บทที่ 5 ราตรีวุ่น
แววตาเสิ่นเฉียนมืดทะมึน กัดริมฝีปาก ปลายคางเกร็งแน่นเผยความแข็งกร้าวอยู่ในที
“ที่แท้ถูกเด็ดปีกหมดสิ้นแล้วเนรเทศมาให้ข้านี่เอง” เซี่ยจิ่นยิ้มน้อยๆ กดเสียงเบาเอ่ยถาม “เจ้า…ทำเรื่องอะไรให้ไทเฮาเดือดดาล”
เสิ่นเฉียนไม่ตอบ เพียงหันหน้าไปอีกทาง
เซี่ยจิ่นจ้องนางนิ่งๆ อยู่นานก่อนถอนหายใจ “เอาเถอะ ไม่อยากพูดก็ไม่ต้องพูด ข้าโยกคนสองพันให้เจ้าก็ได้”
เสิ่นเฉียนมีชีวิตชีวาทันที “ข้าอยากได้คนในสนามฝึกตะวันตก ข้าจะไปเลือกเอง…รอบนี้เป็นคนใหม่ ข้าชี้นำได้สะดวกกว่า”
“ได้สิ” เซี่ยจิ่นยิ้มกล่าว “เจ้าจะเลือกก็เลือก สองพันคน ห้ามเกินแม้แต่คนเดียว”
“ข้าขอเพียงหนึ่งพันแปดร้อยคนก็พอแล้ว เจ้าให้กู้ฉางซือกับข้านะ”
เซี่ยจิ่นชะงักไปแล้ว แววตาพลันเปลี่ยนเป็นอันตราย เขาดึงขาข้างหนึ่งของนางมาโดยพลัน เสิ่นเฉียนร้องตกใจ ทั้งตัวถูกดึงลงมาจากพนักพิง ไถลมาอยู่ข้างตัวเซี่ยจิ่น ปลายชุดนอนด้านหลังม้วนขึ้นมาแล้ว แม้แต่ข้างหน้าก็ถูกม้วนขึ้นไปด้วย เผยเอวเนียนละเอียด
เซี่ยจิ่นค้อมตัวลงข่มอยู่ด้านบนอย่างวางอำนาจ สองแขนยันข้างตัวนาง ในดวงตาสีดำที่จับจ้องมองนางแน่วนิ่งสะท้อนเงาเล็กๆ สองเงาของนาง
“แม่ทัพเสิ่นช่างเลือกคนเป็นเสียจริง” เขากดเสียงต่ำ ลมหายใจอุ่นระผ่านใบหน้านางเพียงผ่านๆ ทว่ากลับคล้ายลวกแก้มนาง “ในคนทั้งหมดนี้มีที่โดดเด่นอยู่ไม่กี่คน เจ้าช่างดีนัก ไม่ทันไรก็เลือกคนที่โดดเด่นที่สุดแล้ว”
เสิ่นเฉียนยกมือจัดเส้นผมข้างแก้มเขาที่ลู่ลงมาตรงคอนาง แสร้งยิ้มเอ่ย “เช่นนั้นเจ้าให้ข้าหรือไม่”
เซี่ยจิ่นไม่ตอบ เพียงมองจ้องนางจากตำแหน่งที่สูงกว่า
เสิ่นเฉียนมองตอบสายตาเขา พันผมดำของเขาที่ปลายนิ้วมือเล่นไปมา
สายตาเขาเลื่อนออกจากใบหน้านางมายังเส้นผมของตนในมือนาง ริมฝีปากค่อยๆ เผยยิ้ม “ให้เจ้าก็ได้ แต่ไม่ให้เปล่า ต้องมีของแลกเปลี่ยน”
เสิ่นเฉียนกลืนน้ำลาย มือข้างหนึ่งพันเส้นผมเขา อีกข้างยื่นลงไปค่อยๆ ดึงชายเสื้อที่เอวลง คิ้วตาเจือแววละมุนละไมขึ้นมาเล็กน้อยโดยไม่รู้ตัว “แม่ทัพเซี่ยอยากให้ข้าเอาอะไรมาแลกหรือ”
น้ำหนักตัวของเซี่ยจิ่นล้วนกดอยู่บนแขนซ้าย เขายื่นมือขวาออกมา คว้ามือข้างนั้นของนางวางไว้ข้างๆ ก่อนแนบฝ่ามือกับผิวเปล่าเปลือยที่เอวนาง ค่อยๆ ลูบไล้ฝ่ามือเบาๆ แล้วเคลื่อนสูงขึ้นทีละน้อย ในดวงตากระจ่างคล้ายมีระลอกคลื่นพราวระยับ คล้ายธาราวสันต์กระเพื่อมไหวใต้แสงอาทิตย์ สว่างเจิดจ้าและร้อนลวกกายเหลือเกิน
“…อยากได้คนของข้า ไม่ออกแรงสักหน่อยจะได้อย่างไร” เซี่ยจิ่นก้มหน้า เสียงที่ปกติชัดกระจ่างกดต่ำลง ทุกคำที่เอ่ยออกมาพร้อมลมหายใจร้อนเหมือนไฟอ่อนๆ อบจนร่างกายนางร้อนผ่าวขึ้นเล็กน้อย “การฝึกทหารม้าของแม่ทัพเสิ่นยอดเยี่ยมนัก ไม่สู้ช่วยข้าฝึกทหารใหม่ครานี้ในสนามฝึกสักหน่อยเป็นอย่างไร”
เสิ่นเฉียนมองใบหน้าที่ประชิดเข้ามาของเขา จู่ๆ ก็นึกถึงเมื่อคืนที่ถูกเขาหลบจูบนั้น ยิ่งคิดถึงบันทึกที่ได้อ่านในวันนี้ ไม่ทันไรนางก็ใจเย็นลง สีหน้าเรียบเฉย แต่กลับยื่นมือไปโอบเอวของเขา แสร้งยิ้มกล่าวอย่างเบิกบาน “เรื่องฝึกทหารไม่มีปัญหาอยู่แล้ว อย่างไรข้าก็ว่าง แต่พูดเรื่องงานก็พูดไปสิ จู่ๆ เจ้าทำเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร กลัวข้าไม่ตกลงหรือ”
ร่างเซี่ยจิ่นพลันแข็งทื่อแล้ว เขาหยุดการกระทำลง
อันที่จริงเขาคิดจะใช้โอกาสยามเอ่ยเรื่องงานมาร่วมหอกับนางภายใต้สถานการณ์ที่นางแบ่งสมาธิไปคิดเรื่องอื่น ถือเป็นการชดเชยและกอบกู้สถานการณ์แตกร้าวของเมื่อคืน
ในเมื่อล้วนแต่งงานแล้ว เขายังหวังว่าทั้งสองฝ่ายจะสามารถอยู่ด้วยกันอย่างดีได้ ต่างฝ่ายต่างเก็บกรงเล็บไปและพยายามจริงใจต่อกันอีกสักหน่อย ไม่ใช่เพราะการแก่งแย่งในราชสำนักกับจุดยืนในราชสำนักทำให้ต่างฝ่ายต่างติดค้างกัน กลายเป็นคู่เวรคู่กรรม เช่นนั้นก็ไม่คุ้มค่าเกินไปแล้ว
ชั่วขณะที่ถูกนางมองทะลุปรุโปร่ง เซี่ยจิ่นหน้าม้านอยู่บ้าง รอตอนจะทำหน้าหนาลงมือต่อไปก็เหลือบไปเห็นแววเย็นเยียบชืดชาจากในดวงตานาง มือที่แทรกเข้าไปใต้เสื้อนางสัมผัสถูกส่วนนุ่มนิ่มที่ทำให้ใจสั่นไหวก็ไม่อาจเลื่อนต่อไปได้อีกแล้ว
เห็นชัดว่านางยังรู้สึกไม่ดีกับเรื่องเมื่อคืนอยู่ แม้ใบหน้าจะแย้มยิ้ม แต่เรือนกายใต้ฝ่ามือเขากลับเกร็งอย่างชัดเจน มือที่โอบเอวเขาก็แข็งทื่อยิ่ง
เมื่อสัมผัสได้ถึงการต่อต้านของนาง เซี่ยจิ่นจึงได้แต่วางมือ ยื่นมือมาดึงปลายเสื้อนางลง ให้ปกคลุมมิดชิด
เขาลุกขึ้นพลางถอยห่าง เสิ่นเฉียนก็ลุกขึ้นนั่งเช่นกัน ลูบผมที่ยุ่งเบาๆ พลางยิ้มเย้าให้เขา “เจ้าให้ข้าไปสนามฝึกช่วยเจ้าฝึกทหาร ไม่กลัวว่าข้าจะฉวยโอกาสสอดมือไปยุ่งเรื่องกิจทหารของทัพเขตเหนือหรือ”
“เจ้าจะทำหรือ” เซี่ยจิ่นย้อนถาม
“เอาเถอะ แม่ทัพเซี่ยช่างคิดคำนวณเยี่ยมนัก ไม่พูดถึงเรื่องใช้ทุกวิธีการ ยังสามารถสอดแนมได้ว่าข้ามีใจเป็นอื่นหรือไม่” เสิ่นเฉียนกัดริมฝีปากเบาๆ “ใต้หนังตาเจ้าข้ายังจะสามารถก่อคลื่นลมอะไรได้ ได้แต่เป็นวัวเป็นม้าให้เจ้าอย่างเชื่อฟังแล้ว”