“นั่นคือนายใหญ่แห่งสกุลซีเหมิน นามว่าซีเหมินเซี่ยว คุณชายท่านนี้เป็นคนต่างถิ่นสินะ ถึงไม่รู้จักซีเหมินเซี่ยวผู้โด่งดัง”
กงวั่นชิวหรี่ตาพิจารณาอยู่เป็นครู่ใหญ่ ก่อนจะพบว่าซีเหมินเซี่ยวกับเนี่ยซื่อยืนไม่ไกลกันมากนัก แต่กลับต่างคนต่างสาละวนเรื่องของตนเอง ซ้ำยังหันหลังให้กัน ไม่พูดไม่จา ไม่แม้แต่จะปรายตามองอีกฝ่าย
“สองคนนี้เป็นอริกันรึ” เขาถามเสียงเบา
“อริหรือ…ใช่เลย ข้าว่าคงเป็นความแค้นใหญ่หลวงจนไม่อาจอยู่ร่วมโลก ชาวหนานจิงรู้กันทั่วว่าสองตระกูลนี้ไม่เดินถนนสายเดียวกัน ไม่นั่งโต๊ะเดียวกัน ไม่อยู่ร่วมห้องกัน มีสิ่งเดียวที่เหมือนกัน ก็คือแย่งกันทำการค้าประเภทเดียวกัน! พอสกุลเนี่ยทำการค้าอันใด สกุลซีเหมินจะไม่ยอมน้อยหน้า เมื่อเดือนที่แล้วหอสุราของสกุลเนี่ยเกิดเหตุไฟไหม้ ได้ยินว่าเป็นฝีมือของสกุลซีเหมินด้วยนะ ท่านว่าแค้นนี้ใหญ่หลวงหรือไม่เล่า” ชาวบ้านหนุ่มยืนยันคำพูดของตนด้วยข่าวลือ
ในเมื่อเป็นคู่แค้น หากเนี่ยซื่อประสบเหตุร้าย ซีเหมินเซี่ยวก็คงวางเฉย ไม่ยื่นมือเข้าช่วยกระมัง
กงวั่นชิวหรี่ตา สาวเท้าไปข้างหน้า เมื่อเดินผ่านซีเหมินเซี่ยว เขาก็ได้ยินใครบางคนถามขึ้น
“ท่านเซี่ยวขอรับ ในฐานะเถ้าแก่สำนักส่งสารตงซี ท่านควรส่งจดหมายฉบับแรกเป็นปฐมฤกษ์นะขอรับ ท่านเซี่ยวจะส่งจดหมายหาผู้ใดดีขอรับ”
“เช่นนั้น…ส่งหาน้องหกก็แล้วกัน…”
“อ้อ คุณชายซีเหมินลิ่ว น่ะหรือขอรับ…” ในความทรงจำของเขา คุณชายซีเหมินลำดับที่หกเป็นหนุ่มน้อยผู้สุภาพเรียบร้อยและร่าเริง แต่อาจไม่ดึงดูดความสนใจเท่าคุณชายสามหรือคุณชายรอง
กงวั่นชิวเดินเข้าไปข้างหลังเนี่ยซื่อ ไม่สนใจฟังต่อ
จากนั้น เนี่ยซื่อก็ถูกถามด้วยคำถามแบบเดียวกับซีเหมินเซี่ยวมิมีผิดเพี้ยน เขาตอบว่า “ของชิ้นแรกที่ข้าจะส่งคือผักดองสี่ถุง ส่งให้อาจารย์แปดแห่งเคหาสน์อักษรและน้องสิบของข้า”
“อาจารย์แปดรึ ข้านึกขึ้นมาได้แล้ว เมื่อครึ่งปีก่อนตอนที่คุณชายสิบสองมากินอาหารที่ร้านของข้า เคยพูดว่าศรีภรรยาของเนี่ยชี* คุณชายเจ็ดที่พำนักในคฤหาสน์ เชี่ยวชาญการดองผักเป็นอันมาก คุณชายสิบสองเองก็ชอบกิน หนำซ้ำยังตำหนิว่าผักดองร้านข้าปรุงไม่ถูกตำรับเสียอีกนะ…อ้อ เวลานี้คุณชายสิบสองคงกำลังเรียนหนังสืออยู่ที่เคหาสน์อักษรสินะขอรับ ท่านสี่ขอรับ ท่านคงไม่ได้คิดจะส่งผักดองให้คุณชายสิบสอง…”
“ท่านสี่” กงวั่นชิวกระซิบเบาๆ อยู่ข้างหลัง
เนี่ยซื่อหันหลังตามเสียง เมื่อเห็นเขาก็ถอยหลังหนึ่งก้าวอย่างแนบเนียน ยิ้มน้อยๆ พลางว่า “พี่ชายท่านนี้ มีธุระอันใดหรือ”
“ข้ารับคำสั่งจากคุณหนู ให้มาทาบทามสู่ขอ…” ยังพูดไม่ทันจบ ชาวบ้านที่หูไวก็เริ่มพูดคุยกันเกรียวกราว ทำเอาซีเหมินเซี่ยวซึ่งยืนอยู่หน้าสำนักส่งสารตงซีตกอกตกใจ
ซีเหมินเซี่ยวหันหลังมองไปทางเนี่ยซื่อ ก่อนจะหันมาพิจารณากงวั่นชิว
“สู่ขอ?” เนี่ยซื่อยิ้มอย่างนึกขัน “ท่านคงมาพบผิดคนแล้วกระมัง สกุลเนี่ยไม่มีคุณหนู แต่ถ้าเป็นคุณชายล่ะก็ มีเป็นโขยงเชียวล่ะ”
“คุณหนูของข้าเป็นสตรี คนที่นางต้องการสู่ขอ ย่อมเป็นคุณชายสกุลเนี่ย”
เนี่ยซื่อแปลกใจนิดๆ นึกในใจว่าไม่เคยพบบุรุษผู้นี้ หนำซ้ำพี่น้องในบ้านที่เคยเอ่ยปากว่า ‘อยากมีภรรยา’ ก็แต่งงานกันไปเกือบครบแล้ว ที่ยังไร้คู่อยู่ก็หนีหายกันไปหมด คฤหาสน์สกุลเนี่ยจึงเหลือตนเพียงคนเดียวที่ยังมิได้สมรส…