“นี่เพื่อนยาก เจ้ายังไม่ได้แจ้งชื่อแก่ข้าเลย” เนี่ยสือเอ๋อร์มองอีกฝ่ายด้วยสายตาละห้อย ราวกับกำลังมองรูปสลักอันน่าเลื่อมใส และคล้ายกำลังหว่านเสน่ห์
รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าสีน้ำผึ้ง “ข้าแซ่สองพยางค์ว่าซีเหมิน ชื่อพยางค์เดียวคือถิง”
“ซีเหมินน้องรัก วันนี้เรามากระทำสัตย์สาบานเป็นพี่น้องกันเถิด จากนี้ไปเราสองจะมีสุขร่วมเสพ มีทุกข์ร่วมต้าน! ซีเหมินน้องรัก” เนี่ยสือเอ๋อร์ซาบซึ้งใจยิ่ง ไม่นึกเลยว่าจู่ๆ จะมีคนแปลกหน้ายื่นมือเข้าช่วย ไม่รู้เป็นเพราะเขาโชคดีหรือหน้าตาดีกันแน่ ใครต่อใครถึงได้พากันช่วยเหลือ
ฮือ…ซึ้งใจเหลือเกิน ต่อไปข้าจะไม่ต้องนั่งรอจดหมายไร้สาระของเจ้าเด็กถิ่งจือแล้ว ข้าจะได้หนีออกไปจากคฤหาสน์สกุลกงแล้ว!
“อ้อ จริงสิ ข้าลืมบอกท่านไปว่าเดิมข้าทำงานอยู่ที่สำนักส่งสารหยางหลิ่ว เพิ่งย้ายมาเหล่าซุ่นฟาเพียงเดือนเดียว” ซีเหมินถิงกล่าวยิ้มๆ
เนี่ยสือเอ๋อร์กำลังจะร้องไห้ด้วยความปลื้มปริ่ม ได้ยินดังนั้นก็ชะงัก ค่อยๆ เลื่อนสายตามาสบกัน
“น้องชาย เจ้าบอกว่าชื่อซีเหมินถิงหรือ”
“ใช่แล้ว ข้าชื่อซีเหมินถิง แต่ข้ายังไม่ได้บอกท่านว่าชื่อรองของข้าคือถิ่งจือ” ซีเหมินถิงยิ้มอย่างนึกขัน
เพียงแวบเดียวหลังจากนั้น เนี่ยสือเอ๋อร์ตาพร่าลืมตาไม่ขึ้น เพราะแสงอันเจิดจ้าอย่างน่าประหลาด
แต่เมื่อทุกสิ่งกลับสู่สภาพปกติ เขาก็คิดว่าเหตุที่ตาพร่า อาจเป็นเพราะสะเทือนใจเกินขนาด ประสาทตาจึงเสื่อมไปชั่วคราว
ถิ่งจือ ถิ่งจือ ซีเหมินถิ่งจือ* สหายผู้เขียนจดหมายคุยกับเขาตั้งแต่ยังไม่เริ่มท่องยุทธภพ!
ที่แท้ซีเหมินถิ่งจือก็หน้าตาเช่นนี้เองหรอกหรือ ช่างแตกต่างราวฟ้ากับเหวกับภาพนึกคิดเดิมของเขา…น่าแปลก พอถูกแสงสว่างเมื่อครู่สาดใส่ตา หัวใจเขาก็เต้นแรงขึ้น…สงสัยจะเป็นผลข้างเคียงกระมัง
“เบาๆ หน่อยสิ ถิ่งจือ จุดข้าเพิ่งจะคลาย แขนขายังชาอยู่ ไม่เห็นต้องลากแรงถึงเพียงนี้ ประเดี๋ยวข้าก็บาดเจ็บพอดี ช้าๆ หน่อย…”
“ข้าเกรงว่าหากมัวชักช้า ภรรยาท่านจะมาพบเข้าเสียก่อน”
“ภรรยาใครไม่ทราบ ข้าไม่มีภรรยาสักหน่อย เอ้า เร็วๆ ลากเลยๆ เจ็บหน่อยก็ไม่เป็นไร”
โชคดีที่คุณหนูสกุลกงไม่อนุญาตให้ใครก็ตามเข้าใกล้เรือนเนี่ยสือเอ๋อร์ แถวนั้นจึงปลอดคน ซีเหมินถิงลากเนี่ยสือเอ๋อร์เข้าห้องส้วม ก่อนจะแทรกตัวตามเข้าไป