ แต่จะขอส่งคนไปล่ามพวกเจ้าไว้ ทางที่ดีพวกเจ้าก็ว่าง่ายสักหน่อย
ครานี้พวกเขาไม่สามารถปฏิเสธ ถ้าปฏิเสธการจัดแจงนี้ ก็เท่ากับบอกไทเฮากับฮ่องเต้ว่าสกุลเซี่ยมีใจเป็นอื่น ไม่คิดรับการผูกมัดใดๆ และสถานการณ์ของเซวียนหยางอ๋องที่เดิมก็เหมือนอยู่บนแผ่นน้ำแข็งอยู่แล้วจะยิ่งลำบากมากขึ้น
เซี่ยจิ่นคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าด้วยความสำเร็จและตำแหน่งของเสิ่นเฉียนในวันนี้เวลานี้ ยังจะถูกเสิ่นไทเฮาใช้เป็นตัวหมากได้อีก เขาถึงขั้นอดสงสัยไม่ได้ว่าก่อนหน้านี้ที่เสิ่นไทเฮากับฮ่องเต้จัดการเรื่องแต่งงานของเสิ่นเฉียนไปหลายครั้งขนาดนั้นแต่ล้วนไม่สำเร็จ จะใช่เป็นเพราะทำให้เห็นไปอย่างนั้นเอง แต่ความจริงแล้ววางแผนถึงเรื่องในวันนี้มานานแล้วหรือไม่
รอจนเขตตะวันตกสงบไร้คลื่นลม เสิ่นยวนบุตรชายของเสิ่นชื่อ ติ้งหย่วนโหวซื่อจื่อที่ความสามารถด้อยกว่าเสิ่นเฉียนช่วงหนึ่งก็สามารถรับช่วงต่อทัพเขตตะวันตกได้ และให้เสิ่นเฉียนถอนตัวไปแต่งเข้าสกุลเซี่ย
เสิ่นไทเฮาช่างทำได้ลงนัก! ดูท่าคนในราชวงศ์ไม่มีความจริงใจอะไรดังคาด ทุกอย่างล้วนต้องหลีกทางให้อำนาจและผลประโยชน์
มุมปากเขาเจือรอยยิ้มเยาะหยันเสี้ยวหนึ่ง มองไปทางเสิ่นเฉียนซึ่งอยู่ตรงข้ามอีกครั้ง
เสิ่นเฉียนยังคงหลุบตา สีหน้าเรียบเฉย แต่ข้อนิ้วของนิ้วมือที่คลึงฝาถ้วยขึ้นสีขาว เห็นชัดว่าในใจก็ไม่พอใจเช่นกัน
เซี่ยจิ่นเห็นนางสวมกระโปรงน้อยครั้งนัก ยามนางไม่สวมเกราะก็สวมชุดคลุมเช่นนี้ ตัดเย็บพอดีตัว เนื้อผ้าชั้นยอด รูปแบบอยู่กึ่งกลางระหว่างชุดบัณฑิตกับชุดนักรบ บนเอวคาดแถบรัดเอวหนัง ศอกแขนสวมสนับเกราะแขนหนัง ตัวเสื้อผ่าเปิดเพียงน่อง เท้าสวมรองเท้าหนังกวางที่เบาและป้องกันได้ดี…ท่าทางเหมือนพร้อมลงมือกับผู้อื่นตลอดเวลา
เส้นผมยังรวบไว้เหนือศีรษะทั้งหมดเฉกเช่นบุรุษ สะอาดปราดเปรียว มีเสน่ห์และความสง่างามอันเป็นเอกลักษณ์ของทั้งชายและหญิง
คนที่มีความภาคภูมิและมาดมั่นเช่นนี้จะยินยอมกลายเป็นตัวหมากของผู้อื่นได้อย่างไร หรือจะบอกว่าเดิมนางก็ตั้งใจจะยื่นมือเข้ามาในทัพเขตเหนือแปดหมื่นอยู่แล้ว
ระหว่างที่เซี่ยจิ่นใคร่ครวญ ในสมองก็ปรากฏเรื่องในอดีตที่เกี่ยวข้องกับนางมากมาย
เขาอ่อนกว่านางหนึ่งปี ปีที่อายุเจ็ดขวบทั้งสองได้พบกันครั้งแรกในวัง พวกผู้ใหญ่ให้เด็กทั้งสองวัดฝีมือกันอย่างกึ่งจริงกึ่งเล่น
บนแท่นประลอง เสิ่นเฉียนถือดาบยาว มองประเมินเซี่ยจิ่นอย่างหยิ่งผยองเล็กน้อย ก่อนหันไปเอ่ยกับบิดานางเสียงดัง ‘เขาคือเวยหย่วนโหวซื่อจื่อหรือ เป็นแม่นางคนหนึ่งชัดๆ นะ’
พวกผู้ใหญ่ล้วนหัวเราะเสียงดัง ส่วนเซี่ยจิ่นใบหน้าแดงก่ำ โกรธจนสั่นไปทั้งร่าง
รูปโฉมเขาได้มารดามา ตอนอายุยังน้อยคิ้วตาละมุนละไม ใบหน้าดุจดอกท้อ สิ่งต้องห้ามที่สุดก็คือการที่มีคนอื่นบอกว่าเขาหน้าตาเหมือนเด็กหญิง
นี่ยังไม่นับ หลังประลองกันไม่กี่กระบวนท่า นางก็จ่อดาบยาวใส่คอเขา บีบให้เขาเรียกนางว่า ‘พี่สาว’ เขาย่อมไม่ยอม ทวนเงินในมือเสือกออกไป แทงใส่ใต้ซี่โครงของนาง
โชคดีที่ยังเยาว์วัยแรงจึงน้อย ไม่ได้ทำให้บาดเจ็บถึงชีวิตอะไร