ทดลองอ่าน คืนลมพัดต้องเหมยงาม บทที่ 3-4 – หน้า 7 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

คืนลมพัดต้องเหมยงาม

ทดลองอ่าน คืนลมพัดต้องเหมยงาม บทที่ 3-4

บทที่ 4 ใจกลัดกลุ้ม

ร่างกายทวีความร้อนขึ้นเรื่อยๆ สมองยิ่งหนักอึ้ง ความคิดทั้งหมดถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง เขาปล่อยให้ร่างกายและสัญชาตญาณนำพาไป ตกลงสู่ห้วงแห่งอารมณ์อันไม่คุ้นเคย

เปลวเทียนสีแดงพลิ้วไหว ม่านเตียงส่งกลิ่นหอมกำจาย เมื่อนางถอดชุดนอนออก บนเรือนร่างก็เหลือเพียงเอี๊ยมสีแดงสด เซี่ยจิ่นเอื้อมมือไปด้านหลังนางเพื่อคลายสายรัดเอี๊ยมนั้นออก

เสิ่นเฉียนโอบกอดเขาไว้ด้วยสองแขน ซุกหน้าลงแนบกับอกเขาราวกับเมามายในฤทธิ์สุรา ริมฝีปากสีแดงจูบสะเปะสะปะไปตามกระดูกไหปลาร้าของเขา แล้วงับเข้าไปตรงลูกกระเดือกที่ขยับขึ้นลงของเขาประหนึ่งอสรพิษ แล้วเลื่อนใบหน้ามาที่ข้างริมฝีปากเขา

เซี่ยจิ่นกลับผินหน้าออกโดยไม่ตั้งใจ คล้ายหลบเลี่ยงนางตามจิตใต้สำนึก

จูบของนางปะทะความว่างเปล่าเข้าแล้ว

นี่เป็นเรื่องที่อยู่เหนือความคาดหมาย ทั้งสองต่างตัวแข็งทื่อ

ความอ่อนโยนแสนเร่าร้อนเมื่อครู่นั้นดั่งกระแสน้ำถดถอย เซี่ยจิ่นที่แทบจะได้สติขึ้นมาในพริบตารู้สึกได้ว่าตนทำพลาดอย่างที่ไม่อาจแก้ไขได้ไปแล้ว

เสิ่นเฉียนเป็นคนหยิ่งทะนงผู้หนึ่ง แม้บางครั้งนางทำตัวคล้ายอันธพาลไปบ้าง บางคราปากก็ไว ชอบเอ่ยคำพูดปากไม่ตรงกับใจบางส่วนทำให้คนเต้นเร่าๆ แต่เขารู้ว่านางเป็นคนความรู้สึกฉับไวและทะนงตนมาก ยิ่งกว่านั้นคือเขาทำให้นางต้องรู้สึกเช่นนั้นในช่วงเวลานี้

ดังคาด แขนของเสิ่นเฉียนแม้ยังวางพาดอยู่ที่ไหล่เขา แต่สีแดงบนใบหน้าจางหายไปอย่างรวดเร็ว อารมณ์สงบลง ระลอกคลื่นในดวงตาสลายไป และคืนสู่ความสงบอย่างรวดเร็ว สุดท้ายก็เหลือเพียงประกายตาเย็นเยียบเท่านั้น

เซี่ยจิ่นจ้องมองนางโดยไม่ขยับเขยื้อน มือยังคงวางค้างเติ่งอยู่บนเอวนาง สายรัดเอี๊ยมของนางพันอยู่กับนิ้วเขา ราวกับพันยุ่งเหยิงจนความคิดเขาว้าวุ่นไม่เป็นสุข

ภายในม่านแดงได้ยินเพียงเสียงลมหายใจที่ค่อยๆ สงบลงของทั้งสอง เสิ่นเฉียนพลันรู้สึกหนาวเล็กน้อย นางยิ้มเยาะตนเองเบาๆ แล้วดึงมือเขาออกไป

สายรัดเอี๊ยมที่อยู่ระหว่างนิ้วมือก็พลอยถูกเขาดึงออกไปด้วยในยามนี้ เอี๊ยมสีแดงปักลายหงส์สีทองพลันเลื่อนหลุด เผยให้เห็นเรือนร่างงดงาม

เสิ่นเฉียนร้องโอ๊ะขึ้นมาคำหนึ่ง นางรีบยกมือข้างหนึ่งขึ้นบังทรวงอก มืออีกข้างคว้าเอี๊ยมขึ้นมา แล้วหันหลังไปหยิบชุดนอนที่อยู่ด้านข้างขึ้นมาสวมใส่

“กระอักกระอ่วนจริงๆ นั่นล่ะ ทำให้เจ้าต้องเห็นเรือนร่างเปลือยเปล่าของข้าเข้าแล้ว” นางยิ้มกล่าว “ดีที่เจ้าเองก็ไม่ได้ดีกว่ากันสักเท่าไร รอบนี้พวกเรานับว่าเสมอกัน”

ในใจเซี่ยจิ่นหวาดหวั่นขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ แต่กลับพูดอะไรไม่ออก

เสิ่นเฉียนผูกแถบรัดเอวชุดนอนดีแล้วจึงหันร่างกลับมา มองเซี่ยจิ่นที่เปลือยท่อนบนอันแสนดึงดูดสายตาตรงหน้าแล้วหัวเราะพรืดออกมา ก่อนหยิบชุดที่ถูกโยนไว้ด้านข้างมาคลุมร่างให้เขาลวกๆ ตบแก้มเขาเบาๆ ราวกับปลอบโยน

“นั่นน่ะ…” นางเอ่ยเหมือนไม่เจตนา “ลืมไปว่าเจ้ามีคนในใจอยู่แล้ว สำหรับเจ้าคงยากไปสักหน่อย”

เซี่ยจิ่นไม่อาจอธิบายชี้แจง ทั้งไม่สามารถหาเหตุผลมาหักล้าง

เสิ่นเฉียนเลิกม่านออก ขณะที่นางกำลังจะลงจากเตียง ข้อมือพลันถูกคนยุดไว้ เซี่ยจิ่นดึงนางเข้ามาในอ้อมอก ริมฝีปากประทับลงบนใบหน้านางโดยไม่สนสิ่งใด

เสิ่นเฉียนเบือนหน้าหลบ แล้วตวัดมือตบหน้าเขาไปตรงๆ

เพียะ!

สิ้นเสียงดัง บนใบหน้าของเขาพลันปรากฏรอยนิ้วแดงห้าสาย

นางกล่าวอย่างโมโห “ข้าบอกไปแล้วว่าเจ้าไม่ต้องฝืน! เจ้ายังต้องทำเช่นนี้ด้วยหรือ”

แผ่นอกเซี่ยจิ่นกระเพื่อมไหว เขาค่อยๆ ยื่นมือขึ้นมาลูบใบหน้าตนเอง ถ้าเป็นเมื่อก่อนถูกเสิ่นเฉียนตบหน้าเช่นนี้ เขาต้องคิดหาวิธีเอาคืนแน่ แต่ครั้งนี้เขากลับรู้สึกว่าตนสมควรโดนฝ่ามือนี้

เสิ่นเฉียนมองเขาอย่างเย็นชาก่อนลุกขึ้นเดินไปนั่งหน้าโต๊ะแปดเซียน ที่อยู่กลางห้องหอ

บนโต๊ะวางอาหารเย็นกับของว่างไว้สองสามจาน บนถาดใบหนึ่งวางสุราฮวาเตียว หนึ่งกากับจอกสุราเล็กสองจอก เป็นของที่ให้บ่าวสาวแลกจอกสุรา

เสิ่นเฉียนสงบใจลงแล้วหยิบกาสุรานั่นขึ้นมา พลิกจอกสุราที่คว่ำอยู่ค่อยๆ รินสุราลงไป

ขณะกำลังจะส่งเข้าปาก มือข้างหนึ่งก็ยื่นออกมาแย่งจอกสุรานั้นไป

เซี่ยจิ่นดื่มจอกนั้นจนหมดแล้วเอ่ยว่า “ขาเจ้ามีแผล อย่าดื่มสุราจะดีกว่า”

“ก็จริง” เสิ่นเฉียนคล้ายลืมความหงุดหงิดเมื่อครู่ไปแล้ว ยิ้มกล่าวว่า “เช่นนั้นแลกจอกสุราก็ไม่ต้องดื่มแล้ว? ถึงอย่างไรเจ้าก็ไม่ได้เปิดผ้าคลุมหน้าข้านี่”

เซี่ยจิ่นเงียบไม่ส่งเสียง นั่งลงข้างกายนางด้วยสีหน้ามืดทะมึน

เสิ่นเฉียนขยับเข้าไปบีบปลายคางเขาแล้วมองดู “อา ตบแรงไปหน่อย ขออภัยด้วย หรือไม่ทายาสักหน่อยหรือไม่ เช่นนั้นพรุ่งนี้จะพบหน้าคนได้อย่างไร”

อารมณ์นางนับว่าฟื้นฟูเร็วยิ่ง เซี่ยจิ่นกล่าวอย่างกึ่งจริงกึ่งเท็จ “ผู้อื่นถามก็บอกไปตามตรงว่าถูกเจ้าตบ”

“อย่าสิ ลือออกไปผู้อื่นจะมองว่าข้าดุร้าย” เสิ่นเฉียนลุกขึ้นหยิบล่วมยาที่เขาวางบนเก้าอี้เมื่อครู่ กอดมาวางไว้บนโต๊ะ “ขวดใดเป็นยาลดบวม”

เซี่ยจิ่นเหลือบมองคราหนึ่ง “ขวดสีเขียวลายกิ่งดอกไม้พัน”

เสิ่นเฉียนหยิบสำลีออกมาจากในกล่อง จุ่มผงยาแล้วทาบนรอยนิ้วที่บวมแดงอยู่บ้างนั้นอย่างเอาใจใส่

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in คืนลมพัดต้องเหมยงาม

  • คืนลมพัดต้องเหมยงาม

    ทดลองอ่าน คืนลมพัดต้องเหมยงาม บทที่ 5-6

    By

    บทที่ 5 ราตรีวุ่น แววตาเสิ่นเฉียนมืดทะมึน กัดริมฝีปาก ปลายคางเกร็งแน่นเผยความแข็งกร้าวอยู่ในที “ที่แท้ถูกเด็ดปีกหมดสิ้นแล้วเนรเทศมาให้ข้านี่...

  • คืนลมพัดต้องเหมยงาม

    ทดลองอ่าน คืนลมพัดต้องเหมยงาม บทที่ 1-2

    By

    บทที่ 1 ลมตะวันตกพัดมา สุริยันจมลับประจิม แสงสายัณห์สาดส่องขอบฟ้า เสิ่นเฉียนเปลี่ยนม้าไปตัวหนึ่งแล้วในจุดพักม้า เช่นนี้จึงเร่งมาถึงนอกเมืองห...

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

community.jamsai.com