บทนำ
เมืองหนานจิง
“เร่เข้ามาๆ หากมัวชักช้า อาจต้องเสียดายไปชั่วชีวิต!”
บนท้องถนน ใครคนหนึ่งตะโกนเรียกร้องความสนใจขึ้น
“เมืองหนานจิงมีเรื่องราวเกิดขึ้นตลอดเวลา จะมีเรื่องไหนชวนตื่นเต้นเหมือนที่เจ้าว่าด้วยรึ”
“ตื่นเต้นสิ ท่านจำได้หรือไม่ว่าสำนักส่งสารสกุลเนี่ยกำลังจะเปิดกิจการบนถนนเส้นถัดไป”
“จำได้สิ จำได้ว่าสกุลเนี่ยซื้อที่ดินผืนหนึ่งมาสร้างเป็นสำนักส่งสาร พอสร้างเสร็จถึงได้รู้ว่าร้านข้างๆ ก็เปลี่ยนมาทำกิจการส่งสารเหมือนกัน หนำซ้ำยังเป็นกิจการใหม่ของสกุลซีเหมิน คู่อริอันดับหนึ่งของสกุลเนี่ยเสียด้วย”
“ถูกต้อง สำนักส่งสารสองโรงตั้งอยู่ติดกัน ถ้าเลี่ยงไม่เปิดกิจการพร้อมกันก็ว่าไปอย่าง แต่นี่กลับถือฤกษ์เปิดร้านวันเดียวกันเสียด้วย คนทั้งสกุลซีเหมินและสกุลเนี่ยมาปรากฏตัวกันแล้ว ลองคิดดูเถิด คนสองตระกูลเปิดกิจการติดกัน หันหน้าหันหลังมาก็ต้องเห็นกัน ดีไม่ดีอาจเกิดเหตุนองเลือดก็เป็นได้ ขนาดอำเภอยังต้องส่งคนมาควบคุมสถานการณ์เลย”
“เช่นนี้ก็พลาดไม่ได้นะสิ ขอข้ามุงด้วยคนเถิด ไปๆ รีบไปมุงกันเถอะ!”
ชาวบ้านสองสามคนคุยกันระหว่างเร่งฝีเท้าเดินเข้าไปสมทบ ท่ามกลางคนกลุ่มใหญ่ที่แห่แหนเหมือนผึ้งแตกรังไปยังถนนข้างเคียง
กงวั่นชิวซึ่งเดินผ่านมา ได้ยินคำว่า ‘สกุลเนี่ย’ ก็ชะงักเท้าทันควัน ก่อนจะคว้าตัวชาวหนานจิงคนหนึ่งมาถามเสียงโหด
“เมืองหนานจิงมีสกุลเนี่ยกี่ครอบครัว”
ชาวบ้านคนนั้นเห็นกงวั่นชิวท่าทางเหมือนชาวยุทธ์ ก็ตอบตามตรงโดยไม่กล้าบ่ายเบี่ยง
“ข้าก็ไม่รู้หรอกว่ามีกี่ครอบครัว รู้แต่ว่าตระกูลเศรษฐีอันดับต้นๆ ของหนานจิงก็แซ่เนี่ยเช่นกัน ท่าน…ท่านจะมาตามหาคนรึ”
“ข้ามาหาคนสกุลเนี่ยที่มีพี่น้องหลายคน หนึ่งในนั้นพิการ…”
ชาวบ้านได้ยินเช่นนั้นก็รีบเอ่ยตอบ “เช่นนั้นก็ถูกแล้ว สกุลเนี่ยมีพี่น้องสิบสองคน เป็นชายทั้งหมด โดยมากออกจากหนานจิงไปอยู่ที่อื่นแล้ว ที่ยังเหลืออยู่ก็มีแต่เนี่ยซาน คุณชายสามผู้เดินเหินไม่สะดวกนั่น ถ้าหากท่านอยากเจอเนี่ยซานก็ตรงไปที่คฤหาสน์สกุลเนี่ยได้เลย แต่ถ้าอยากพบเนี่ยซื่อ ก็คงต้องไปรอหน้าสำนักส่งสารที่ถนนถัดไปแล้วล่ะ” ว่าพลางถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น “แล้วท่านมาตามหาคนสกุลเนี่ย มีธุระอันใดหรือ”
พอได้ยินคำถามของอีกฝ่ายกงวั่นชิวก็ราวกับแผ่รังสีอำมหิตไปรอบตัวได้ จนชาวบ้านผู้นี้คิดในใจว่า เห็นทีคงมีความแค้นต่อกัน หรือไม่ก็เป็นนักฆ่าที่ถูกจ้างมา คราวนี้ได้เกิดเหตุนองเลือดในสกุลเนี่ยเป็นแน่! เรื่องนี้ต้องเกาะติดเสียแล้วกระมัง
กงวั่นชิวไม่ใส่ใจที่จะตอบ ยังคงเดินตรงไปยังถนนสายนั้น บนถนนคลาคล่ำไปด้วยผู้คน ทว่าเขาก็ไม่ได้แยแสแต่อย่างใด
ชาวบ้านบริเวณนั้นสัมผัสได้ถึงรังสีอำมหิต จึงค่อยๆ แหวกทางออก เพื่อหลีกให้เขาเดินอย่างสะดวก
ในที่สุดกงวั่นชิวก็เห็นชายหนุ่มชุดขาว มือถือพัดคนหนึ่งยืนอยู่หน้าสำนักส่งสารสกุลเนี่ย เขากำลังสนทนากับใครอีกคน
คนผู้นี้คงเป็นเนี่ยซื่อกระมัง
กงวั่นชิวมองไปทาง ‘สำนักส่งสารตงซี’ เห็นชาวยุทธ์ผู้หนึ่งถูกผู้คนรายล้อม ก็กระซิบถามชาวบ้านแถวนั้น
“นั่นใครกัน”
ชาวยุทธ์ผู้นี้หลักยืนหนักแน่น ท่าทางฝีมือไม่เลว ทางที่ดีอยู่ให้ห่างจะดีกว่า