“จำไว้ว่าหากมีคนถาม ให้ตอบว่าไม่เห็นข้า อย่ามีพิรุธเชียวนะ”
“ข้าทราบแล้ว ว่าแต่…นี่คือศาสตร์แห่งการแปลงโฉมหรือ…” ช่างแนบเนียนเหลือเกินนะ
“นี่เหตุใดน้ำเสียงถึงฟังดูผิดหวังเล่า” เนี่ยสือเอ๋อร์แสยะยิ้มพลางกล่าวอย่างมั่นใจ “ถิ่งจือ เจ้ารู้หรือไม่ว่าสิ่งสำคัญที่สุดในการแปลงโฉมคืออะไร”
“ไม่รู้”
“การเลียนแบบให้เหมือนอย่างกับแกะนั้นสำคัญ แต่การที่ข้าปลอมตัวเป็นเจ้า ข้าไม่ได้อาศัยฝีมือมากเท่าลวงใจคน ประเดี๋ยวถ้าเจ้ารอข้าอยู่ที่จุดนัดพบแล้วไม่เจอ นั่นก็หมายความว่าการแปลงโฉมของข้าล้มเหลว เอ่อ…เอาอย่างนี้ เปลี่ยนจากไม่พบไม่เลิกราเป็น ‘หากไม่เจอ ก็กลับมาช่วยข้าด้วยนะ’ จะดีกว่า”
ซีเหมินถิงผงกศีรษะ มุมปากประดับยิ้ม นึกในใจว่าชายคนนี้ช่างถอดออกมาจากจดหมายไม่มีผิดเพี้ยน เขามองท้องฟ้าพลางนับในใจ เมื่อครบแล้วก็ผลักประตูเปิดออก แต่กว่าจะเดินไปถึงประตูใหญ่ก็มีคนตะโกนขึ้น
“ท่านเขย!”
ซีเหมินถิงหันกลับมายิ้มให้
“พี่สาว ข้าคือคนส่งสารที่มาแทนพี่เกาต่างหาก”
สาวใช้ทำหน้าอึ้งงัน “แต่เสื้อผ้าของเจ้า…”
“มีอะไรผิดปกติหรือ วันนี้ข้าสวมชุดนี้ตลอดนะ”
สาวใช้งุนงง เมื่อย้อนนึกก็คลับคล้ายคลับคลาว่าเมื่อตอนบ่าย เด็กส่งจดหมายสวมเสื้อผ้าสีสดใสชุดนี้จริงๆ กระมัง แต่ก็นะ เหตุใดเหมือนชุดท่านเขยเลย…ทันใดนั้นนางก็เบิกตาโพลง “หรือว่าคนที่เดินอาดๆ ออกไปเมื่อครู่ คือท่านเขย?”
“อะไรนะ มีคนปลอมตัวเป็นข้าเหรอ”
“ตายแล้วๆ ท่านเขยหนีไปแล้ว ท่านเขยหนีไปแล้ว!” สาวใช้เลิกใส่ใจซีเหมินถิงทันที นางวิ่งแจ้นเข้าไปในคฤหาสน์ เพื่อตามตัวคนสวนที่ยังค้นหาเนี่ยสือเอ๋อร์อยู่ทางอื่น
ซีเหมินถิงยิ้มอ่อนพลางก้าวออกจากประตูคฤหาสน์สกุลกงด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“เหตุใดถึงทักผิดได้นะ” นิ้วมือเล็กๆ ทั้งห้าเลื่อนมาจับหน้าตนเอง “ข้ากับเขาหน้าตาต่างกันจะตายไป ตลกดีจริง”
ชายหนุ่มเดินมุ่งหน้าออกนอกตำบล จนถึงจุดนัดพบห้าลี้
แต่ก็ต้องพบเพียงความว่างเปล่า…