ห้องส้วมเล็กเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เมื่อเข้าพร้อมกันทีเดียวสองคน จึงแทบไม่เหลือพื้นที่ให้ขยับตัว
เนี่ยสือเอ๋อร์พิงร่างมาที่ไหล่ซีเหมินถิงอย่างไร้เรี่ยวแรง จนเขาต้องผลักศีรษะโงนเงนของอีกฝ่ายออกห่าง
“พี่เนี่ย ท่านกะจะหนีออกไปอย่างไร เราคงแอบอยู่ในนี้ไปตลอดชีวิตไม่ได้หรอกนะ”
“ข้ากำลังนึกอยู่…โชคดีที่มีเจ้าคอยอยู่เคียงข้าง ถิ่งจือ เห็นแก่มิตรภาพของเรา เจ้าคงไม่คิดทอดทิ้งข้าอย่างไร้เยื่อใยหรอกใช่หรือไม่” เนี่ยสือเอ๋อร์ออกปากปิดทางหนีอีกฝ่ายทันที
ซีเหมินถิงตอบอย่างนึกขัน
“ขอเพียงท่านไม่สับเปลี่ยนให้ข้าเป็นเจ้าบ่าวแทน ข้าก็จะไม่ทอดทิ้งท่าน”
เนี่ยสือเอ๋อร์ดีใจจนแทบสะอื้น อยากจะคว้าตัวอีกฝ่ายมากอดเสียตรงนั้น
“ถิ่งจือ เจ้าช่างเป็นเพื่อนตายของข้าเสียจริง! นับแต่เราเริ่มเขียนจดหมายหากัน ข้าก็รู้ว่าเพื่อนอย่างเจ้านั้นช่างล้ำค่า แม้แต่พี่ชายข้ายังไม่ดีต่อข้าถึงเพียงนี้ เอาล่ะ ข้านึกวิธีออกแล้ว ถอดเสื้อเลยๆ”
“…ถอดเสื้อ?” ซีเหมินถิงเลิกคิ้ว
“เจ้าไม่รู้สึกหรือว่าเสื้อผ้าที่เราสวมใส่คล้ายกันมาก เรื่องย้อมแมวนี่ข้าถนัดนัก เดี๋ยวข้าจะปลอมตัวเป็นเจ้าหลบออกไป จากนั้นเจ้าก็ค่อยเดินออกประตูไปอย่างเปิดเผย รับรองปลอดภัยหายห่วง” เนี่ยสือเอ๋อร์ให้สัญญา
“ท่านหมายถึง…แปลงโฉมอย่างนั้นหรือ” ซีเหมินถิงถามอย่างสนใจ เนี่ยสือเอ๋อร์เคยเอ่ยถึง ‘ศาสตร์แปลงโฉม’ ในจดหมาย เขารู้เพียงว่าศาสตร์นี้น่าอัศจรรย์นัก แต่ก็ไม่เคยพิสูจน์ด้วยตาตนเองมาก่อน เนี่ยสือเอ๋อร์มีแค่สองมือเปล่าๆ จะทำกระไรได้
เนี่ยสือเอ๋อร์หัวเราะแหะๆ
“ศาสตร์แห่งการแปลงโฉมลึกล้ำมาก แต่กล่องสารพัดนึกของข้าถูกแม่อสรพิษนั่นยึดไปแล้ว แต่ก็ไม่เป็นไรหรอก เจ้ามาคฤหาสน์สกุลกงเป็นครั้งแรก คนที่เคยพบเห็นเจ้า ก็คงมีแต่…”
“สาวใช้นางหนึ่ง”
เนี่ยสือเอ๋อร์ทำตาวาว “เยี่ยม! เช่นนั้นข้าก็ไม่จำเป็นต้องแปลงตัวให้เหมือนเจ้าอย่างแนบเนียนก็ได้ ขอแค่ละม้ายสักห้าส่วนก็คงจะพอ…”