ทดลองอ่าน คืนลมพัดต้องเหมยงาม บทที่ 5-6 – หน้า 3 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

คืนลมพัดต้องเหมยงาม

ทดลองอ่าน คืนลมพัดต้องเหมยงาม บทที่ 5-6

เสิ่นเฉียนเคลื่อนสายตาหนี “ถ้าอีกเดี๋ยวเจ้าเตะข้าอีกจะทำอย่างไร”

เซี่ยจิ่นพันแผลเสร็จก็ผูกปมให้ดีก่อนมองนางปราดหนึ่ง “เจ้านอนให้สบายเถอะ ข้าไปนอนบนตั่งห้องด้านนอกคืนหนึ่งแล้วกัน”

เสิ่นเฉียนหาวแล้ว ขยิบตายิ้มกล่าว “หรือไม่พรุ่งนี้ให้คนเก็บกวาดห้องข้างฝั่งตะวันออกให้เจ้าเป็นอย่างไร”

เซี่ยจิ่นลังเลเล็กน้อย “หากท่านแม่รู้เข้าจะอธิบายอย่างไร ช่างเถอะ อย่างไรอีกไม่นานก็ไปเขตเหนือแล้ว หรือไม่ตั้งแต่พรุ่งนี้ข้านอนในค่ายตลอด ท่านแม่ถามขึ้นมาก็บอกว่าในค่ายมีกิจทหารมาก”

“ตามใจเจ้า” เสิ่นเฉียนดึงผ้าห่มเบาๆ แล้วเอนตัวลงนอน

เซี่ยจิ่นปลดม่านเตียงลงแล้วเป่าเทียนอีกครั้ง เขาหยิบเสื้อคลุมสองตัวบนเก้าอี้ติดมือมาเป็นผ้าห่มและออกไปห้องด้านนอก

 

วันรุ่งขึ้นเสิ่นเฉียนพาจูเฉินขี่ม้าออกจากจวนสกุลเซี่ย ไปจุดธูปไหว้พระที่วัดเป่าติ่งนอกเมือง

เตร็ดเตร่อยู่ทั้งเช้านางถึงกลับเข้าเมืองอย่างเชื่องช้า ทว่าไม่ได้มุ่งหน้าไปจวนสกุลเซี่ย กลับลัดเลาะไปมา อ้อมตรอกเล็กเปลี่ยวสายหนึ่งเข้าไปในเรือนเล็กหลังหนึ่งกับจูเฉิน

ในเวลาหนึ่งก้านธูป ทั้งสองผลัดเปลี่ยนชุดแล้วผลักประตูออกมา ควบม้ามุ่งหน้าไปถึงหอเฟยเยวี่ยฝั่งตะวันตกของเมือง และจองห้องรับรองที่เห็นทะเลสาบบนชั้นสามห้องหนึ่ง

จูเฉินเปิดหน้าต่างออก ด้านนอกเป็นภาพภูเขาทะเลสาบ ทิวทัศน์งดงาม แสงอาทิตย์ส่องบนผิวทะเลสาบ ย้อมคลื่นน้ำเป็นสีทองอร่าม นอกหน้าต่างไม่ไกลมีต้นดอกกุ้ยสูงใหญ่ต้นหนึ่ง ยามนี้แม้ดอกกุ้ยโรยรา แต่กิ่งใบยังคงเขียวชอุ่ม บดบังสายตาของผู้ที่สัญจรอยู่ข้างทะเลสาบและบนทะเลสาบ มอบความสงบเงียบและสันโดษให้ห้องรับรอง

“เป็นห้องชั้นล่างนี้จริงๆ ใช่หรือไม่” เสิ่นเฉียนถาม

จูเฉินพยักหน้าน้อยๆ “พิราบสื่อสารที่จับได้จากเรือนพักทูตเมื่อคืนวาน จดหมายลับบนขาเขียนว่าเป็นห้องข้างล่างนั่น”

เสิ่นเฉียนลงกลอนประตูห้องรับรองแล้วหยิบเชือกออกจากกระเป๋าตาเหลียน นำมาพันตรงแขนเสื้อเป็นรอบๆ พันเสร็จแล้วก็ไปพันที่ขากางเกงตรงน่องอีก

“บาดแผลที่ขาของท่านแม่ทัพไม่เป็นไรหรือ” จูเฉินเห็นการกระทำของนางแล้วอดเอ่ยถามอย่างห่วงใยไม่ได้

เสิ่นเฉียนส่ายหน้าน้อยๆ หยัดร่างเคลื่อนไหวนิดหน่อยแล้วนำผ้ามาปิดบังใบหน้า จากนั้นดึงปมเชือกที่เอวเบาๆ หลังจากมั่นใจว่าแน่นดีแล้วก็พลิกตัวไปนอกหน้าต่าง เคลื่อนตัวลงไปด้านล่างทีละน้อยโดยการเกาะร่องผนังด้านนอก

จูเฉินซึ่งอยู่ริมหน้าต่างปล่อยเชือกลงไปทีละนิดตามการเคลื่อนไหวของนาง รอจนนางไปถึงนอกหน้าต่างห้องรับรองชั้นสองนั้นแล้วค่อยหยุด ไม่ได้ปล่อยเชือกต่อ

เสิ่นเฉียนลองหยั่งเท้าดู ก่อนเงยหน้าขึ้นส่งสัญญาณมือให้จูเฉิน ศีรษะจูเฉินผลุบหายเข้าไปในห้องทันใด

ทั้งตัวเสิ่นเฉียนแนบติดกับผนังด้านนอกอย่างเงียบๆ ราวกับผีเสื้อที่เกาะอยู่บนผนังนิ่งๆ นางสวมชุดสีเขียวเข้มทั้งร่าง เมื่อถูกต้นดอกกุ้ยบดบัง ต่อให้เรือในทะเลสาบแล่นมาใกล้ๆ คนบนเรือก็มองเห็นนางไม่ชัด

เสิ่นเฉียนรวบรวมสมาธิ รออยู่ครู่ใหญ่กว่าจะได้ยินเสียงเปิดประตูห้องรับรอง และมีเสียงฝีเท้าหนักๆ เดินเข้ามาภายในห้อง เสี่ยวเอ้อร์เอ่ยถามอยู่ด้านหลังอย่างกระตือรือร้น “นายท่านต้องการสั่งอะไรขอรับ”

คนผู้นั้นตอบ “เอาปี้หลัวชุนมาหนึ่งกาก่อน”

เสียงนี้เสิ่นเฉียนรู้จัก เป็นทูตเอ้ออวิ๋นจากแคว้นซีเหลียงที่ไม่กี่เดือนก่อนติดตามมาเมืองหลวงพร้อมกับท่านหญิงหลันเจิงซึ่งมาเพื่อแต่งงาน

หลังจากเสี่ยวเอ้อร์ยกชามาแล้ว เอ้ออวิ๋นก็เดินไปตรงหน้าต่างแล้วเปิดหน้าต่างออก เสิ่นเฉียนที่อยู่ด้านนอกสูดหายใจเข้าลึก หลังเอวเกร็งแน่น หน้าต่างที่เปิดออกเกือบพัดมาโดนข้อเท้านาง

คนทั้งในและนอกห้องล้วนกำลังรอคอย เอ้ออวิ๋นเดินกลับไปกลับมาในห้องคล้ายร้อนใจมาก พึมพำภาษาซีเหลียงกับตนเองอยู่บ่อยๆ “เหตุใดยังไม่มา คงไม่เกิดเหตุอะไรกระมัง”

ใจเสิ่นเฉียนเองก็ลอยสูงขึ้นเช่นกัน

ไม่ทันไรประตูห้องรับรองก็เปิดออกแล้ว มีคนเดินเข้ามา

เอ้ออวิ๋นกลับร้องอย่างแตกตื่น “พวกเจ้า…” ยังพูดไม่ทันจบเขาก็เหมือนถูกคนอุดปากไว้ ได้ยินเพียงเสียงดิ้นรนดังอื้อๆ เล็กน้อย

มีคนเอ่ยเสียงขรึมว่า “อย่าส่งเสียง นั่งลงดีๆ”

เสียงของคนที่เอ่ยนี้เสิ่นเฉียนก็รู้จักเช่นกัน เป็นรองผู้บัญชาการเซียวฉีแห่งหน่วยองครักษ์กวงหมิงของเมืองหลวง

ดูท่าคนที่ได้ข่าว ทั้งยังคอยเฝ้ารออยู่ที่นี่จะไม่ได้มีนางคนเดียว

เซียวฉีหูตาว่องไว วิชาต่อสู้สูงส่งแข็งแกร่ง เสิ่นเฉียนที่อยู่นอกหน้าต่างไม่กล้าขยับตัวไปชั่วขณะ กระทั่งหายใจยังพยายามให้มีเสียงเบาที่สุด

เวลาผ่านไปทีละน้อย สีท้องฟ้าค่อยๆ มืดลง เซียวฉีที่อยู่ในห้องเห็นชัดว่ากลั้นไม่อยู่แล้ว ตวาดถามดุดัน “ไม่ใช่บอกว่าพบกันยามซวีหรือ ตอนนี้เลยไปครึ่งชั่วยามกว่าแล้ว คนที่นัดพบกับเจ้าเหตุใดถึงยังไม่มา!”

เสิ่นเฉียนฉวยโอกาสตอนเขาเอ่ยปากรีบแก้เชือกที่เอวแล้วกระตุกเบาๆ จูเฉินซึ่งอยู่ด้านบนได้รับสัญญาณก็ค่อยๆ ดึงเชือกกลับไป

เอ้ออวิ๋นเพียงส่งเสียงฮึคราหนึ่ง ไม่ได้ตอบอันใด

เซียวฉียิ้มเย็นกล่าว “ดูท่าจะเป็นจิ้งจอกเฒ่าสินะ!”

เสิ่นเฉียนเองก็รู้สึกว่าคนที่นัดพบนั่นคงไม่มาแล้ว นางทอดถอนใจพลางปีนขึ้นไปด้านบนอย่างเบามือเบาเท้า

เวลานี้เซียวฉีหมดความอดทนแล้ว เขาตบโต๊ะพลางออกคำสั่งเสียงดัง “ปิดหอเฟยเยวี่ยซะ คนในหอนี้ทุกคนล้วนห้ามปล่อยออกไป ตรวจสอบให้ละเอียด!”

เสิ่นเฉียนลอบกล่าวในใจว่าแย่แล้ว นางรีบปีนลงไปด้านล่าง

องครักษ์กวงหมิงสองสามนายขานรับแล้วออกไป เซียวฉีเดินมาข้างหน้าต่าง ยื่นศีรษะออกไปมองซ้ายมองขวา เมื่อไม่เห็นอะไรก็มองลงไปข้างล่าง กลับเห็นเงาดำกำลังมุ่งหน้าไปทางทะเลสาบ ในดวงตาเขาวาบประกาย ตวาดว่า “ที่แท้ซ่อนอยู่นอกหน้าต่าง เอาธนูมา!”

เสิ่นเฉียนได้ยินเขาตวาดเช่นนี้ก็รู้ว่าร่องรอยตนถูกเปิดเผยแล้ว นางรีบลงน้ำแล้วว่ายไปเบื้องหน้าสุดชีวิต ว่ายไปได้ไม่เท่าไรได้ยินเพียงเสียงลมหวีดหวิวดังมาจากด้านหลัง ธนูดอกหนึ่งแหวกผ่านอากาศเข้ามา กรีดผ่านคลื่นน้ำพุ่งตรงเข้าที่ไหล่นาง โชคดีที่ถูกแรงลอยตัวของน้ำขวางไว้เล็กน้อย มันจึงปักเข้ามาไม่ลึก

เซียวฉียิงธนูออกไปหนึ่งดอกก็พลันโบกแขน “ตาม!”

องครักษ์กวงหมิงสองสามนายกระโดดลงจากหน้าต่าง พุ่งลงทะเลสาบไล่ตามเสิ่นเฉียนไปอย่างรวดเร็ว องครักษ์กวงหมิงที่ซุ่มอยู่รอบหอเฟยเยวี่ยก็เคลื่อนไหวเต็มกำลังเช่นกัน เร่งม้าเลียบตามเส้นทางรอบๆ ทะเลสาบไปโอบล้อมไว้

เสิ่นเฉียนอดทนต่อความเจ็บว่ายไปถึงริมฝั่ง ก่อนปีนขึ้นฝั่งทั้งเปียกๆ เช่นนั้น แล้วพุ่งเข้าใส่องครักษ์กวงหมิงนายหนึ่งที่มาถึงก่อน ดึงเขาลงมาจากม้า ส่วนตนเองพลิกตัวขึ้นหลังม้าแล้วลงแส้อย่างแรงพุ่งไปด้านหน้า

องครักษ์กวงหมิงด้านหลังติดตามไม่ลดละ เพราะได้รับคำสั่งให้จับเป็นจึงไม่กล้ายิงธนูใส่ เสิ่นเฉียนขี่ม้าห้อทะยานรวดเร็วจนสลัดหนีองครักษ์กวงหมิงได้ช่วงใหญ่

เมื่อผ่านถนนเปลี่ยวสายหนึ่ง ฝั่งซ้ายเบื้องหน้าก็ปรากฏแสงไฟรางๆ เป็นสนามฝึกตะวันตกที่อยู่ตีนเขาฝูหลวนในฝั่งตะวันตกของเมือง

เสิ่นเฉียนใคร่ครวญเล็กน้อยก่อนชักม้าควบทะยานไปทางสนามฝึก

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in คืนลมพัดต้องเหมยงาม

  • คืนลมพัดต้องเหมยงาม

    ทดลองอ่าน คืนลมพัดต้องเหมยงาม บทที่ 3-4

    By

    บทที่ 3 หงหลวนแต่งงาน ลมราตรีพัดกรู แสงจันทร์สาดส่อง ภายในหอตั้นเสวี่ยของจวนสกุลเซี่ยเวลานี้ เซี่ยจิ่นสองมือไพล่หลัง ฟังน้องชายตัวน้อยเซี่ยซ...

  • คืนลมพัดต้องเหมยงาม

    ทดลองอ่าน คืนลมพัดต้องเหมยงาม บทที่ 1-2

    By

    บทที่ 1 ลมตะวันตกพัดมา สุริยันจมลับประจิม แสงสายัณห์สาดส่องขอบฟ้า เสิ่นเฉียนเปลี่ยนม้าไปตัวหนึ่งแล้วในจุดพักม้า เช่นนี้จึงเร่งมาถึงนอกเมืองห...

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 7-8

บทที่ 7 ค่าเดินทาง เมื่อภูตสุนัขดำคืนร่างเป็นสุนัขธรรมดาตัวหนึ่ง ภูตบุปผาสองตนนั้นก็ไม่อาจทำการใหญ่ ต่อให้ชาวหมู่บ้านป่า...

คืนลมพัดต้องเหมยงาม

ทดลองอ่าน คืนลมพัดต้องเหมยงาม บทที่ 1-2

บทที่ 1 ลมตะวันตกพัดมา สุริยันจมลับประจิม แสงสายัณห์สาดส่องขอบฟ้า เสิ่นเฉียนเปลี่ยนม้าไปตัวหนึ่งแล้วในจุดพักม้า เช่นนี้จ...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 5-6

บทที่ 5 สังหารภูต   หลี่เจาเกอกลั้นหายใจเพ่งสมาธิ นิ้วมือวางบนด้ามกระบี่ ท่ามกลางหมู่ใบไม้แว่วเสียงความเคลื่อนไหวดังแซกซ...

คืนลมพัดต้องเหมยงาม

ทดลองอ่าน คืนลมพัดต้องเหมยงาม บทที่ 3-4

บทที่ 3 หงหลวนแต่งงาน ลมราตรีพัดกรู แสงจันทร์สาดส่อง ภายในหอตั้นเสวี่ยของจวนสกุลเซี่ยเวลานี้ เซี่ยจิ่นสองมือไพล่หลัง ฟัง...

community.jamsai.com