“เจ้า!” กงลี่ชิงกัดฟันข่มโทสะ ท้ายสุดจึงกล้ำกลืนก้อนโมโหที่เอ่อท้นขึ้นมาถึงหัวใจกลับลงไปในท้อง “จะช้าหรือเร็ว เจ้าก็ต้องเป็นสามีข้าอยู่ดี จะเรียกข้าว่าลี่ชิงสักคำไม่ได้เชียวหรือ เหตุใดต้องเรียกข้าว่าคุณหนูกงด้วย ฟังดูห่างเหินเหลือเกิน”
เนี่ยสือเอ๋อร์กล่าวช้าๆ พร้อมรอยยิ้ม “ข้าไม่เคยบอกเลยว่าจะเป็นสามีผู้ใด คุณหนูเองต่างหากที่รังแกบุรุษอ่อนปวกเปียกอย่างข้า สั่งลูกน้องไปลักพาตัวข้า จับข้ามาขังไว้ในบ้านสกุลกง ข้าไม่เรียกคุณหนูว่านางคนร้ายกาจ ก็นับว่าให้เกียรติมากแล้ว”
ได้ฟังดังนั้น ดวงหน้างดงามก็ฉุนเฉียว ออกปากด่าทันที
“อย่าคิดว่าข้าจะไม่กล้าทำร้ายเจ้านะ”
“เอาเลย ตีข้าเลย อย่างไรเสียร่างกายของข้าก็ถูกทรมานมาเกินพอแล้ว จิตใจของข้านั้นเหือดแห้งไม่ต่างอันใดกับตะเกียงไร้น้ำมัน ข้าไม่ถือสาหรอก แล้วแต่คุณหนูเลยว่าจะใช้แส้เฆี่ยนข้าให้ตาย หรือจะกระทืบข้าจนตายดี เชิญเลย” ขออย่างเดียวโปรดอย่าใช้ยาปลุกกำหนัด การทรมานอื่นใด เขาล้วนรับได้ทั้งนั้น
หากถูกเตะต่อยหรือด่าทอ เขายังร้องครวญครางได้ ไม่จำเป็นต้องอดทน แต่ถ้านางไร้ยางอายถึงขนาดใช้ยาปลุกกำหนัดล่ะก็ เขาก็อาจอดกลั้นไม่ไหว จำต้องรับคนอย่างนางเป็นภรรยา หัวเด็ดตีนขาดเขาก็ไม่ยอม! ถ้าจะให้ร่วมหอลงโรงกับสตรีร้ายกาจเช่นนี้ เขาขอบวชไม่สึกตลอดชาติยังจะดีกว่า
“ถ้าเจ้าอยากให้ข้าทุบตี ข้าก็จะยิ่งไม่ทำ! หึ ข้าส่งคนไปคฤหาสน์สกุลเนี่ยที่เมืองหนานจิงแล้ว จะเชิญพี่ชายสองคนของเจ้ามา ถึงเวลานั้น เจ้าจะบ่ายเบี่ยงไม่แต่งงานกับข้าก็ไม่ได้แล้วนะ”
“ก็ต้องดูว่าเขาจะยอมมากันหรือไม่ คุณหนูอย่าฝันหวานไปหน่อยเลย ข้าเกรงว่าหากฝันสลาย เจ้าจะมาบันดาลโทสะเอากับข้า”
“ถ้าไม่ยอมมา คนของข้าก็คงจับมัดมาจนได้ล่ะ” กงลี่ชิงเอ่ยอย่างมั่นอกมั่นใจ “พี่สามของเจ้าพิการเดินไม่ได้ พี่สี่ก็ไม่เอาไหน ข้าส่งวั่นชิวไป ต่อให้ต้องซัดจนหมอบแล้วหามมา สองคนนั้นก็ต้องมาที่นี่จนได้”
กงวั่นชิวอย่างนั้นหรือ คนผู้นั้นมิใช่หรือที่ลักพาตัวข้ามา อีกทั้งยังฉวยโอกาสต่อยข้าเสียจนหน้าปูดจมูกเขียว กว่าจะฟื้นฟูกลับมาหล่อเหลาหน้านวลดั่งดวงจันทร์ได้ก็หนึ่งเดือนเต็ม เฮ้อ…พี่สามกับพี่สี่ดูท่าจะไม่รอดเสียแล้ว เนี่ยสือเอ๋อร์คิดเศร้าๆ
“เนี่ยสือเอ๋อร์ ข้าไม่ดีตรงไหน เหตุใดเจ้าจึงปฏิเสธความรักของข้าวันละสองสามเวลาเช่นนี้” หญิงสาวถามเสียงเบา
ชายหนุ่มหลุดจากภวังค์ เม้มปากครุ่นคิดก่อนจะพึมพำตอบไปว่า “บิดาของเจ้าโด่งดังในยุทธภพ ท่านลุงหรือก็เป็นถึงเสนาบดีผู้ใหญ่ น้าชายและญาติพี่น้องก็ล้วนเป็นคนสำคัญในแวดวงวาณิช เรียกได้ว่าสูงส่งทั้งในโลกยุทธจักร ราชสำนักและการค้า หากแม้นวันใดคุณหนูกงคิดจะจัดประลองเลือกคู่ คงมีแต่คนแห่แหนมาแย่งชิงตัวเจ้า คุณหนูกงไม่น่าจะอัตคัดเรื่องคู่นี่นะ” พูดไปพูดมาก็คือสตรีผู้นี้เป็นคนมีดีเฉพาะชาติกำเนิดนั่นเอง
เสียงเพียะดังขึ้น รอยนิ้วมือแดงครบห้านิ้วปรากฏขึ้นบนใบหน้าขาวนวลของเขา
“เนี่ยสือเอ๋อร์ เจ้าจงใจยั่วโทสะข้า!” กงลี่ชิงโกรธจนหน้าแดง คว้าคอเสื้ออีกฝ่ายเอาไว้หมับ เมื่อเห็นว่าเขาเบือนหน้าหนี นางก็ยิ่งเจ็บแค้น จัดการสกัดจุดให้ขยับไม่ได้ “ข้ามันแขนด้วนขาขาดหรืออย่างไร การที่ข้าชอบเจ้า ถือเป็นวาสนาของเจ้าแล้วนะ เนี่ยสือเอ๋อร์ วิทยายุทธ์เจ้ามันก็แค่แมวสามขา ชื่อเสียงในยุทธภพหรือก็ไม่มี อายุก็ปาเข้าไปยี่สิบสามแล้ว ยังไม่เคยทำการใหญ่ใดๆ วันๆ เอาแต่เร่ร่อนเรื่อยเปื่อย เจ้ากล้าดีอย่างไรถึงปฏิเสธสตรีอย่างข้า”