หลี่สวี่ถูกเทียนโฮ่วหยามหมิ่นต่อหน้าผู้คนมากปานนี้กลับไม่อาจพูดอันใดได้ ซ้ำยังต้องรับลูกแมวมาอย่างพินอบพิเทา “ลูกขอบพระทัยเทียนโฮ่ว”
เทียนโฮ่วยื่นมือออกไป นางกำนัลรีบคุกเข่าลงด้านข้าง ใช้ผ้าผืนเล็กเช็ดนิ้วมือเทียนโฮ่วอย่างละเอียด เทียนโฮ่วมองไปทางหลี่เจินก่อนเอ่ยเนิบนาบ “เกือบลืมอี้อันไปเสียนี่ อี้อัน เจ้าอยากเลี้ยงแมวบ้างหรือไม่”
หลี่เจินหน้าเผือดสีจนขาวสนิท เพียรกลบเกลื่อนความชิงชังของตนไว้ ทว่าควบคุมไม่อยู่โดยสิ้นเชิง นางก้มหน้าลง ขบริมฝีปากตอบ “เทียนโฮ่วเพิ่งพระราชทานสมรสแก่ลูก ลูกยังปรับตัวกับชีวิตใหม่ไม่ได้ ไม่มีแรงใจจะเลี้ยงแมวเพคะ”
“เป็นเช่นนี้นี่เอง” นิ้วมือเทียนโฮ่วเช็ดสะอาดแล้วค่อยชักมือคืนมาอย่างเย่อหยิ่ง “ไม่เป็นไร อู๋อ๋องอยู่ไกลถึงโซ่วโจว อี้อันกลับต้องรั้งอยู่ลั่วหยาง ต่อไปยังมีเวลาให้อี้อันเข้าวังมาอีกมาก หากอี้อันเปลี่ยนใจเมื่อไร จำไว้ให้บอกข้า ข้าจะเลือกแมวสายเลือดสูงส่งสักตัวให้เจ้าเองกับมือ”
หลี่สวี่กับหลี่เจินต่างก็สีหน้าย่ำแย่ยิ่ง เทียนโฮ่วกำลังข่มขู่พวกเขาอยู่ หลี่สวี่ไปต่างเมืองได้ หลี่เจินกลับต้องรั้งอยู่ในราชธานีตะวันออกตลอดไป หากหลี่สวี่กล้าทำอันใด เทียนโฮ่วก็จะถลกหนังดึงเส้นเอ็นของหลี่เจินออกมาทันที
ขณะเทียนโฮ่วสนทนากับหลี่สวี่และหลี่เจิน คนอื่นๆ ล้วนเงียบปานจักจั่นในวันหนาว แม้แต่ฮ่องเต้ก็ไม่อยากจะสอดมือ สายตาของหลี่เจาเกอมองดูเวทีโดยตลอด ในใจกลับส่ายหน้าเบาๆ…ล่วงเกินเทียนโฮ่วเป็นเรื่องน่ากลัวจริงๆ กล่าวว่าอยู่มิสู้ตายก็ไม่เกินไปสักนิด
ยังดีหลี่เจาเกอเป็นบุตรีของเทียนโฮ่ว หากมาเกิดเป็นบุตรีของสนมชายาอื่น ตำแหน่งองค์หญิงนี่ไม่เป็นเสียก็ได้
หลี่ฉังเล่อกับหลี่ไหวต่างรู้สึกเช่นเดียวกันอย่างลึกซึ้ง ผิดกับรัชทายาทหลี่ซั่นที่เผยสีหน้าไม่อาจแข็งใจ ทว่านี่อยู่ในงานเลี้ยงเขาไม่เหมาะจะเอ่ยปากจึงได้แต่หลุบตาอำพรางสีหน้าไว้ ในใจยังคงรู้สึกว่ามารดากระทำโหดร้ายเหลือเกิน หลี่สวี่กับหลี่เจินไม่ได้ทำอันใดผิดเสียหน่อย ไยต้องดูหมิ่นพวกเขาเช่นนี้ เดิมทีหลี่ซั่นเจตนาดีจึงเสนอให้หลี่เจินออกเรือน ตอนนี้ดูแล้วไม่รู้ว่าช่วยเหลือนางหรือทำร้ายนางกันแน่
เหนือผิวน้ำได้ยินแต่เสียงดนตรีเซ่นไหว้สะท้อนก้อง นักร่ายรำเต้นกระโดดมาถึงแท่นเซ่นไหว้ จับคู่ระบำพัวพันกัน ท่วงท่าพิสดารกว่าเดิม ชั่วขณะนั้นผู้ชมทั้งในนอกศาลาหลักล้วนเงียบสนิท จับจ้องไปที่เวที ไม่มีใครดื่มสุราและไม่มีใครพูดจา ต้าก้งลุ่นไม่รู้ว่าเหตุใดคนฝ่ายฮ่องเต้ต้าถังจึงพลันไม่พูดจา ครั้นนึกถึงจุดประสงค์ที่เดินทางมาหนนี้ เขาก็เป็นฝ่ายชูจอกสุราเอ่ยกับฮ่องเต้ว่า “จั้นผู่เลื่อมใสในการวางตัวของฮ่องเต้ต้าถัง ยินดีน้อมตนเป็นเขย สู่ขอองค์หญิงต้าถัง หวังว่าจากนี้ไปแผ่นดินสองแคว้นจะเสมือนหนึ่งเดียว เป็นทองแผ่นเดียวกัน”
หัวหน้าคณะทูตถู่ปัวหนนี้ยังคงเป็นต้าก้งลุ่นเช่นเดียวกับหนก่อน ต้าก้งลุ่นในภาษาถู่ปัวหมายถึงเสนาบดีใหญ่ เทียบเท่ากับหัวหน้าของเหล่าเสนาบดีในราชสำนักต้าถัง หนนี้เขานำทองคำห้าพันตำลึงกับอัญมณีมากมายมาทำการสู่ขอแทนจั้นผู่เจ้าเหนือหัวของชาวถู่ปัว ประมุขแห่งแว่นแคว้นหนึ่งเป็นฝ่ายเสนอตนขอเป็นเขย ทว่าฮ่องเต้ต้าถังยังคงมีสีหน้าเรียบเฉย “แต่งงานเชื่อมสัมพันธ์เป็นเรื่องใหญ่พัวพันวงกว้าง เอาไว้ค่อยมาหารือกัน”
ต้าถังเป็นแคว้นมหาอำนาจ ทุกปีมีแคว้นเล็กมาขอเข้าเฝ้ามากมาย จะสู่ขอองค์หญิงสกุลหลี่ไปง่ายๆ ได้อย่างไร อีกอย่างดูจากท่าทางของต้าก้งลุ่น หนนี้ฝ่ายถู่ปัวหมายจะขอแต่งกับองค์หญิงที่เป็นบุตรีฮ่องเต้ต้าถังจริงๆ เท่านั้น
แต่งงานเชื่อมสัมพันธ์แม้แค่จากเป็น ทว่าก็ไม่ต่างอันใดกับจากตาย เมื่อใดองค์หญิงไปแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ นับแต่นั้นก็ต้องออกเรือนไปไกลถึงต่างแดน ทอดตาไร้ซึ่งญาติมิตร ความเป็นอยู่เทียบกับนครฉางอันนครลั่วหยางไม่ได้โดยสิ้นเชิง ซ้ำต้องสู้ทนความเหน็บหนาวและการโจมตีของพายุทรายทุกวี่วัน ฮ่องเต้มีบุตรีทั้งสิ้นเพียงสามคน พระองค์มีหรือจะยอมตอบรับเรื่องพรรค์นี้
เห็นฮ่องเต้มีท่าทีจะปฏิเสธ ต้าก้งลุ่นก็ยกมือหมายจะพูดต่อ เนื่องจากเหตุแทรกซ้อนเรื่องแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ ความสนใจของทุกคนที่นี่จึงไปรวมอยู่ที่ฮ่องเต้กับทูตถู่ปัว หลี่เจาเกอก็ไม่ยกเว้น รอจนนางปรายมองเวทีผ่านๆ ค่อยหน้าเปลี่ยนสีชักกระบี่ออกมาทันใด “ฝ่าบาท เทียนโฮ่ว ระวังเพคะ!”
เทียนโฮ่วกำลังฟังคำแปลจากล่ามของกองงานการทูต จู่ๆ ได้ยินด้านข้างมีคนตะโกนว่าระวัง นางเงยหน้าขึ้นโดยสัญชาตญาณและเห็นเงาดำสายหนึ่งพุ่งมาหานาง
นั่นคือแมวดำตัวหนึ่ง เส้นขนสีดำสนิท ดวงตาสีเขียวเข้ม กรงเล็บแหลมคม ไม่รู้เพราะเหตุใดนางถึงกับมองเห็นอารมณ์ของมนุษย์จากดวงตาแมวตัวนี้ได้
นั่นคืออารมณ์แค้นอันเข้มข้น นางสติล่องลอยไปพริบตาหนึ่ง นึกถึงตอนเซียวซูเฟยจะสิ้นใจก็ใช้แววตาเช่นนี้จับจ้องนางอย่างอาฆาตพยาบาท
เห็นอยู่ว่าความตายกรายมาถึงศีรษะแล้ว เซียวซูเฟยกลับยังเค้นเสียงที่แหบพร่าตวาดโหยหวน ‘อาอู่นางมารปลิ้นปล้อน ชั่วช้าจนถึงขั้นนี้! ขอให้ชาติหน้าข้าเกิดเป็นแมว อาอู่เป็นหนู ได้เค้นคอมันทั้งเป็น!’