เซี่ยจิ่นรีบเก็บต่างหูนั้นไว้ในแขนเสื้อ ลดมือลงกล่าว “ท่านแม่”
เซี่ยซือเองก็กระโดดเข้าไปหาพลางยิ้มกล่าว “ท่านแม่”
“อืม” เซี่ยฮูหยินเพียงเอ่ยตอบรับคำหนึ่ง กวาดสายตามองห้องแล้วหันหน้าไปเอ่ยกับหญิงรับใช้คนหนึ่ง “เห็นแล้วกระมัง ข้าบอกแล้วว่าห้องหนังสือนี้ของเขาเรียบง่ายไปหน่อย โต๊ะหนังสือไม้ประดู่ตัวนี้เก่าเกินไป สีก็ทึบเกิน กลับไปให้พ่อบ้านเกาทำโต๊ะไม้พะยูงหอมมา แล้วก็ทำจานฝนหมึกตวนเยี่ยน* จากหินเก่า นำกระบอกล้างพู่กันหรู่เหยา สองชิ้นมาประดับในห้อง ยังมีชั้นหนังสือนั่นด้วย ก็ต้องเปลี่ยนให้เข้ากับโต๊ะ…”
เซี่ยจิ่นรู้สึกเพียงจุดไท่หยางเต้นตุบๆ “ท่านแม่ นี่กำลังทำอะไร”
เซี่ยฮูหยินยามนี้ถึงค่อยหันมาสนใจบุตรชาย กล่าวอย่างเบิกบานว่า “เฉียนเอ๋อร์จะแต่งเข้าบ้านเราแล้ว ไม่เก็บกวาดหน่อยจะได้อย่างไร ทางเรือนเล็กซงยวนนั่นข้าไปดูมาแล้ว พรุ่งนี้จะให้คนมาปรับปรุง ขยายเพิ่มสักห้องสองห้องถึงค่อยเหมาะเป็นบ้านใหม่ จริงสิ ห้องหนังสือนี้ก็เพิ่มอีกสักห้อง ไม่เช่นนั้นเฉียนเอ๋อร์มาแล้วจะไปทำงานที่ใด ผู้อื่นก็เป็นแม่ทัพใหญ่เหมือน…”
“ท่านแม่!” เซี่ยจิ่นยิ้มขื่น “ไม่ต้องทำอะไรใหญ่โตขนาดนี้กระมัง จากพระประสงค์ของไทเฮากับฝ่าบาท หลังแต่งงานนางต้องตามข้าไปเขตเหนือ”
เซี่ยฮูหยินกล่าว “แล้วอย่างไรเล่า ต่อให้อยู่บ้านแค่ไม่กี่วันก็ต้องจัดการดีๆ ถึงจะใช้ได้! ผู้อื่นแต่งเข้ามาจะให้อดสูไม่ได้เป็นอันขาด!”
“ท่านแม่เข้าใจเหตุผลที่นางแต่งเข้ามาหรือไม่” เซี่ยจิ่นอยากโต้แย้งแต่ก็หยุดไป สุดท้ายจึงเอ่ยเสียงเบา
เซี่ยฮูหยินถลึงตาใส่เขา “ข้าไม่สน! พวกเจ้าอ้อมไปอ้อมมาเช่นนี้ข้าคร้านจะฟัง! เอาเป็นว่าตอนนี้ข้ามีความสุขมาก เจ้าอย่าได้มาขัดความสุขข้า น้องสาวเจ้าที่เขตเหนือรู้แล้วต้องดีใจมากเช่นกันแน่ ข้าขอเตือนเจ้าไว้…” นางมองบุตรชายตั้งแต่หัวจรดเท้า “ผู้อื่นเข้ามาแล้ว ไม่ว่าอย่างไรล้วนต้องปฏิบัติต่อนางอย่างดี อย่าเอาแต่ทำท่าเหมือนจะตายเช่นนี้ ใบหน้าอย่างกับก้อนน้ำแข็งนี่ใครจะชอบมอง”
“โอ๊ะ” เซี่ยซือร้องคำหนึ่งแล้วกระโดดขึ้นไปบนร่างพี่ชาย ใช้มือดึงมุมปากเขาออกไปสองฝั่ง
“เหลวไหล!” เซี่ยจิ่นขมวดคิ้วถลึงตาดุ ดึงน้องชายที่ปีนขึ้นบนร่างเขาเหมือนลิงน้อยลงมา
เซี่ยฮูหยินหัวเราะอย่างกลั้นไม่อยู่ ก่อนพาเซี่ยซือออกไปอย่างพอใจ จากไปประหนึ่งลมพายุแล้ว
ในห้องหนังสือพลันเงียบลง เซี่ยจิ่นถอนหายใจยาวคราหนึ่ง ก่อนนวดหว่างคิ้ว เขาเดินไปนั่งข้างหน้าต่าง หยิบต่างหูข้างนั้นออกมาจากในแขนเสื้อแล้วเพ่งมองกลางฝ่ามือ
หยดน้ำมรกตนั้นเล็กกระจุ๋มกระจิ๋ม เส้นเงินเล็กบางไม่ได้เชื่อมกับเข็มต่างหู กลับเป็นตัวหนีบฉลุลายเล็กๆ
เขามองอยู่ครู่หนึ่งแล้วเงยหน้าขึ้น มองไปนอกหน้าต่าง
จันทร์กระจ่างค่อยๆ ถูกบดบัง คืนฤดูสารทหนาวเย็น
คำพูดของเซี่ยซือกับมารดาสลับกันดังก้องอยู่ในหูเขา เขาก้มหน้าลง หลุบตาจ้องมองฝ่ามืออยู่นานถึงค่อยลุกขึ้นออกจากห้อง เดินไปยังข้างศาลามุมเหลี่ยมที่อยู่เหนือทะเลสาบวั่นชุนในสวนดอกไม้ แล้วโยนต่างหูข้างนั้นลงไปในน้ำ
ต้าเซวียน รัชศกเจาซิ่งปีที่สาม วันที่แปดเดือนสิบ ฤกษ์เหมาะแต่งงาน
วันนี้เป็นวันที่อากาศแจ่มใส ดวงอาทิตย์ฤดูใบไม้ร่วงสาดแสงส่องสว่าง บนถนนสายหลักสองสามสายในเมืองหลวงแน่นขนัด บรรยากาศคึกคัก ผู้คนเบียดเสียด ผลักๆ ดันๆ อยู่บนถนน ทางหนึ่งถกเรื่องสินเดิมหนาหนักสี่สิบแปดคนหามของแม่ทัพเสิ่นเมื่อวาน อีกทางชะโงกศีรษะมองขบวนรับเจ้าสาวของแม่ทัพเซี่ยจวนเวยหย่วนโหว
ยามเช้าตรู่เซี่ยจิ่นก็นำขบวนรับเจ้าสาวกับเกี้ยวบุปผาออกจากจวนแล้ว แต่เกือบเที่ยงวันแล้วก็ยังห่างจากจวนแม่ทัพใหญ่ฝู่กั๋วอีกสองถนนเต็มๆ
เซี่ยจิ่นเคยให้คนไปสอบถามเสิ่นเฉียนก่อนหน้านี้ ความต้องการของนางคือแต่งออกจากจวนแม่ทัพของตนเอง ไม่ใช่จากจวนของติ้งหย่วนโหวเสิ่นชื่อ
นับแต่ทั้งสองตอบรับเรื่องแต่งงานจนถึงวันพิธีในวันนี้ใช้เวลาเพียงเดือนเศษเท่านั้น เพราะมีราชบัณฑิตฟู่คอยจับจ้องคู่ที่ตนเลือกมาเอง ถึงทำให้ขั้นตอนยุ่งยากอย่างดูดวงชะตา มอบสินสอด ดูฤกษ์เสร็จสิ้นภายในระยะเวลาสั้นๆ สองบ้านยุ่งง่วนเหมือนเดินทัพออกรบจนในที่สุดก็มาถึงวันนี้แล้ว ทุกอย่างพร้อมพรัก ขาดเพียงลมบูรพา*
หนึ่งเดือนกว่ามานี้เสิ่นเฉียนทูลลาพักงานไม่ได้ไปประชุมขุนนาง เก็บตัวอยู่ในบ้านตลอด นอกจากสิบกว่าวันก่อนที่เข้าวังร่วมงานเลี้ยงครั้งหนึ่งแล้วก็ไม่ได้โผล่หน้าออกมาเลย
ในช่วงนี้เรื่องจิปาถะสารพัดของงานแต่งล้วนเป็นนายท่านผู้เฒ่าเสิ่นที่ยิ่งชรายิ่งแข็งแรงออกหน้าจัดการ เสิ่นชื่อคิดอยากมาช่วยหลายครั้งแต่ล้วนถูกนายท่านผู้เฒ่าเสิ่นขวางจนต้องกลับไป
วันนี้เสิ่นชื่อพาฮูหยินมานั่งในจวนแม่ทัพแต่เช้า ฮูหยินรองเสิ่นเดิมคิดจะไปดูที่เรือนหลัง นายท่านผู้เฒ่าเสิ่นกลับเอ่ยอย่างคลุมเครือว่า “อาสะใภ้เช่นเจ้าปกติไม่เอ่ยถามอะไรสักประโยค เวลานี้เหตุใดต้องไปให้เห็นขัดลูกตานางด้วย”
ฮูหยินรองเสิ่นลอบบ่นในใจว่า เช่นนั้นก็ช่างเถิด แล้วไปนั่งดื่มชาในห้องโถงอย่างเบิกบานสบายใจ
นายท่านผู้เฒ่าเสิ่นอ้างว่าจะไปเปลี่ยนชุด ยันไม้เท้าอ้อมไปยังปากประตูชั้นใน แล้วถามกับสาวใช้ข้างใน “กลับมาหรือยัง”
สาวใช้ส่ายหน้าอย่างเป็นกังวล นายท่านผู้เฒ่าเสิ่นกัดฟัน เอ่ยกำชับพ่อบ้านที่อยู่ด้านหลัง “ยื้ออีก”