จุติรัก พลิกชะตาร้าย
ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 89-90
เขาผู้นี้ก็คืออู๋อ๋องหลี่สวี่ หลี่เจาเกอบาดเจ็บในจวนองค์หญิงอี้อัน หลี่เจินในฐานะเจ้าสาวไม่สะดวกจะตามมา หลี่สวี่ผู้เป็นพี่ชายจึงรับหน้าที่มาแทนน้องสาว ชายาของเขาเป็นสตรีหน้ากลมผู้หนึ่ง ผิวผ่องอวบอัด แลดูซื่อตรงจิตใจดี นางยืนอยู่ข้างกายหลี่สวี่ กล่าวทักทายหลี่เจาเกอต่อจากผู้เป็นสามี “เซิ่งหยวน”
“อู๋อ๋อง พระชายา” หลี่เจาเกอคารวะตอบเรียบๆ “อู๋อ๋องกล่าวเช่นนี้ข้าไหนเลยจะรับไหว ท่านดั้นด้นทางไกลมาเมืองหลวง ฝ่าบาทกับขุนนางราชสำนักกำลังให้ความสำคัญต่อท่านยิ่งยวด หากเป็นเพราะข้าบาดเจ็บ พลอยเดือดร้อนไปถึงท่าน เกรงว่าฝ่าบาทกับขุนนางเก่าแก่คงจะต้องด่าว่าข้า”
ถ้อยคำนี้ของหลี่เจาเกอไม่เป็นมิตรแต่อย่างใด ก็ถูกของนาง มีความบาดหมางระหว่างเทียนโฮ่วกับเซียวซูเฟยอยู่ก่อน ทายาทสองสายนี้ไม่มีทางจะอยู่ร่วมกันโดยสันติไปได้ เพียงแต่ผู้อื่นเช่นหลี่ฉังเล่อกับหลี่ไหวอย่างน้อยยังรักษาท่าที
ผิดกับหลี่เจาเกอที่คร้านกระทั่งจะสร้างภาพความปรองดองระหว่างพี่น้อง
หลี่สวี่ราวกับฟังไม่ออกว่าหลี่เจาเกอพูดจาเพ่งเล็งเขา ยังคงคลี่ยิ้มอย่างสุภาพอ่อนแอขาดชีวิตชีวา “น้องหญิงรองคือไข่มุกงามกลางพระหัตถ์ฝ่าบาทกับเทียนโฮ่ว หากข้าเอาตัวเข้าแลกแล้วทำให้เจ้าแคล้วคลาดได้ เช่นนั้นข้าก็ยินดีเป็นที่สุด เพียงเสียดายที่ตอนนั้นข้าตอบสนองช้าเกินไป ไม่ได้เข้าขวางแมวดำไว้ หากรู้เช่นนี้แต่แรกตอนจะยิงธนูทดสอบเชิงบู๊ก็ควรให้ข้าทำแทน”
เห็นหลี่สวี่คลี่ยิ้ม หลี่เจาเกอก็จัดแต่งแขนเสื้อ พูดอย่างไม่อนาทรร้อนใจ “เป้าหมายของแมวดำคือข้า ไม่ว่าเป็นผู้ใดยิงธนูล้วนไม่ต่างกัน เพียงแต่ข้ามายืนอยู่นอกวงจึงเปิดโอกาสให้มันลงมือก็เท่านั้น อู๋อ๋อง ท่านว่าแมวดำตัวนี้ติดตามจากวังหลวงเรื่อยมาจนถึงจวนองค์หญิงอี้อันได้ มันมีที่มาอย่างไรกันแน่”
หลี่สวี่ยิ้มกล่าวแบบบุรุษที่ล้มเหลวและถูกกักตัวมานานเสียจนถูกลบคมกับปณิธานไปจนสิ้น “แขนขาข้าไม่ได้ออกกำลัง ไม่เหมือนน้องหญิงรองที่มีฝีมือเป็นเลิศ เรื่องนี้ข้าจะรู้ได้อย่างไร”
ชายาอู๋อ๋องอยู่ด้านข้างเอ่ยคล้อยตามเสียงเบา “นั่นสิ พวกเราสามีภรรยาเพิ่งมาถึงลั่วหยาง รู้จักคนแค่ไม่กี่คน ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงผู้มีวิชาอาคม”
หลี่เจาเกอผงกศีรษะ สายตาเพ่งมองสามีภรรยาคู่นี้พลางเอ่ยเนิบๆ “เป็นเช่นนี้นี่เอง แมวดำตัวนี้ชอบกลยิ่งนัก มีความเกี่ยวพันกับมันไม่ใช่เรื่องดีอันใด อู๋อ๋องกับพระชายาไม่รู้เรื่องนั้นดีที่สุด”
บรรยากาศในห้องค่อยๆ หนักอึ้ง หลี่สวี่กับชายาสีหน้าแข็งทื่ออยู่บ้าง หลี่เจาเกอจับจ้องคนทั้งสองก่อนแย้มยิ้ม ประกายระยับฉายในดวงตา “พี่ชายกับพี่สะใภ้ไฉนสีหน้าจึงแข็งเกร็ง ข้าเพียงถามดูเท่านั้น ไม่ได้บอกว่าสงสัยในตัวท่านทั้งสองเสียหน่อย”
หลี่สวี่กับชายาฝืนยิ้ม ไม่รู้สึกขบขันคำล้อเล่นนี้สักนิด ตงหยางจ่างกงจู่อยู่ด้านข้างฟังจนหลั่งเหงื่อโซมกาย ค้นพบว่าหลี่เจาเกอคล้ายเทียนโฮ่วมากขึ้นทุกที อารมณ์จับทางไม่ถูกเอาแน่ไม่ได้เช่นนี้ เหมือนองค์หญิงผู้หนึ่งที่ใดกัน คล้ายเจ้าเหนือหัวที่ยึดกุมความเป็นความตายของผู้คนเอาไว้มากกว่า
ตงหยางจ่างกงจู่เพียงอยากใช้ชีวิตสุขสงบในราชธานีตะวันออก ไม่อยากข้องเกี่ยวการต่อสู้ภายในเหล่านี้ ตามความคิดของนาง…หลี่เจาเกอมีเทียนโฮ่วยืนอยู่เบื้องหลัง ไม่อาจล่วงเกิน ส่วนหลี่สวี่กับหลี่เจินถึงอย่างไรก็เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของฮ่องเต้ ชักจูงมาเป็นพรรคพวกได้ ไม่ว่าฝ่ายใดนางล้วนไม่อยากปล่อยมือ จึงหาช่องพูดเอาใจทั้งสองฝ่าย “เอาล่ะ วันนี้เป็นวันมงคลของอี้อัน อย่าเอ่ยถึงภูตผีปีศาจที่ชวนผวาเหล่านี้เลย งานเลี้ยงข้างนอกยังคึกคัก เซิ่งหยวน เจ้าจะออกไปดูหน่อยหรือไม่”
หลี่เจาเกอส่ายศีรษะ เรื่องมาถึงขั้นนี้ใครกันยังจะมีแก่ใจละเล่นบทพี่น้องเป็นเพื่อนพวกเขาอีก นางตอบอย่างเรียบเฉย “ข้ายังมีธุระ ขออภัยที่ไม่อาจรั้งอยู่ต่อ รบกวนท่านป้าตงหยางกับท่านพี่อู๋อ๋องทักทายพี่หญิงอี้อันแทนข้าด้วย ร่างกายข้าไม่สะดวก ต้องขอกลับก่อน”
หลี่สวี่กับชายาย่อมตอบรับ “น้องหญิงรองบาดเจ็บ รีบกลับไปพักผ่อนเถิด ทางด้านอี้อันมีพวกเราดูแลอยู่”
หลี่เจาเกอพยักหน้า รวบแขนเสื้อยาว นางข้าหลวงประจำจวนองค์หญิงอี้อันเข้าใจ รีบเดินมานำทางหลี่เจาเกอออกไป คนทั้งหมดติดตามอยู่ด้านหลังหลี่เจาเกอ ตอนจะก้าวออกจากประตูห้อง หลี่เจาเกอพลันหันหลังขวับ มองมาทางหลี่สวี่พร้อมรอยยิ้ม “อู๋อ๋อง ท่านเคยไปหลูโจวหรือไม่”
หลี่สวี่ชะงักกึก ก่อนปฏิเสธโดยจิตใต้สำนึก “ไม่เคย น้องหญิงรองเจ้าถามเรื่องนี้ด้วยเหตุใด”
“ไม่มีอันใดหรอก” หลี่เจาเกออมยิ้มมองเขา “หลูโจวมีสิ่งของหายไปอย่างหนึ่ง ฝ่าบาททรงค้นหาอยู่ ข้าคิดว่าโซ่วโจวอยู่ใกล้กับหลูโจวจึงลองถามท่านดู ในเมื่อท่านไม่รู้ ข้าก็จะกลับไปทูลรายงานฝ่าบาท”
หลี่สวี่ถูกการกระทำที่เอาแน่ไม่ได้ของนางทำเอาเกือบสติแตก เกร็งสีหน้าไว้แทบตาย ส่วนนางคลี่ยิ้มสดใสมองเขาก่อนหมุนตัวเดินออกไป
หนนี้…นางค่อยจากไปอย่างแท้จริง
ภายหลังออกจากจวนองค์หญิงอี้อัน หลี่เจาเกอให้ผู้ติดตามคนหนึ่งส่งโม่หลินหลางกลับบ้าน ตนเองบังคับม้าย่างเหยาะไปทางย่านเฉิงฝูฟาง ครั้นกลับถึงจวนองค์หญิงเซิ่งหยวน พวกสาวใช้ได้ยินว่านางได้รับบาดเจ็บต่างก็ร้องแตกตื่น ตัวนางเองกลับนิ่งสงบยิ่ง สั่งให้พวกสาวใช้ออกไป นั่งอยู่ที่ห้องชั้นในตามลำพังแล้วใช้ปราณแท้ขจัดพิษปีศาจบนปากแผลช้าๆ
ปีศาจแมวตนนั้นท่าร่างว่องไวจนน่าตระหนก เดิมทีนางนึกว่าเค้นพิษไปรวมกันจะต้องใช้เวลาพักใหญ่ คาดไม่ถึงว่าสามารถปิดสกัดพิษได้อย่างง่ายดาย นางลดมือลง รู้สึกเหนือความคาดหมายไม่น้อย
ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นเรื่องดี นางปิดผนึกประสาททั้งห้าขณะโคจรปราณแท้จึงไม่รู้เนื้อรู้ตัวว่าฟ้ามืดแล้ว นางลงจากเตียง มองไปยังม่านราตรีนอกหน้าต่าง ยามนี้คือช่วงต้นเดือน จันทร์เสี้ยวแขวนตัวอยู่บนยอดกิ่งดูเงียบเชียบและลึกลับ
นางอดนึกถึงภาพเหตุการณ์วันนี้ไม่ได้ ตอนแมวดำกระโจนใส่นางในจวนองค์หญิงอี้อัน เดิมทีกรงเล็บของมันพุ่งเป้ามาที่ใบหน้านาง หากไม่ใช่กู้หมิงเค่อดึงพานางไปก็ไม่แน่ว่านางจะหลบได้พ้น นางมองไปที่ข้อมือของตนเองอย่างห้ามไม่อยู่ เมื่อเย็นเขากุมตรงนี้
กล่าวตามจริงตอนเขาเข้ามาใกล้ นางไม่ทันจะตอบสนองด้วยซ้ำ หากเขาคิดจะทำอันใด ความจริงแล้วง่ายดายดุจพลิกฝ่ามือ รวมถึงวันนี้นางหมายจะอำพรางบาดแผล แต่กลับถูกเขาดึงข้อมือไปโดยตรง ใช่ว่านางไม่ได้ออกแรง นางไม่มีกำลังจะต่อต้านเลยต่างหาก
นางหลุบตาพิศมองข้อมือตนเอง แสงจันทร์ฉายส่องเข้ามาในห้อง กระหวัดบนข้อมือนางอย่างแช่มช้า เพิ่มพูนอารมณ์ผูกพันอันละมุนละไมโดยไม่รู้สาเหตุ นางพิงกรอบหน้าต่าง ระบายลมหายใจยาว
ที่แท้เขาเป็นใครกันแน่นะ