ทดลองอ่าน คืนลมพัดต้องเหมยงาม บทที่ 5-6 – หน้า 6 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

คืนลมพัดต้องเหมยงาม

ทดลองอ่าน คืนลมพัดต้องเหมยงาม บทที่ 5-6

6 of 6หน้าถัดไป

บทที่ 6 หนาวสะท้าน

เสิ่นเฉียนนั่งตัวตรง เซี่ยจิ่นดึงเสื้อลงมาจากไหล่นาง จดจ่อทำแผลให้นาง ไม่ทันไรผ้าพันแผลก็แนบมาแล้ว แขนของนางถูกคนข้างหลังยกขึ้นจากในเสื้อ พันผ้าพันแผลอ้อมใต้วงแขนแล้วผูกไว้อย่างดีด้านหลังเบาๆ

มือเขาไม่ได้จากไป ลูบแผลเก่าอื่นๆ บนหลังนางเบาๆ บาดแผลเหล่านั้นไม่มีความรู้สึกเจ็บมานานแล้ว ยามนี้ถูกฝ่ามือข้างนั้นเคลื่อนผ่านลูบไล้ ลูบจนเกิดความรู้สึกสั่นไหวและอ่อนระทวยเรื่อยๆ

“เจ็บหรือไม่” เสียงของเซี่ยจิ่นเจือแววกดข่มรางๆ

“เจ็บสิ เหตุใดจะไม่เจ็บ” เสิ่นเฉียนเป่าลูกผมที่ปรกหน้าผาก เอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ

“รู้จักเจ็บก็ก่อเรื่องให้น้อยลงหน่อย” เซี่ยจิ่นเอ่ยดุ จับแขนนางใส่กลับไปในเสื้อแล้วปิดสาบเสื้อให้ดี

เสิ่นเฉียนผูกเชือกที่เอวพลางเอ่ยเรื่อยเปื่อย “ทนๆ เอาก็ผ่านไปแล้ว ตอนเด็กเคยมีภิกษุรูปหนึ่งทำนายชะตาข้า บอกว่าจะอยู่ได้ไม่ถึงสี่สิบปี ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ไม่ฉวยโอกาสตอนยังมีชีวิตอยู่ทำเรื่องให้เยอะๆ เล่า ไม่เช่นนั้นก็ขาดทุนแย่สิ”

นางกล่าวจบไม่ได้ยินเสียงจากด้านหลังจึงหันกลับมามอง เซี่ยจิ่นมีสีหน้าสงสัย คล้ายกำลังแยกแยะจริงเท็จในคำพูดนาง

“จริงหรือ” เขาถาม

“แน่นอนว่าโกหก!” เสิ่นเฉียนหัวเราะฮ่าๆ ยื่นมือไปตบหน้าเขาเบาๆ “ตอนหลังภิกษุรูปนั้นบอกว่าถ้าแม่ข้ามอบเงินให้อีกห้าสิบตำลึง เขาจะทำพิธีเปลี่ยนชะตาให้ข้า รับรองว่าข้าจะอยู่ได้ถึงเจ็ดสิบแปดสิบปี ผลคือถูกแม่ข้าไล่ออกไป!”

เซี่ยจิ่นกัดฟันปัดมือนางออก “พูดน้อยลงสักสองประโยคข้าก็ไม่มองเจ้าว่าเป็นใบ้หรอก” เขากล่าวต่อว่า “โจ๊กน่าจะเย็นแล้ว ข้าไปยกมานะ”

เสิ่นเฉียนหันหน้าหนี “ข้าไม่กิน”

เซี่ยจิ่นจ้องนางอยู่ครู่ใหญ่แล้วลุกขึ้นยืน เดินไปหยิบโจ๊กบนโต๊ะแล้วถือประคองเข้ามา ส่งไปตรงหน้านาง “ไม่พูดก็ไม่พูด กินเองได้กระมัง”

เสิ่นเฉียนยื่นแขนซ้ายไปรับชามโจ๊กมา เพราะกระเทือนแผลจึงอดไม่อยู่ส่งเสียงซี้ดออกมา นางพลันส่งยิ้มงามให้เขา “แม่ทัพเซี่ยป้อนข้านะ”

เซี่ยจิ่นเดินจากไป “ฝันไปเถอะ”

เสิ่นเฉียนงึมงำ “เรื่องดีต้องทำให้ถึงที่สุดสิ”

นางใช้มือขวาถือช้อน ตักขึ้นมาช้อนหนึ่งส่งเข้าปาก โจ๊กอุ่นกำลังดี ตรงกับความเคยชินของนาง

นางกินไปได้ไม่กี่คำก็หันไปมองเซี่ยจิ่น

เซี่ยจิ่นกำลังเก็บล่วมยา ศีรษะก้มลงเล็กน้อย ก็ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่

“เซี่ยจิ่น เจ้าสังเกตหรือไม่” จู่ๆ เสิ่นเฉียนก็เอ่ยอย่างจริงจัง “อันที่จริงเจ้าดีต่อข้ามาก”

เซี่ยจิ่นเงยหน้ามองนาง เพียงส่งเสียงฮึคราหนึ่ง

“จริงๆ นะ ข้าสังเกตเห็นมานานแล้ว” เสิ่นเฉียนเอ่ยอย่างทอดถอนใจ “น่าจะเป็นเพราะถ้าขาดข้าผู้นี้ที่คอยแข่งเอาชนะคะคานกับเจ้า แย่งนั่นแย่งนี่กับเจ้า ยั่วโมโหเจ้า ชีวิตเจ้าจะน่าเบื่อมากน่ะสิ ทั้งยังจะเหงามากด้วย ดังนั้นไม่ว่าเจ้าจะไม่ชอบข้าเพียงใด แต่ก็ยังคงปกป้องข้า ตามใจข้า”

เซี่ยจิ่นใจสั่นสะท้าน เขาปิดล่วมยา สายตาซับซ้อนมองมาที่นาง

ร่างกายครึ่งล่างของเสิ่นเฉียนซุกอยู่ในผ้าห่ม ผ้าผืนหนึ่งวางอยู่บนขานาง มือข้างหนึ่งถือชามโจ๊ก อีกข้างถือช้อนคนเบาๆ ในชาม สีหน้านุ่มนวล ในดวงตาที่มองดูเขามีเปลวเทียนเล็กๆ สองดวงส่องสว่างดึงดูดสายตา เสียดายก็แต่ตะเกียบข้างหนึ่งซึ่งเสียบบนมวยผมที่ดูขัดตาไปสักหน่อย

สายตาเซี่ยจิ่นหยุดอยู่ที่ตะเกียบข้างนั้นครู่หนึ่งก่อนย้ายออกไปอย่างหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก

“เจ้าไม่สังเกตเลยกระมัง” เสิ่นเฉียนก้มหน้ากินโจ๊กต่อ กลืนเสร็จคำหนึ่งค่อยเอ่ยต่อ “เจ้าจำได้หรือไม่ ฤดูใบไม้ร่วงปีหงอู่ที่ยี่สิบแปด พวกเราได้พบหน้ากันที่เขาเหมิงจย่า เจ้าไม่เห็นด้วยที่ข้าจะนำกองทหารม้าไปบุกจู่โจมกะทันหัน บอกว่าเสี่ยงเกินไป สุดท้ายทะเลาะกันใหญ่โต เจ้าโมโหพาคนจากไป ภายหลังการบุกจู่โจมกะทันหันของข้าประสบผลสำเร็จ ปากเจ้าพูดเพียงว่าโชคดี แต่อันที่จริง…”

นางหยุดไม่ได้เอ่ย มองเซี่ยจิ่นยิ้มๆ

เซี่ยจิ่นทำตัวไม่ถูกอยู่บ้าง ปากแข็งกล่าว “ไม่ใช่โชคดีแล้วจะเป็นอะไร”

“เจ้าพาคนตามอยู่ด้านหลังด้วยตนเอง ข้ารู้ ดังนั้นถึงได้คิดถึงแต่ชัยชนะ มุ่งหน้าไปอย่างไร้ความกลัวเกรง ไม่มีความห่วงกังวลใดๆ” เสิ่นเฉียนเอ่ยเสียงเบา สบมองดวงตาเขา “ยังมีเรื่องในวันนี้…”

เซี่ยจิ่นเพียงกระแอมเบาๆ คราหนึ่งไม่เอ่ยอะไร

เสิ่นเฉียนหลุบตาลง “เรื่องพวกนี้ข้าล้วนรู้ชัด ในใจซาบซึ้งเจ้ามาก ไม่ใช่ข้าไม่ยอมพูด แต่เพราะตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา รอเมื่อถึงเวลาเหมาะสมข้าจะบอกเรื่องที่ควรบอกกับเจ้าทั้งหมดโดยไม่ปิดบัง”

เซี่ยจิ่นมองนางกินโจ๊กชามนั้นเสร็จเงียบๆ ถึงค่อยส่งชาถ้วยหนึ่งให้ รอนางดื่มแล้วจึงถือชามกับถ้วยชาเปล่าออกไป เอ่ยเรียบๆ “กินอิ่มแล้วก็นอนซะ พรุ่งนี้พวกเรายังต้องกลับไปเยี่ยมบ้านเจ้า”

เขาพูดพลางยื่นมือไปดึงตะเกียบขัดตาข้างนั้นออก แล้วลูบผมยุ่งที่สยายลงมาของนางเบาๆ

เสิ่นเฉียนถอนหายใจอย่างพึงพอใจ ซุกตัวเข้าไปในผ้าห่ม สองมือจับขอบผ้าห่ม ยิ้มกล่าวตาเป็นประกาย “เรื่องราวไม่อาจคาดเดาจริงๆ คืนนี้ยังคงต้องนอนเตียงเดียวกับเจ้าเสียได้”

เซี่ยจิ่นเอ่ยด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “เป็นเจ้าที่มาด้วยตนเอง ข้าหลบแล้วก็ยังหลบไม่พ้น”

“ใช่ๆๆ” เวลานี้เสิ่นเฉียนอารมณ์ดียิ่ง เอ่ยคล้อยตามเขา “เป็นข้าที่มาเอง เจ้านอนแล้วห้ามเตะข้านะ!”

 

 

(ติดตามต่อได้ในฉบับเต็มเดือน ธันวาคม 2567)

6 of 6หน้าถัดไป

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in คืนลมพัดต้องเหมยงาม

  • คืนลมพัดต้องเหมยงาม

    ทดลองอ่าน คืนลมพัดต้องเหมยงาม บทที่ 3-4

    By

    บทที่ 3 หงหลวนแต่งงาน ลมราตรีพัดกรู แสงจันทร์สาดส่อง ภายในหอตั้นเสวี่ยของจวนสกุลเซี่ยเวลานี้ เซี่ยจิ่นสองมือไพล่หลัง ฟังน้องชายตัวน้อยเซี่ยซ...

  • คืนลมพัดต้องเหมยงาม

    ทดลองอ่าน คืนลมพัดต้องเหมยงาม บทที่ 1-2

    By

    บทที่ 1 ลมตะวันตกพัดมา สุริยันจมลับประจิม แสงสายัณห์สาดส่องขอบฟ้า เสิ่นเฉียนเปลี่ยนม้าไปตัวหนึ่งแล้วในจุดพักม้า เช่นนี้จึงเร่งมาถึงนอกเมืองห...

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

community.jamsai.com