เมื่อฟ้าเริ่มมืด ซีเหมินถิงย้อนกลับไปที่คฤหาสน์สกุลสกุลกง ก็พบว่าประตูใหญ่เปิดกว้าง เหล่าบริวารในเรือนวิ่งวุ่นไปมาเพื่อตามหาคน
หรือว่า เนี่ยสือเอ๋อร์จะเผ่นหนี ทิ้งสัญญาที่ให้ไว้เสียแล้ว
“ชั่วดีอย่างไรก็ควรทิ้งม้าไว้ให้ข้า”
ม้าตัวนั้นเป็นสมบัติของเหล่าซุ่นฟา คนอยู่แต่ม้าหาย มีหวังต้องจ่ายเงินชดเชยแน่ ขืนต้องจ่ายเงินค่าม้าคืนสำนักส่งสาร เงินเดือนครึ่งปีคงอันตรธานไปในพริบตา
ซีเหมินถิงยิ้มขื่น เดินกลับเข้าตัวตำบลก่อนเวลาปิดประตูเมือง ขณะที่เดินไปตามตรอกแคบในตัวเมืองนั้น…
“กว่าจะมาได้” น้ำเสียงคุ้นหูดังแว่วมาจากปากตรอก ก่อนที่ซีเหมินถิงจะถูกกระชากเข้าไปข้างใน
เขามองเห็นชายหนุ่มรูปร่างใกล้เคียงกับตนมองมาด้วยสายตารื่นเริง ชายหนุ่มคนนี้มีผิวสีน้ำผึ้ง มุมปากหยักเป็นรอยยิ้มน้อยๆ แลคุ้นตา เวลานี้แสงโคมเริ่มสว่าง เงาดำทาบลงบนใบหน้าอ่อนเยาว์จนดูเลือนราง…
“หากไม่รู้ล่วงหน้ามาก่อน คงไม่มีใครสงสัยว่าข้าจะปลอมตัวเป็นเจ้า ข้าก็เลยหลบออกมาได้สำเร็จ” เสียงนั้นหวนกลับเป็นปกติ เนี่ยสือเอ๋อร์หัวเราะ เอามือตบบ่าสหายผู้น้อง “เป็นอย่างไรเล่า หากไม่เคยพบเห็นศาสตร์แปลงโฉมมาก่อน ก็มักจะถูกหลอกได้ง่ายดายเช่นนี้ล่ะ”
“เป็นท่านเองหรอกรึ” ซีเหมินถิงประหลาดใจ เผลอยื่นมือไปคลำหน้าเนี่ยสือเอ๋อร์ “เหตุใดหน้าท่านถึงกลายเป็นเช่นนี้…” ช่าง…น่าสนุกจริงๆ
สัมผัสจากนิ้วมือนุ่มนิ่มทั้งสิบทำให้เนี่ยสือเอ๋อร์หัวใจกระตุก รู้สึกตกใจที่เผลอหวั่นไหว ก่อนจะลอบดึงมือออกอย่างเงียบเชียบ “ความลับส่วนตัวน่ะ นอกจากภรรยาแล้ว ข้าคงไม่สามารถสอนใครได้”
“น่าเสียดายยิ่งนัก” ซีเหมินถิงเองก็ไม่เซ้าซี้ต่อ “เรานัดกันนอกตำบลออกไปห้าลี้มิใช่หรือ”
“ใช่ แต่พอข้าออกนอกตำบล ก็บังเอิญเจอกงวั่นชิวเข้า ทีแรกนึกว่าจะไปหลบในเมือง แต่เจ้าคนผู้นั้นมันร้ายกาจ เพียงพริบตาเดียวก็ตั้งด่านดักหน้าประตูเมืองแล้ว กงวั่นชิวเป็นยอดฝีมืออันดับต้นๆ ของสกุลกง ถึงข้าจะมั่นใจว่าตบตาบ่าวไพร่ที่ไม่ประสีประสาพวกนั้นได้ แต่ก็ไม่มั่นใจว่าการปลอมตัวครั้งนี้จะตบตากงวั่นชิวได้ เจ้านั่นมันเหลี่ยมจัด…หึๆ แต่ข้าก็ไม่เลวนะ ระหว่างที่คนสกุลกงควานหาตัวข้าอยู่นั้น ข้ายังอุตส่าห์ย้อนกลับไปเอากล่องสารพัดนึกคืนมาจนได้” เนี่ยสือเอ๋อร์หัวเราะสะใจ รู้สึกทึ่งในความกล้าหาญของตน
ซีเหมินถิงพินิจมองกล่องแบนๆ ที่เขาถือไว้กับตัว นิ่งเงียบไปครู่หนึ่งก็เตือนขึ้นว่า “กล่องใบนี้มีเอกลักษณ์มากนะ เห็นทันทีที่ก็คงจำได้”
“ถูกต้อง ดังนั้นนับตั้งแต่วันพรุ่งนี้ เจ้าจะต้องเป็นคนถือมัน เมื่อทุกคนเห็นว่าเจ้าเป็นคนถือกล่อง ก็คงไม่สามารถโยงเรื่องมาถึงข้าได้”
“นี่คือการลวงใจคนอีกใช่หรือไม่”
“ถิ่งจือเจ้านี่ฉลาดดีนะ”
“แล้วคืนนี้ล่ะ เราจะพักโรงเตี๊ยมกันหรือ”
“ไม่ๆๆๆ” เนี่ยสือเอ๋อร์เอามือตบอก หัวเราะแหะๆ พลางว่า “ข้าเคยเขียนจดหมายบอกเจ้าแล้วนี่ ว่าข้าเนี่ยสือเอ๋อร์มีสหายร่วมเป็นร่วมตายอยู่ทั่วทั้งแผ่นดิน สหายแต่ละคนของข้าล้วนเปี่ยมไปด้วยคุณธรรม เมื่อครู่ข้าเจอสหายคนหนึ่งเข้าโดยบังเอิญ คืนนี้เลยตั้งใจว่าจะไปพักบ้านเขา พรุ่งนี้ค่อยหลบออกจากเมืองตั้งแต่เช้า ต่อจากนี้ไป ดวงชะตาข้าคงจะดีขึ้น ถิ่งจือ ข้าจะไม่มีวันลืมบุญคุณคราวนี้แน่นอน”
ซีเหมินถิงยิ้มน้อยๆ แต่ไม่ตอบคำ
(ติดตามต่อในเล่ม)