ตั้งแต่เกิดมาเขาไม่เคยรวดร้าวเช่นนี้ ราวอวัยวะภายในล้วนย้ายที่ เขาฝืนเงยหน้าขึ้นอย่างกินแรง เห็นหลี่เจาเกอยืนอยู่บนขั้นบันได ก้มมองจากที่สูง น่าเกรงขามสุดจะล่วงเกิน รูปโฉมของนางหลอมรวมจุดเด่นของเชื้อพระวงศ์สกุลหลี่กับสกุลอู่เข้าไว้ด้วยกัน ทั้งสะคราญผ่าเผยทั้งพราวเสน่ห์ขาวราวกระเบื้อง เดิมทีไฝน้ำตาที่ใต้หางตาเม็ดนั้นบ่งบอกลักษณะของสตรีรันทด ทว่าอยู่บนใบหน้าของนางกลับฉายรัศมีพิฆาตออกมาขุมหนึ่ง
หลูซันหลางแหงนหน้ามองนาง จากมุมมองนี้นางยิ่งดูงามเจิดจรัสชวนตะลึง ประดุจเทพธิดามัจจุราชในภาพวาด งดงามทว่าอันตราย
คนรอบด้านล้วนถูกเหตุพลิกผันนี้ทำให้ตะลึงค้าง ขันทีผู้คุมงานอึ้งงันไปครู่หนึ่งก็เอ่ยอย่างตื่นตกใจ “องค์หญิง นี่ทรงทำอันใดพ่ะย่ะค่ะ”
บ่าวสกุลหลูได้สติแล้วเช่นกันจึงตะลีตะลานไปพยุงหลูซันหลางลุกขึ้น เหล่าคุณชายที่สนิทกันรายล้อมข้างกายหลูซันหลาง เพียงมองเห็นเหตุการณ์ก็ใจสั่น มีบางคนเอ่ยอย่างฉุนเฉียว “นั่นสิ องค์หญิงเซิ่งหยวนจู่โจมผู้อื่นโดยไร้สาเหตุ นี่หมายความเช่นไร”
หลี่เจาเกอใบหน้าเรียบสงบ เพียงแววตาแปรเปลี่ยนก็ฉายรัศมีพิฆาตออกมาทั่วทิศ “ทำอะไรน่ะหรือ ข้าล้อเล่นกับเขาอย่างไรเล่า เป็นอะไรกัน ไม่น่าขบขันหรือไร”
ความเคลื่อนไหวของพวกเขาตรงนี้สร้างความแตกตื่นแก่ผู้คนจำนวนมากแล้ว เผยจี้อันได้ยินเสียงการต่อสู้จากอีกฟากของอุทยาน ตอนเขารุดมาถึง พอดีเห็นคุณชายตระกูลขุนนางกลุ่มหนึ่งล้อมวงกัน ท่าทางเป็นเดือดเป็นแค้น หลูซันหลางที่อยู่ใจกลางสุดถูกคนพยุงอยู่ ใบหน้าอมเหลืองดุจกระดาษทอง ลมหายใจรวยริน เห็นชัดว่าบาดเจ็บสาหัส
ส่วนอีกด้านหนึ่งหลี่เจาเกอยืนอยู่บนขั้นบันไดผู้เดียว ด้านหลังนางมีแม่นางน้อยที่แต่งกายเป็นบ่าวยืนอยู่ผู้หนึ่ง แม่นางน้อยผู้นั้นกระอึกกระอักดูร้อนใจไม่น้อย
เผยจี้อันกวาดมองปราดเดียวก็คาดเดาออกคร่าวๆ ว่าเกิดอันใดขึ้น ขณะเหล่าคุณชายกำลังโกรธเกรี้ยว มีคนเห็นเผยจี้อันมาถึง จึงรีบร้องเรียกเขา “คุณชายเผย มาได้ประจวบเหมาะเลย ท่านมาตัดสินที หลูซันหลางเพียงล้อเล่นกับสาวใช้ขององค์หญิงเซิ่งหยวน องค์หญิงกลับลงมือทำร้ายคนทันที เหตุผลอยู่ที่ใด”
หลี่เจาเกอปัดแขนเสื้ออย่างไม่อนาทรร้อนใจ ค่อยๆ เดินลงจากบันไดมากล่าว “พวกเจ้าเรียกการกระทำรุ่มร่ามกับสตรีผู้หนึ่งว่าล้อเล่น? ดี เขาล้อเล่นกับโม่หลินหลาง เช่นนั้นข้าก็ล้อเล่นกับเขา นี่ก็คือวิธีล้อเล่นของข้า อะไรกัน ล้อเล่นด้วยไม่ได้หรือ”
คุณชายที่ถามหาเหตุผลเมื่อครู่แย้งด้วยโทสะ “หลูซันหลางเป็นน้องชายแท้ๆ ของชายารัชทายาท หากองค์หญิงเซิ่งหยวนจะทวงความเป็นธรรมให้สาวใช้ บอกชายารัชทายาทก็ได้ สกุลหลูกับชายารัชทายาทย่อมจะอบรมบุตรหลานเอง องค์หญิงทำเช่นนี้ไม่กลัวล่วงเกินชายารัชทายาทหรือไร”
หลี่เจาเกอฟังแล้วพ่นลมขึ้นจมูกเบาๆ ก่อนเอ่ย “ข้อแรกนางไม่ใช่สาวใช้ของข้า นางเป็นนายกองของกองงานปราบปีศาจ เป็นขุนนางขั้นเก้าที่ราชสำนักแต่งตั้ง เขาไม่เคารพต่อขุนนางที่ราชสำนักแต่งตั้ง ข้าไม่ได้เอาชีวิตเขาก็เพราะไว้หน้าสกุลหลู ข้อสองข้าหลี่เจาเกอกระทำการเพียงดูที่ความถูกผิด ไม่เคยดูที่ตัวบุคคล ถ้าพวกเจ้ารู้สึกไม่เป็นธรรมก็จงไปฟ้องชายารัชทายาท หากฝ่าบาทกับเทียนโฮ่วทรงรู้สึกว่าข้าผิด ข้ายินดีจะรับโทษทั้งหมด”
จบคำนางจ้องมองคนกลุ่มนั้นแล้วแย้มริมฝีปากเอ่ยเสียงเย็นชา “ไสหัวไป”
คนสกุลหลูได้รับความอัปยศครั้งใหญ่ คุณชายที่พูดจาแทนหลูซันหลางเองก็เสียหน้า รู้สึกว่าหลี่เจาเกอคือคนเสียสติที่ไม่คำนึงถึงอันใดทั้งสิ้น ตอนนี้เผยจี้อันออกหน้ามากู้สถานการณ์อย่างทันท่วงที “เอาล่ะ หลูซันหลางบาดเจ็บอยู่ รีบไปเยียวยาเถิด ฝ่าบาททรงชมทิวทัศน์อยู่กับทูตถู่ปัว อย่าให้รบกวนไปถึงพระองค์ได้”
ประโยคแรกของเขาพูดกับคนสกุลหลู ประโยคที่สองแม้มองไปทางหลูซันหลาง แท้ที่จริงกลับพูดกับหลี่เจาเกอ หลี่เจาเกอเหลือบมองคนเหล่านี้อย่างเย็นชา ก่อนพาโม่หลินหลางหมุนตัวจากไป
หลี่เจาเกอจากไปแล้ว คนสกุลหลูไม่มีหน้าจะอยู่ต่อ รอจนหลูซันหลางถูกคนหามออกไป จ่างซุนเหยียนจึงเดินช้าๆ มาจุปากกล่าวที่ข้างกายเผยจี้อัน “เดิมข้านึกว่าองค์หญิงเซิ่งหยวนเป็นคนฉลาดผู้หนึ่ง แต่เหตุการณ์วันนี้กลับทำให้ข้าอ่านนางไม่ขาด”
หลูซันหลางเป็นน้องชายของชายารัชทายาท ทำให้หลูซันหลางอับอายต่อหน้าผู้คนก็เท่ากับทำให้ชายารัชทายาทรวมถึงตำหนักบูรพาอับอาย สุขภาพฮ่องเต้ทรุดลงทุกวัน ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อหลี่เจาเกอกลับทำเรื่องเช่นนี้ จ่างซุนเหยียนไม่อาจแน่ใจ ที่แท้นางวางโตอย่างไร้เดียงสาหรือคิดจะฉวยโอกาสไปเข้ากับจ้าวอ๋องกันแน่
เผยจี้อันส่ายหน้าไม่พูดจา มองดูเงาหลังของนางที่จากไป ในใจเขารู้กระจ่างแจ้ง นางไม่ใช่ถือดีว่าเป็นคนโปรดแล้วหาเรื่องผู้อื่น ยิ่งไม่ใช่เล่นเล่ห์สนับสนุนฝ่ายหนึ่งด้วยการเหยียบย่ำอีกฝ่ายหนึ่ง นางเพียงแต่ทนดูไม่ได้
วิธีปฏิบัติของนางคล้ายคนเลว ทว่าบางครั้งกลับเที่ยงธรรมยิ่งกว่าบรรดาสุภาพชนคนดีเสียอีก
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 27 พ.ย. 67