หลูซันหลางเดือดจัด ตบหนึ่งฉาดจนโม่หลินหลางกระเด็นไป เดิมคุณชายที่เหลือกำลังชมเรื่องสนุก จู่ๆ เห็นโม่หลินหลางกัดหลูซันหลางบาดเจ็บ ต่างก็มีสีหน้าขรึมลง
โม่หลินหลางปฏิเสธครั้งแล้วครั้งเล่าจนหลูซันหลางเสียอารมณ์มากพออยู่แล้ว นึกไม่ถึงเลยว่านางยังกล้ากัดคน สาวใช้ทำร้ายชนชั้นเจ้านาย ตีนางตายก็ไม่เกินเลย
ความเคลื่อนไหวของพวกเขาทำให้ผู้คนไม่น้อยแตกตื่น หลายคนพากันมองมาทางนี้ ขันทีผู้คุมงานจึงรีบวิ่งตรงมาถามเสียงแหลมบาดหู “คุณชายสามหลู นี่เกิดอันใดขึ้น”
หลูซันหลางกดปากแผลด้วยความเจ็บปวด เลือดยังคงไหลพรากลงมาตามร่องนิ้วมือ สตรีนางนี้ลงมือโหดยิ่งยวด กัดง่ามมือเขาจนเกือบจะทะลุ เขาเงยหน้าจ้องนางอย่างดุร้าย “นางบ่าวชั้นต่ำนี่ถึงกับบังอาจทำร้ายคน”
ขันทีผู้คุมงานได้ยินเช่นนั้นก็รีบกล่าวขออภัย ท่านผู้นี้คือน้องชายของชายารัชทายาท ตนไม่กล้าล่วงเกินเขาหรอก ทางหนึ่งจึงยิ้มประจบ อีกทางหนึ่งสั่งผู้ใต้บัญชาเสียงอึมครึม “จับตัวบ่าวชั้นต่ำนี่ไว้”
บรรดาขันทีชั้นผู้น้อยรีบเดินขึ้นหน้าไปจับกุมโม่หลินหลาง พวกเขาลงมือคว้าตัวนางอย่างมุทะลุ แต่ขณะจะคว้าถูกแขนเสื้อนาง ใบไม้ใบหนึ่งพลันปลิวถากเรือนผมของพวกเขาไปปักเข้าเสาด้านข้างดังฉึก
หนังศีรษะของพวกเขาเย็นวะวาบ พริบตานั้นรับรู้ได้อย่างแน่ชัดว่าศีรษะตนเองไปป้วนเปี้ยนหน้าประตูผีมารอบหนึ่งแล้ว แต่ละคนผวาไม่เบา หัวเข่าอ่อนระทวยแทบจะยืนไม่อยู่
ขันทีผู้คุมงานหันขวับไป เห็นสตรีชุดแดงผู้หนึ่งเดินมุ่งตรงมาทางนี้ ฝูงชนสองฟากมองเห็นนางต่างหลีกทางให้โดยไม่รู้ตัว
โม่หลินหลางหมดแรงทรุดลงพื้น ครั้นได้ยินเสียงฝีเท้า เงยหน้าขึ้นแลเห็นสตรีผู้นั้น เสียงเรียกของนางก็ปนสะอื้นอย่างห้ามไม่อยู่ “องค์หญิง”
หลี่เจาเกอใบหน้าสงบเรียบเฉย ดวงตาทั้งคู่หมดจดทอประกาย หากมิใช่นิ้วมือนางหนีบใบไม้เขียวอยู่ใบหนึ่งก็มองอารมณ์ของนางไม่ออกเลย ผู้คนในศาลามองเห็นหลี่เจาเกอต่างหน้าเจื่อน ขันทีผู้คุมงานรีบปั้นยิ้มประจบ เดินลงบันไดศาลามาคารวะนาง “องค์หญิงเซิ่งหยวน”
เสียงของเขาเอาอกเอาใจเต็มที่ ทว่านางไม่แม้แต่จะแล เดินตรงไปถามโม่หลินหลางว่า “บาดเจ็บหรือไม่”
โม่หลินหลางยึดจับราวกั้นพยุงตัวลุกขึ้น ส่ายหน้านิดๆ “ไม่เป็นไรเพคะ”
นางไม่มีบาดแผลภายนอก เพียงแต่ถูกข่มเหงรังแก ทว่าใครใช้ให้อีกฝ่ายเป็นคนในครอบครัวของชายารัชทายาทเล่า นางกล้ำกลืนไว้เงียบๆ คิดในใจว่าตอนนี้องค์หญิงมาแล้ว ตนหลุดพ้นจากที่นี่ได้เสียที หวังว่าเรื่องเมื่อครู่ไม่ได้สร้างความยุ่งยากแก่องค์หญิง
หลี่เจาเกอผงกศีรษะเรียบๆ ก่อนเหลียวไปมองคนที่เหลือ “นี่มันเรื่องอะไรกัน”
พอหลี่เจาเกอเอ่ยปากก็คือการเค้นถาม ไม่แม้แต่คิดจะทักทาย หลูซันหลางนึกไม่ถึงว่าสตรีนางนี้เป็นสาวใช้ของหลี่เจาเกอจริงๆ ถูกเจ้านายของนางจี้ถามซึ่งหน้า พาให้เขากระอักกระอ่วนอยู่บ้าง แต่ก็แค่กระอักกระอ่วนเท่านั้น เขาเป็นถึงน้องชายของชายารัชทายาท นับอ้อมๆ ก็เป็นญาติกับหลี่เจาเกอ หลี่เจาเกอจะทำอะไรเขาได้หรือ
หลูซันหลางคลี่ยิ้ม พูดอย่างไม่อินังขังขอบ “ที่แท้นี่เป็นสาวใช้ขององค์หญิงเซิ่งหยวนหรอกหรือ นางมือไม้งุ่มง่าม ทำเสื้อข้าเปื้อนเลอะ แล้วยังล่วงเกินเบื้องสูงกัดมือข้าเป็นแผลอีก เห็นแก่หน้าองค์หญิง ข้าจะไม่ถือสาหาความกับนางแล้วกัน ช่างเถอะ ข้าจะไปเปลี่ยนเสื้อใหม่”
หลูซันหลางพูดพลางจะเดินออกไป คุณชายที่เหลือจึงคารวะหลี่เจาเกอ ตั้งใจจะรีบล่าถอยไปเช่นกัน พวกเขาไม่เก็บโม่หลินหลางมาใส่ใจ ทว่าเจ้านายของโม่หลินหลางมาแล้วย่อมไม่อาจทำเกินเลยนัก เหล่าคุณชายลอบคิดว่าโชคไม่ดี บ่าวนางนี้ไม่รู้จักรักดีเอาเสียเลย หลูซันหลางเห็นนางเข้าตา ต่อให้นางไม่ยินดีก็ควรจะยิ้มรับ ปรากฏว่านางดึงดันปฏิเสธ ทำให้ทุกคนเสียหน้า
เสียอารมณ์จริงๆ
หลูซันหลางเดินไปไม่ถึงสองก้าวก็ได้ยินเสียงเย็นเฉียบดุจน้ำแข็งของหลี่เจาเกอดังมาทางด้านหลัง “เมื่อครู่ข้าเห็นหลูซันหลางมือไม้รุ่มร่ามกับนาง หลูซันหลาง คำอธิบายของเจ้าเล่า”
หลูซันหลางคาดไม่ถึงว่าบ่าวไม่รู้จักรักดี ผู้เป็นนายยังไม่รู้จักดูสถานการณ์อีก เขาหันหลังไปยิ้มกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ “ไม่มีอะไร แค่ล้อเล่นเท่านั้น ออกมาร่วมงานเลี้ยง สิ่งสำคัญที่สุดก็คือสำราญใจ ข้าไม่ได้ทำอะไรนางเสียหน่อย นางคงไม่ถึงกับล้อเล่นด้วยไม่ได้กระมัง”
“ล้อเล่น…” หลี่เจาเกอพูดทวนจบพลันถีบหนึ่งเท้าใส่หน้าอกหลูซันหลาง ส่งเขาลงบันไดศาลาไปโดยตรง หลูซันหลางไม่ทันตั้งตัว กระเด็นจากขั้นบันไดกลิ้งกลุกๆ ไปบนพื้นไปสองรอบจึงค่อยๆ หยุดนิ่ง อ้าปากกระอักเลือดสดๆ ดังอั้กหนึ่งคำ