คืนนี้จวนเวยหย่วนโหวมีแขกสูงศักดิ์มากมาย เสียงครึกครื้นเบิกบาน บรรยากาศเปี่ยมด้วยความมงคลยิ่งยวด ขุนนางชั้นสูงในราชสำนักมามากกว่าครึ่ง เซวียนหยางอ๋องซึ่งนั่งบนที่นั่งแขกสำคัญก็อยู่ตั้งแต่ต้นจนจบ กระทั่งถึงหลังยามจื่อแขกเหรื่อเต็มโถงถึงค่อยๆ สลายไป
เซี่ยจิ่นคุกเข่าอยู่หน้าห้องโถง รับของขวัญอวยพรที่ไทเฮากับฮ่องเต้ให้คนในวังส่งมา ก่อนเดินอ้อมเรือนหน้า เข้าเรือนหอภายในเรือนหลังโดยตรง
ภายในเรือนเล็กซงยวนเงียบสงบ พวกก่อกวนห้องหอถูกเซี่ยฮูหยินผู้ดุดันไล่ไปจนหมด เวลานี้ในเรือนมีโคมแดงแขวนสูง ม่านแดงปักลายงดงาม สิ่งที่เห็นล้วนเป็นสีสันที่มีชีวิตชีวา ลมเย็นยามราตรีฤดูใบไม้ร่วงพัดผ่าน
เซี่ยจิ่นยืนนิ่งอยู่ในลานเรือนเล็กน้อยก่อนเข้าไปในห้อง อ้อมผ่านฉากกั้นสิบสองพับที่ปักลายมงคลมั่งคั่งเฟื่องฟู ผู้ที่เดิมควรนั่งรอข้างเตียงนอน ยามนี้กลับห่อตัวด้วยผ้าห่มหนาหลับไปบนเตียงแล้ว ม่านโปร่งแดงครึ่งหนึ่งลู่ลงมา ผ้าคลุมหน้าที่เปิดออกไปอยู่ปลายเตียง บนเก้าอี้พาดชุดแต่งงานสีแดงสด สิ่งที่วางบนแท่นวางเท้าหน้าเตียงคือรองเท้าปักแดงที่เขาสั่งให้คนเร่งไปซื้อมาวันนี้
…สมกับเป็นเสิ่นเฉียน
เซี่ยจิ่นเองก็บอกไม่ถูกเช่นกันว่ารู้สึกผิดหวังหรือโล่งใจกันแน่ เขาลังเลเล็กน้อยก่อนถอดชุดแต่งงานบนร่างออกและไปห้องอาบน้ำ
ในมุมห้องอาบน้ำมีชุดที่เสิ่นเฉียนผลัดเปลี่ยนวางอยู่ กางเกงผ้าไหมสีดำตัวนี้เป็นตัวที่นางใส่ไว้ใต้ชุดกระโปรงเจ้าสาวสีแดงเพราะเปลี่ยนไม่ทัน ขณะเซี่ยจิ่นแบกนางเข้าจวนวันนี้ต้องลอบดึงกระโปรงนางลงมาปิดให้อยู่บ่อยๆ
เขาถอนหายใจอย่างจนใจคราหนึ่งก่อนอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า
เสียงกุกกักดังขึ้น เทียนแดงบนแท่นสูงแตกตัวกลายเป็นประกายเล็กๆ คล้ายดอกไม้ เสิ่นเฉียนพลิกตัวอย่างงัวเงีย ครั้นสัมผัสได้ว่ามีคนเข้ามาใกล้ร่าง ยังไม่ทันลืมตาขึ้นนิ้วทั้งห้านางก็พลันยื่นออกไปแล้ว คว้าคอเสื้ออีกฝ่ายแล้วเหวี่ยงลงกดไว้ด้านข้าง ก่อนจะพลิกตัวขึ้นคร่อม มืออีกข้างบีบลำคอคนข้างใต้แน่น
“ใคร!” หลังตวาดคำนี้ออกมานางถึงค่อยลืมตาที่ยังมีความง่วงงุนอยู่ขึ้น
การมองครานี้นางพลันกระอักกระอ่วนอยู่บ้าง รีบปล่อยมือที่กุมคออีกฝ่ายออก
“เหตุใดถึงเป็นเจ้า”
คนที่ถูกนางกดตัวกลับเป็นเซี่ยจิ่นที่สวมชุดนอนสีแดงทั้งตัว บนใบหน้าเขาเต็มไปด้วยความคาดไม่ถึง ถูกการกระทำอันดุร้ายของนางเมื่อครู่นี้ทำให้มึนงงอยู่บ้าง
ในม่านโปร่งแดงกลางที่นอนยุ่งเหยิง คนสองคนจ้องมองกันเงียบๆ ผมดำของเซี่ยจิ่นระหมอน คอเสื้อชุดนอนถูกนางดึงเปิดออก เผยผิวงามบริเวณกระดูกไหปลาร้า รอยนิ้วแดงจางๆ สองสามรอยตรงคอยังไม่หายไป ขับให้หางตาและข้างแก้มที่เจือสีผลท้อเพราะดื่มสุราดูละมุนละไมและมีท่าทีคลุมเครืออย่างแปลกประหลาด
ดวงตางามของเสิ่นเฉียนจ้องมองแน่วนิ่ง นางถูกความงามตรงหน้านี้ทำให้ลุ่มหลงไปชั่วขณะ ถึงขั้นลืมขยับตัวไป
มุมปากเซี่ยจิ่นเผยรอยยิ้มเสี้ยวหนึ่งช้าๆ นัยน์ตาดำขลับภายใต้ขนตายาวเป็นประกายดุจดวงดาว เอ่ยเจือนัยถากถางเล็กๆ “วันนี้พวกเราสองคนแต่งงานกัน ย่อมต้องเป็นข้าสิ ความสามารถในการลืมของแม่ทัพเสิ่นนับว่าเร็วยิ่ง”
“หลับจนหลงแล้ว ขออภัยด้วย” เสิ่นเฉียนกล่าวงึมงำ เป่าลูกผมตรงหน้าผากเบาๆ ถึงทำท่าจะพลิกตัวลงจากร่างเขา เซี่ยจิ่นกลับคว้าต้นขาซ้ายของนางไว้ รั้งให้นางคร่อมอยู่บนเอวเขาต่อ มือซ้ายลูบไล้ไปตามข้อเท้าขวาของนางช้าๆ
“เจ้า…”
เสิ่นเฉียนขยับตัวอยู่ไม่สุขแล้ว ความรู้สึกร้อนลวกผสมปนเปกับความซ่านชาแสนประหลาดพลันวาบขึ้นมาจากบริเวณที่มือเขาลูบไล้ พาให้แก้มนางพลอยร้อนผ่าวไปด้วย
ภายใต้แสงเทียนหรุบหรู่ หลังม่านแดงที่ปิดคลุม หญิงสาวที่สวมชุดนอนแดงทั้งร่างปล่อยผมดำสยาย แต้มลักยิ้มสองข้างเผยชัด ความงามเปล่งปลั่งแผ่กระจายออกมา ไม่ได้วางตัวเรียบง่ายดูสุภาพเหมือนในยามปกติอีก
ฝ่ามือมีพลังกดผ่านน่องนางทุกกระเบียด คล้ายกำลังค้นหาอะไรบางอย่าง จนกระทั่งคนบนร่างเขาร้องออกมา ดวงตาเหม่อลอยที่ไม่รู้ว่าจับจ้องไปที่ใดจู่ๆ ก็จรดสายตานิ่งในฉับพลัน เซี่ยจิ่นถึงค่อยหยุดมือที่ลูบไล้ลง แล้วเลิกกางเกงของนางขึ้น
บริเวณใต้เข่านางลงไปสามชุ่นมีผ้าพันไว้ลวกๆ ไม่กี่ทบ เวลานี้มีรอยเลือดซึมออกมาแล้ว เพียงแต่เพราะสวมกางเกงไหมสีแดงจึงมองเห็นได้ไม่ชัด