X
    Categories: LOVEจิรพัชรทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน จิรพัชร บทที่ 5

หน้าที่แล้ว1 of 5

บทที่ 5 น้าชายกับหลานสาว

จิระประไพชะงักไปนิดหนึ่งเมื่อเดินเข้าไปในบ้านหลังงามแล้วพบกับความว่างเปล่า เฟอร์นิเจอร์ถูกขนย้ายออกไปเกือบทั้งหมดแล้ว แม้อันที่จริงเธอจะทราบตั้งแต่แรกว่าตอนนี้เฟอร์นิเจอร์ส่วนใหญ่ถูกขนไปเก็บในโกดังระหว่างอยู่ในขั้นตอนตามหาเจ้าของใหม่ ส่วนที่เหลืออยู่ในบ้านไม่กี่ชิ้นคือพวกที่มีเจ้าของใหม่แล้วแต่ยังไม่ถูกขนไป เมื่อครู่ตอนเจอลุงทอมกับป้าตุ๊ก ทั้งสองก็บ่นให้ฟังว่าบริษัทขนย้ายนัดว่าจะมาเมื่อเที่ยง ทว่าจนบ่ายแก่ก็ยังไม่โผล่มา ไม่รู้สุดท้ายวันนี้จะมาไหม

หญิงสาวกวาดตามองไปรอบห้องรับแขกกว้าง จากนั้นก็เลือกนั่งลงบนพื้นตรงกลางห้อง การทำงานเป็นมัณฑนากรทำให้เธอได้พบเจอคนหลากหลาย บางคนในจำนวนนั้นพยายามทุกทางที่จะเก็บภาพอันงดงามในใจตนเอาไว้ ขณะที่บางคนอย่างเช่นพัชรก็ทำทุกอย่างเพื่อลบภาพเก่าทิ้งให้ราบคาบ

มันก็น่าแปลกดี…

จิระประไพปล่อยทั้งอารมณ์และความคิดให้ล่องลอย วันนี้เธอเหนื่อยมาก เมื่อเช้าเธอไม่ได้เข้าออฟฟิศแต่ตรงดิ่งจากบ้านไปประชุมเลย มันเป็นการประชุมที่หนักหนาหนักหน่วงเอาเรื่อง เพราะเป็นโปรเจ็กต์ห้างสรรพสินค้าระดับนานาชาติ ตัวแทนผู้บริหารจากบางบริษัทถึงขั้นบินตรงมาจากสิงคโปร์แบบเช้าเย็นกลับเพื่อร่วมประชุมนัดนี้โดยเฉพาะด้วยซ้ำ งานนี้เป็นงานใหญ่ อาชวินกับวีรากรถึงกับเข้าร่วมการประชุมนี้ด้วยกันทั้งที่ปกติจะแยกกันทำงาน ตัวเธอนั้นถูกเลือกมาร่วมโปรเจ็กต์นี้ส่วนหนึ่งเพราะความสามารถทางภาษาจากการที่เธอเรียนโรงเรียนอินเตอร์มาตั้งแต่เด็ก

เนื่องจากมีผู้เกี่ยวข้องจำนวนไม่น้อย การตกลงรายละเอียดในเรื่องต่างๆ จึงค่อนข้างยุ่งยากซับซ้อน ถึงจะเริ่มประชุมตั้งแต่เช้า ทว่ามันก็ลากยาวมาจนบ่ายแก่ พอออกจากห้องประชุมแล้วเธอก็แยกตัวจากเจ้านายมายังบ้านของพัชร แม้เมื่อครั้งก่อนที่มาบ้านนี้จิระประไพจะสำรวจบ้านค่อนข้างละเอียดแล้วแต่ก็ยังมีรายละเอียดบางอย่างที่เธอต้องมาตรวจสอบซ้ำ เช่นวัสดุปูพื้นที่ซ่อนอยู่ใต้พรม เธอไม่ได้อยากรื้อทำลายทุกสิ่ง อะไรที่ใช้ได้ถ้าเก็บไว้ก็สามารถประหยัดทั้งงบประมาณและเวลา ต่อให้เจ้าของบ้านจะไม่ค่อยสนใจอย่างแรกเท่าไหร่ก็ตาม

งานบ้านพัชรไม่คืบหน้าเท่าไหร่ หลักๆ เพราะเธอติดงานอื่นที่เร่งมากกว่า อย่างไรเสียงานนี้ก็เป็นงานแทรก ที่สำคัญยังไม่มีการกำหนดเวลา เท่าที่รู้มีการเซ็นสัญญาเกี่ยวกับการจัดการเฟอร์นิเจอร์แล้ว ทว่าสัญญาเกี่ยวกับงานออกแบบน่าจะมีการแก้ไขบางอย่าง แต่เรื่องนั้นเป็นภาระของอาชวิน ส่วนที่เธอต้องสนใจคืองานออกแบบ ซึ่งพัชรก็ดูไม่ได้รีบมาก แค่ขนเฟอร์นิเจอร์เก่าออกไปเขาก็ดูพอใจแล้ว เพียงแต่เป็นตัวเธอเองที่อยากเร่งให้งานนี้จบ เพื่อที่เธอจะได้ไม่ต้องพัวพันกับพวกภักดิ์โภคินนานนัก…ถึงพัชรจะดูเป็นคนดีใช้ได้ก็เถอะ

สุดท้ายจิระประไพก็ไม่ค่อยได้อะไรจากการนั่งคุยงานควบกินข้าวกับชายหนุ่มเท่าไหร่ มีแค่รายละเอียดเพิ่มเติมนิดหน่อยเกี่ยวกับการที่เขาตั้งใจจะทำห้องให้หลานสาววัยรุ่น เมื่อพิจารณาจากการที่เขาบังเอิญชอบงานออกแบบสไตล์ที่เธอถนัดและชื่นชอบเป็นการส่วนตัว หญิงสาวเลยตัดสินใจว่าจะตกแต่งที่นี่เหมือนเป็นบ้านของตัวเองเสียเลยเพื่อให้ง่ายเข้า

ว่าแต่…เธอคงจะต้องขอคุยกับหลานสาวเขาสักหน่อยล่ะมั้งว่าอยากได้ห้องแบบไหน

ขณะที่กำลังครุ่นคิดอยู่นั้นโทรศัพท์ของเธอก็ส่งเสียงร้องบอกว่ามีข้อความถูกส่งเข้ามาเป็นชุด เธอเลยเปิดกระเป๋าสะพายที่วางอยู่ข้างตัวเพื่อหยิบมันขึ้นมาดู ครั้นเห็นชื่อว่าศิวนาถเป็นผู้ส่งข้อความเธอก็นิ่งไปนิดหนึ่ง

 

‘เป็นไงบ้างจี…’

‘เย็นนี้ว่างไหม…’

‘เผื่อจะได้เจอ…’

ถึงจะไม่ได้เปิดอ่านข้อความทั้งหมด ทว่าแค่ส่วนต้นของข้อความแต่ละท่อนก็เพียงพอให้หญิงสาวเดาได้ว่าอีกฝ่ายน่าจะชวนเธอไปไหนสักที่ อาจเป็นการกินมื้อเย็นก็ได้

จิระประไพหย่อนโทรศัพท์มือถือกลับเข้ากระเป๋า จากนั้นก็ยันตัวลุกขึ้นพร้อมคว้ากระเป๋าสะพายไหล่ เดินลึกเข้าไปในบ้านเพื่อไปดูห้องอื่นๆ ตามความตั้งใจที่เดินทางมาในวันนี้ ไม่ใส่ใจจะตอบข้อความของเพื่อนเก่า เธอตั้งใจว่าเดี๋ยวกลับถึงบ้านแล้วค่อยตอบ

ถึงตอนนี้มัณฑนากรสาวก็ยังแปลกใจที่ศิวนาถทำท่าว่าอยากเดินกลับเข้ามาในชีวิตเธอ ถึงแม้จะไม่ได้โกรธเรื่องเมื่อหลายปีก่อน ทว่าเรื่องมันก็ผ่านมานานขนาดนั้นแล้ว หลังเลิกกับนีรัมพรเขาน่าจะได้เจอผู้หญิงดีๆ อีกหลายคนแล้วด้วยซ้ำ ไม่รู้นึกยังไงถึงกลับมาแสดงท่าทีแบบนี้กับเธออีก

หรือเราจะดูสิ้นไร้ไม้ตอก น่าจะจีบง่ายก็ไม่รู้ จิระประไพยิ้มขำกับตัวเองลำพัง

 

ขณะเดียวกันที่อีกฟากของเมือง ปรีชยาก็เพิ่งเดินเข้าสู่ห้องทำงานของพัชร หลังจากที่ก่อนหน้านี้แวะไปทักทายญาติคนอื่นๆ เพราะตอนเธอมาถึงพัชรอยู่ในห้องประชุม จนได้ยินว่าคุณน้ารูปหล่อที่สนิทสนมและดูแลเธอใกล้ชิดที่สุดกลับมาที่ห้องทำงานแล้ว เธอจึงย้อนกลับมาหาเขา

“สรุปว่าปิดเทอมนี้อยากลองเรียนดรอว์อิ้งเหรอ ที่ใช้สอบเข้าพวกคณะสถาปัตยฯ ออกแบบอะไรพวกนั้นใช่ไหม…เอาสิ แล้วมันมีโรงเรียนสอนหรือยังไง” พัชรไม่ค่อยแปลกใจเท่าไหร่เมื่อรู้แผนการของหลานสาว เพราะเธอก็แสดงออกให้เห็นว่าชอบทางนี้มาพักหนึ่งแล้ว ยิ่งหลังกลับจากวันที่ไปงานโอเพนเฮ้าส์ที่มหาวิทยาลัยยิ่งชัดเจน

“ปุ้มว่าจะลองถามพี่คนนั้นดูว่าเขารับสอนหรือเปล่า” ปรีชยาหยุดนิดหนึ่ง บนใบหน้าปรากฏแววลังเลวูบหนึ่ง “แต่เท่าที่คุยกันเหมือนพี่เขาน่าจะยุ่งมาก ปุ้มเลยไม่กล้าถาม เกรงใจพี่เขา”

“หมายถึงคนที่วาดการ์ตูนให้ปุ้มวันนั้นใช่ไหม” ชายหนุ่มเลิกคิ้ว ก่อนจะออกปากกระตุ้นเนื่องจากเขารู้นิสัยของหลานสาวดี “ลองถามดูไม่เห็นเป็นไร ถ้าเขาไม่ว่างก็บอกปุ้มเองนั่นแหละ แล้วเขาก็อาจจะแนะนำเพื่อนที่เก่งๆ ให้มาช่วยสอนปุ้มก็ได้”

“พี่เขาใจดี…เหมือนจะรู้ว่าปุ้มไม่ค่อยกล้ายุ่งกับใครด้วย ปุ้มเลยกลัวเขาจะรับปากสอนปุ้มทั้งที่ไม่ว่าง” สาวน้อยพึมพำ

หลังจากแอดจิระประไพทางแอพพลิเคชั่นแชตแล้วปรีชยาก็คุยกับอีกฝ่ายเนืองๆ หลายครั้งที่สาวรุ่นพี่เป็นคนทักมาคุยกับเธอก่อนด้วยซ้ำ ส่วนใหญ่เป็นการคุยกันเรื่องสัพเพเหระ บางครั้งมัณฑนากรสาวก็ให้คำปรึกษาเรื่องการเรียน หรือกระทั่งเรื่องแบบผู้หญิงๆ ที่บางทีเธอก็ไม่รู้จะไปคุยกับใคร ดังนั้นถึงหลังจากวันงานโอเพนเฮ้าส์จะไม่ได้เจอหน้ากันอีก แต่เธอก็รู้สึกสนิทสนมกับอีกฝ่ายมากขึ้นเรื่อยๆ และปรีชยาก็ตระหนักว่ารุ่นพี่ที่บังเอิญพบนั้นใจดีมากขนาดไหน

พัชรเหลือบมองอีกฝ่าย ไม่ค่อยเข้าใจนักว่าทำไมเธอถึงคิดอะไรไปไกลถึงขั้นนั้นได้

“ยังไงพี่คนนั้นของปุ้มเขาก็โตเป็นผู้ใหญ่แล้ว ถึงเขาจะชอบปุ้มจนยอมรับปากสอนทั้งที่ตัวเองยุ่งก็ต้องถือว่าเป็นความรับผิดชอบของเขาเองอยู่ดี”

ปรีชยาพยักหน้ารับ “เดี๋ยวปุ้มจะลองถามพี่เขาดู”

“แล้วนี่คุณย่าปุ้มจะไปถือศีลวันไหน”

“มะรืนค่ะ…คุณน้าจะให้ปุ้มมาหาที่นี่หรือไปที่คอนโดฯ เลยคะ”

“แล้วแต่ปุ้มสิ ถ้าคิดว่าอยู่คอนโดฯ คนเดียวเบื่อก็มาอยู่ที่นี่ แต่ถ้าคิดว่าที่นี่คนเยอะแล้วเบื่อก็ไปรอน้าที่คอนโดฯ” พัชรตอบเสียงเรียบเรื่อย

แม่ของเด็กสาวเป็นญาติของชายหนุ่ม แม้จะไม่ถึงกับเป็นญาติสายที่ห่างไกล แต่ก็ไม่ได้สนิทสนมกัน เจอกันเฉลี่ยไม่ถึงปีละหนด้วยซ้ำ ก่อนหน้านี้เขาทราบเพียงว่าอีกฝ่ายแต่งงาน มีลูกสาวหนึ่งคน และที่สำคัญสามี ‘ค่อนข้างมีปัญหา’ ทว่าเขาก็แค่ปล่อยข้อมูลนี้ผ่านหูไป จวบจนได้ยินข่าวอีกครั้งตอนที่ผู้เป็นญาติล้มป่วยเสียชีวิต มีเสียงเล่าลือว่าส่วนหนึ่งเป็นผลสืบเนื่องมาจากการโดนสามีทำร้ายร่างกายตอนเมา และเมื่อไปงานศพเขาก็ได้พบกับปรีชยาเป็นครั้งแรก

ตอนนั้นเด็กสาวยังใช้คำนำหน้าว่าเด็กหญิงอยู่เลย นอกจากความโศกเศร้าเสียใจแล้ว อีกสิ่งที่เห็นได้ชัดก็คือลักษณาการที่ผิดจากเด็กวัยรุ่นธรรมดาทั่วไปของเธอ ภาพที่เธอซุกตัวอยู่กับสายใจผู้เป็นย่า คล้ายพยายามหลบให้พ้นจากสายตาของพ่อนั้นกระทบใจของพัชร จนกระทั่งเขาต้องลงทุนลงแรงสืบเสาะเรื่องราวความเป็นมาเป็นไป และสุดท้ายในวันที่ไปร่วมงานฌาปนกิจศพของญาติ เขาก็ตัดสินใจเดินเข้าไปคุยกับปรีชยาและย่าของเธอ ออกปากว่าจะส่งเสียเลี้ยงดูหลานสาวเอง โดยมีเงื่อนไขว่าเด็กสาวจะต้องอยู่กับย่าไม่ใช่พ่อ

ทั้งสองย่าหลานดูตกใจไม่น้อยกับข้อเสนอ โดยเฉพาะปรีชยาซึ่งแม้จะถือเป็นญาติแต่ก็ไม่รู้จักชื่อของเขาด้วยซ้ำ…อย่างไรก็ตามสายใจเป็นแม่ที่ยอมรับความจริงว่าลูกชายของตนนั้นย่ำแย่ ในเวลานั้นท่านเองก็แยกไปอยู่ตามลำพังแล้ว แม้จะสงสารหลานแต่ก็จนปัญญาจะช่วยเพราะลำพังตัวเองยังเอาแทบไม่รอด ทว่าเมื่อพัชรออกปากแบบนี้ท่านก็สามารถรับเด็กสาวมาดูแลเองได้

ชายหนุ่มจัดแจงหาบ้านเช่าดีๆ ใกล้โรงเรียนของปรีชยาให้สองย่าหลานพักอาศัย ค่าใช้จ่ายทุกอย่างเขาจัดการให้ทั้งหมด กระทั่งจ้างแม่บ้านให้มาช่วยสายใจดูแลหลานสาวด้วย…ส่วนตัวพัชรเองก็อธิบายให้ปรีชยาฟังว่าเขาเห็นเธอแล้วนึกถึงตัวเอง เพราะครอบครัวเขาก็มีปัญหาหลายอย่าง ถึงขั้นที่พ่อแม่ทะเลาะกันในรถจนประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตทั้งคู่ ซึ่งก็ไม่รู้เพราะเหตุผลนี้หรือเพราะความเกี่ยวพันทางสายเลือดที่ทำให้เด็กหญิงยอมก้าวข้ามผ่านความกลัวและความไม่มั่นใจของตนเองจนสนิทกับเขามากขึ้นเรื่อยๆ

อย่างไรก็ตามปัญหาของปรีชยาไม่ใช่แค่เรื่องในครอบครัว เธอโดนเพื่อนกลั่นแกล้งทั้งทางวาจาและร่างกาย พอเธอขึ้นชั้นมัธยมปลายพัชรเลยจัดแจงหาโรงเรียนใหม่ให้ รวมถึงพาเธอไปเจอแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ กระนั้นเรื่องร้ายที่สะสมหมักหมมมาหลายปีก็หยั่งรากลึกแล้ว ทุกวันนี้เธอยังเป็นคนที่ไม่มั่นใจในตัวเองในแทบทุกเรื่อง กระทั่งการไปยืนต่อหน้าคนแปลกหน้าสักคนยังเป็นเรื่องยากเย็น แต่อย่างไรก็ต้องนับว่าเธอพัฒนาขึ้นจากวันแรกที่ได้เจอกันมากทีเดียว และอย่างน้อยตอนนี้เธอก็สนิทคุ้นเคยกับญาติภักดิ์โภคินในตึกนี้หลายคนแล้ว

“งั้นปุ้มมาอยู่ที่นี่ดีกว่า เผื่อวันไหนคุณบังอรต้องการลูกมือ” เด็กสาวพึมพำ

ชายหนุ่มเหลือบมองหลานสาวอย่างแปลกใจ ก่อนที่มุมปากจะยกเป็นรอยยิ้มนุ่มนวล…ด้วยตัวตนของปรีชยา เพียงแค่เธอคิดจะมาอยู่ในที่ที่วุ่นวายเต็มไปด้วยผู้คน นั่นก็ถือเป็นก้าวที่ยิ่งใหญ่แล้ว ต่อให้ที่นี่เป็นออฟฟิศของเขาก็เถอะ

“ใครๆ ต้องอิจฉาน้าแน่ มีเลขาฯ ตั้งสองคน”

ปรีชยามองใบหน้าหล่อเหลาของผู้เป็นน้า อดคิดไม่ได้ว่าตนเองช่างโชคดีที่ได้เจอกับเขา ไม่อย่างนั้นเวลานี้ชีวิตจะพลิกผันไปทางใดก็สุดรู้ ยิ่งไปกว่านั้นน้าชายไม่เคยแสดงทีท่าไม่ดีกับความแปลกประหลาดของเธอเลย ที่เธอดีขึ้นขนาดนี้ถือเป็นความดีของเขากว่าครึ่ง และความซาบซึ้งใจนี้ก็ผลักดันให้เธอพยายามเพราะไม่อยากให้เขาต้องผิดหวัง

อย่างไรก็ตามเมื่อไม่นานมานี้ความรักของพัชรกลับอับปาง ลำพังเป็นข่าวให้โจษจันกันไปทั้งเมืองนั้นเขาคงไม่ใส่ใจเท่าไหร่ ทว่าการที่นีรัมพรทิ้งเขาไปมีคนใหม่แบบไม่ประวิงเวลานี่สิ…ไม่ว่าเป็นใครก็ต้องเสียใจทั้งนั้น ปรีชยาเป็นห่วงน้าชาย แต่แค่จะถามไถ่เขาถึงเรื่องนี้เธอกลับไม่กล้าด้วยซ้ำ

“มีอะไร อยากพูดอะไรกับน้าก็พูดเถอะ ปุ้มก็รู้นี่ว่าพูดกับน้าได้ทุกเรื่อง” ชายหนุ่มสังเกตเห็นท่าทางคล้ายอยากพูดอะไรบางอย่างของอีกฝ่าย เมื่อนึกถึงนิสัยของเธอแล้วเขาเลยลงมือกระตุ้น

“คือเรื่อง…แฟนเก่าของคุณน้า” ตอนแรกเด็กสาวกระอึกกระอัก แต่เมื่อพูดออกไปแล้วถ้อยคำที่เหลือก็พรั่งพรูตามออกมา “ปุ้มเป็นห่วงคุณน้าพัชรแต่ก็ไม่กล้าถาม เอ้อ แต่ถ้าคุณน้าไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้ก็ไม่เป็นไรนะคะ อันที่จริงมันก็เรื่องส่วนตัวของคุณน้า”

“ปุ้มถามได้อยู่แล้ว” พัชรวางมือลงบนศีรษะของหลานสาวหลังจากเงียบไปพักหนึ่ง “ที่พูดขึ้นมาอยากถามอะไรล่ะ อยากถามว่าทำไมน้าถึงเลิกกับนีนี่หรือว่ายังไง”

“เปล่าค่ะ เอ่อ คือ…ก็ไม่เชิง” ปรีชยาอึกอักอีกรอบ ทว่ามาถึงขั้นนี้แล้วอย่างไรก็ต้องพูดออกไป “ที่คุณน้าเลิกกับแฟน…เกี่ยวกับปุ้มหรือเปล่าคะ”

“หือ? ทำไมปุ้มถึงคิดงั้น” ชายหนุ่มเลิกคิ้ว

“ก็คุณนีนี่เขาดูไม่ค่อยชอบปุ้มเท่าไหร่”

เกิดความเงียบขึ้นชั่วขณะ ร่องรอยบางอย่างพาดผ่านดวงตาคม แต่มันก็จางไปอย่างรวดเร็ว…เมื่อคบหากันถึงขั้นวางแผนแต่งงาน ย่อมแน่นอนว่าพัชรกับนีรัมพรเคยคุยกันเกี่ยวกับการสร้างครอบครัวด้วย เธอเคยบอกว่าพร้อมจะมีลูกกับเขา ทว่าก็ขอเวลาสักพักเนื่องจากหน้าที่การงาน ซึ่งเรื่องนี้เขาก็พอเข้าใจ ขณะเดียวกันก็ไม่ใช่ว่าเขาไม่สังเกตเรื่องที่ดาราสาวไม่ได้พยายามสนิทสนมกับปรีชยา ทั้งที่ฝ่ายหลังเป็นหลานสาวที่อยู่ในความดูแลของเขา

อย่างไรก็ตามหลังจากสังเกตอยู่พักหนึ่งชายหนุ่มก็เข้าใจว่าน่าจะเป็นเพราะนีรัมพรไม่ค่อยชอบเด็กมากกว่า แต่ในเมื่อเธอออกปากว่าพร้อมจะสร้างครอบครัวกับเขา และโดยทั่วไปเธอก็ปฏิบัติต่อปรีชยาดีตามสมควร เท่านั้นก็ถือว่าเพียงพอ ส่วนเรื่องความสนิทสนมนั้นเนื่องจากเขาอยู่ในตระกูลใหญ่ กับญาติร่วมสายเลือดเองยังมีทั้งที่สนิทและห่างเหิน ดังนั้นตราบที่แฟนของเขากับหลานสาวไม่มีปัญหากันก็นับว่าใช้ได้แล้ว

“น้าคิดว่านีนี่ไม่ได้ไม่ชอบปุ้มหรอก เขาแค่ไม่ชอบเด็ก”

“ไม่ชอบเด็ก?” ปรีชยาประหลาดใจ

ตั้งแต่น้าชายคบหากับนางเอกคนสวย เด็กสาวก็ได้พบฝ่ายหลังแค่ไม่กี่หนตอนไปค้างที่คอนโดฯ ของพัชร แม้อีกฝ่ายจะยิ้มแย้มพูดจาดีกับเธอ ทว่าปรีชยากลับสัมผัสได้ถึงการเว้นระยะห่าง ดังนั้นเธอเองจึงพยายามหลีกเลี่ยงอีกฝ่ายไปโดยปริยาย ขณะเดียวกันก็อดคิดไม่ได้ว่าตนอาจเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้นีรัมพรต้องเลิกรากับพัชร เพราะพักหลังมานี้มีการคุยกันว่าเธออาจจะย้ายมาอยู่กับน้าชายในช่วงเรียนมหาวิทยาลัยด้วย

“พูดไปก็เท่านั้น ยังไงน้าก็เลิกกับเขาแล้ว คิดไปคิดมาก็ดีนะที่เขาแสดงธาตุแท้ออกมาก่อนแต่งงาน ปุ้มควรดีใจไม่ใช่เหรอที่น้าพ้นจากผู้หญิงแบบนั้นมาได้”

“คุณน้าไม่เสียใจเลยเหรอคะ” เด็กสาวมองหนุ่มหล่ออย่างพิศวง

“เสียใจสิ” พัชรตอบ ทว่าในน้ำเสียงกลับเจือไว้ด้วยแววหัวเราะ “แต่นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่น้าเลิกกับแฟน แถมเลิกกันด้วยเหตุผลนี้ น้าก็ไม่รู้จะอาลัยอาวรณ์ทำไม เอาเวลาไปหาคนใหม่ที่ดีกว่าเดิมดีกว่าจริงไหม”

“คุณน้าเก่งจัง”

เสียงพึมพำของปรีชยาทำให้ชายหนุ่มหัวเราะเบาๆ ออกมา ก่อนที่เขาจะเปลี่ยนหัวข้อสนทนา

“ปลายเดือนนี้คุณยายบุษบาจัดงานวันเกิด ปีนี้ปุ้มไปร่วมงานด้วยดีไหม”

“จะดีเหรอคะ” เด็กสาวชะงักทันที…บุษบาคือน้าแท้ๆ ของธีรดนย์ ซึ่งแน่นอนว่าท่านคือญาติของเธอด้วย ที่ผ่านมาท่านมีชื่อเสียงในฐานะสาวสังคม และการจัดปาร์ตี้วันเกิดของท่านก็เป็นที่เลื่องลือถึงขั้นมาถึงหูเธอผู้ซึ่งไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรได้ทีเดียว

มันน่าจะไม่ใช่งานเลี้ยงในแบบที่เด็กยังไม่บรรลุนิติภาวะอย่างเธอควรไปเท่าไหร่

“ทำไมล่ะ ยังไงก็งานของญาติกันเอง ปุ้มก็โตแล้วด้วย”

ปรีชยามองใบหน้าหล่อเหลา ใจไม่ค่อยเห็นด้วย เธอไม่มั่นใจเลยสักนิด แต่เมื่อคนออกปากคือน้าชายซึ่งดูแลเธออย่างดีมาตลอด เธอก็คิดว่าเขาคงไม่พาเธอไปถ้าเห็นว่ามันไม่เหมาะไม่ควร

“คุณพัชรคะ อีกสิบห้านาทีต้องเข้าประชุมกับทีมเวียดนามค่ะ”

เสียงเตือนของบังอรลอยมาจากอินเตอร์คอม ชายหนุ่มจึงขยับตัวลุกจากโซฟา…เมื่ออีกฝ่ายไม่ปฏิเสธก็เท่ากับยินยอมไปงานเลี้ยง และเขาก็คิดว่าหลานสาวน่าจะต้องการตัวช่วยในการเตรียมตัว ซึ่งก็อาจต้องไหว้วานบังอร

ปกติแล้วปรีชยาจะมาพักกับชายหนุ่มบ้างในช่วงปิดเทอม ทีแรกที่รับเธอมาอยู่ที่คอนโดฯ ด้วยกันมันก็แปลกๆ อยู่บ้าง เนื่องจากเขาไม่เคยเลี้ยงเด็ก ยิ่งเป็นเด็กผู้หญิงยิ่งแล้วใหญ่ ถึงจะเป็นหลานสาวแต่ก็ไม่สนิทกันอีกต่างหาก แต่ช่วงหลังมานี้เขากับหลานก็สนิทกันมากขึ้นเรื่อยๆ ปิดเทอมนี้ชายหนุ่มเลยชวนเธอมาอยู่ด้วยยาวไปจนกว่าจะเปิดเทอม

ถ้าไม่นับเรื่องที่ขาดความมั่นใจ ปรีชยาก็นับว่าเป็นเด็กที่เลี้ยงง่ายมาก เธอไม่เรียกร้องต้องการอะไรเลย ส่วนตัวเขาก็คิดว่าได้ใช้เวลากับหลานสาวก็ดี เพราะมันช่วยให้เขาเข้าใจและรู้จักอีกฝ่ายมากขึ้น เขาไม่เพียงอยากส่งเสียให้เธอเรียนจบดูแลตัวเองได้ ทว่าอยากให้เธอมีชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างดีด้วย ซึ่งพัชรก็รู้ว่ามันต้องใช้เวลา และถึงตอนนี้เขาก็ยังพยายามอยู่

“เอาล่ะ เดี๋ยวน้าต้องทำงานแล้ว ปุ้มว่างๆ อยู่ก็นึกเอาไว้แล้วกันว่าเย็นนี้อยากกินอะไร เดี๋ยวเราไปกินกัน”

ชายหนุ่มหยิบมือถือขึ้นมาเช็กอีเมลครู่หนึ่ง ก่อนที่เขาจะฉวยแท็บเลตเดินออกจากห้อง ปรีชยาเห็นอย่างนั้นเลยลุกตามน้าชายไปด้วย

บังอรให้ข้อมูลคร่าวๆ เกี่ยวกับการประชุมกับเจ้านายเหมือนเคย เขายืนฟังพร้อมกับยืนอ่านไฟล์ที่เกี่ยวข้องผ่านๆ แต่ก่อนที่เขาจะผละไปห้องประชุมผู้เป็นเลขาฯ ก็ส่งเสียงรั้งไว้

“อีกเรื่องค่ะ คุณอินทีเรียติดต่อมาว่าอยากคุยกับคุณปุ้มเรื่องตกแต่งห้องค่ะ”

ปรีชยาหันไปมองพัชรอย่างงุนงง เขาจึงอธิบาย

“บ้านใหม่ของน้าไง น้ากำลังรีโนเวตใหม่…น้าบอกอินทีเรียไปว่าให้ทำห้องสำหรับหลานสาวด้วย” ชายหนุ่มหยุดนิดหนึ่ง ดวงตาฉายแววครุ่นคิด “ปุ้มสนใจเรื่องงานออกแบบอยู่นี่ ยังไงลองไปเจอกับอินทีเรียดูดีไหม จะได้เห็นภาพด้วยว่าเขาทำงานกันยังไง อินทีเรียของน้าเป็นผู้หญิง คุยง่าย ปุ้มจะได้ห้องนอนที่ถูกใจด้วย”

“ใช่ค่ะ” บังอรช่วยรับรองอีกแรงเมื่อเห็นว่าเจ้านายปรายตามา

“ก็ได้ค่ะ” ปรีชยาพยักหน้า แม้จะดูไม่แน่ใจเลยก็ตาม

“งั้นวานคุณบังอรช่วยนัดให้หน่อยแล้วกัน เดี๋ยวผมไปด้วย” พัชรบอก

ตอนแรกเขาคิดว่าจะให้หลานสาวไปเจอจิระประไพเอง ทว่านึกไปนึกมามัณฑนากรสาวก็คงอยากคุยกับเจ้าของบ้านอย่างเขาด้วยเช่นกัน ถึงหญิงสาวจะไม่ได้พูดออกมาแต่สองครั้งที่เจอกันเขาก็สังเกตเห็นว่าเธอมึนงงกับลูกค้าที่ไม่เรียกร้องอะไรเลยอย่างเขาไม่น้อย อันที่จริงเขานึกว่าการให้อิสระจะทำให้พวกสายออกแบบทำงานง่ายขึ้น กระนั้นกลับกลายเป็นว่าเธอเห็นตรงข้าม

เอาเถอะ ไปเจอเธอหน่อยแล้วกัน

 

(ติดตามต่อในเล่ม)

หน้าที่แล้ว1 of 5

Comments

comments

No tags for this post.
Jamsai Editor: