จุติรัก พลิกชะตาร้าย
ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 91-92
เหล่านางกำนัลสองฟากร้องแตกตื่น ทุกแห่งระงมไปด้วยเสียงตะโกนคำว่า ‘ถวายอารักขา’ ทว่าแมวดำท่าร่างปานสายฟ้า ไม่มีใครขึ้นหน้าไปช่วยเทียนโฮ่วได้ทัน แมวดำเล็งเป้าตรงมายังลำคอของเทียนโฮ่ว แม้แต่เทียนโฮ่วก็นึกว่าตนจะต้องจบชีวิตตรงนี้แล้ว ทันใดนั้นเองสายลมหอบหนึ่งได้วาบผ่านเบื้องหน้าสายตา เห็นอาภรณ์ท่อนหนึ่งพลิ้วลงมา ท่วงท่าของหลี่เจาเกอแสนปราดเปรียวตรงข้ามกับชายกระโปรงที่ทิ้งตัวเนิบช้า นางชักกระบี่ธาราเร้นออกจากฝัก ขวางกระบี่ต้านรับกรงเล็บของแมวดำบังเกิดเสียงเคร้งสนั่นหนึ่งที
ก่อนหน้านี้ตอนอยู่ที่จวนองค์หญิงอี้อัน หลี่เจาเกอเคยถูกแมวดำตัวนี้ตะปบทำร้าย หลังเกิดเหตุนางส่งคนตามหามันอยู่นาน ทว่าจนแล้วจนรอดกลับไม่พบร่องรอยของมันเลย วันนี้นางพากำลังคนมาที่วังซั่งหยางก็เพราะหมายจะป้องกันมัน นึกไม่ถึงว่าตนคาดเดาไม่ผิด มันหลบซ่อนอยู่ในวังมาตลอดจริงเสียด้วย
ต่อให้หลี่เจาเกอพลิกราชธานีตะวันออกค้นหา แต่ใครจะกล้าตรวจค้นวังเล่า แมวดำหลบซ่อนอยู่ที่นี่ เจ้าเล่ห์เพทุบายโดยแท้
นางสกัดการจู่โจมที่มุ่งปลิดชีพ พละกำลังของมันไม่ใช่เล่นๆ จริงอยู่นางสกัดไม้ตายสังหารของมันไว้ได้ แต่แขนนางก็ถูกกระเทือนจนเจ็บแปลบ แขนขวาบริเวณที่ถูกตะปบบาดเจ็บคราวก่อนเริ่มปวดตุบๆ อีกครา
นางนึกว่าขับพิษปีศาจไปหมดแล้ว ตอนนี้เห็นทีว่าพิษชนิดนี้ไม่ได้เรียบง่ายเช่นนั้น
แมวดำโจมตีไม่สำเร็จจึงคำรามอย่างดุดันแล้วกระโจนเข้าสู่ความมืด วันนี้ฮ่องเต้นำพาผู้ร่วมงานมาชมระบำที่ริมน้ำ ไฟส่องสว่างไม่ทั่วถึง ซ้ำปีศาจแมวมีขนสีดำทั้งร่าง พื้นที่โดยรอบมองเห็นได้เพียงตะคุ่มๆ หาไม่พบจริงๆ ว่ามันไปซ่อนตัวอยู่ที่ใด
หลี่เจาเกอข่มทนความเจ็บปวดบนแขนขวา หมุนตัวกลับมาไถ่ถาม “เทียนโฮ่วเพคะ ไม่ทรงเป็นไรกระมัง”
เทียนโฮ่วพรูลมหายใจ ตอนนี้ค่อยรู้สึกขยาด ส่วนคนอื่นๆ ช้าไปครึ่งจังหวะกว่าจะตอบสนองได้ เพิ่งจะกรูกันมาตะโกนโหวกเหวกไม่หยุด “ถวายอารักขา มีผู้ลอบสังหาร รีบมาถวายอารักขา!”
สถานที่จัดเลี้ยงซึ่งเมื่อครู่ยังมีระบำดนตรีพลันโกลาหลไปทั่ว นักร่ายรำที่แสดงระบำอยู่ในศาลากลางน้ำเกาะกลุ่มกอดกันตัวสั่น บนพื้นมีชุดระบำสีเขียวชุดหนึ่งกับหน้ากากประดับรอยยิ้มพิกลอันหนึ่งตกอยู่
พวกนางไม่รู้เช่นกันว่าที่แท้เป็นเรื่องใด จู่ๆ พี่น้องที่ระบำอยู่ด้วยกันพลันกลายเป็นแมวตัวหนึ่ง โถมปราดไปทางศาลาริมน้ำ ซ้ำเป้าหมายยังมุ่งไปที่เทียนโฮ่ว ตอนนี้ทั่วศาลาริมน้ำมีแต่เสียงตะโกนคำว่าถวายอารักขา บางคนวุ่นกับการหนีภัย บางคนวุ่นกับการคุ้มกันฮ่องเต้ ทุกสิ่งทุกอย่างชุลมุนถึงขีดสุด ใครเล่ายังจะมีแก่ใจชมระบำอีก
หลี่ฉังเล่อโผไปถึงข้างกายเทียนโฮ่วด้วยความเป็นห่วง น้ำตาปริ่มคลอหน่วย “เสด็จแม่เพคะ ทรงไม่ได้รับบาดเจ็บกระมัง เมื่อครู่ลูกตกใจแทบตาย”
ยามนี้ต่อให้เป็นเทียนโฮ่วก็ยังหน้าซีดขาว นางส่ายศีรษะตอบว่า “ข้าไม่เป็นไร”
หลี่ไหวกับหลี่ซั่นรีบวิ่งมาไถ่ถามเช่นกัน หลี่ซั่นถูกความวิตกรุ่มร้อนจู่โจมใจ เพิ่งจะพูดจาก็ไอจนทนไม่ไหว หลี่ไหวกังวลจึงรีบสั่งการว่า “ที่นี่อันตราย คุ้มกันฝ่าบาทกับเทียนโฮ่วกลับวังหลวงจื่อเวยเร็วเข้า”
เหล่าองครักษ์รายล้อมฮ่องเต้กับเทียนโฮ่วไว้ หลี่ไหวกับหลี่ฉังเล่อยืนอยู่กลางวงล้อมชั้นในสุดร่วมกับเทียนโฮ่ว ทางหนึ่งตะโกนให้ถวายอารักขา อีกทางหนึ่งดูแลรัชทายาท แลดูทั้งภักดีกตัญญูทั้งกล้าหาญ ทว่าหลี่เจาเกอกลับจากศาลาอันอึกทึกนั้นมาเงียบๆ ยืนอยู่ท่ามกลางความมืด ในมือกุมกระบี่ธาราเร้น เพ่งสมาธิฟังเสียงความเคลื่อนไหวรอบทิศ
นางสังหรณ์ใจว่าแมวดำตัวนั้นไม่ได้จากไป หากไม่กำจัดมันเสีย ส่งองครักษ์มากเท่าใดไปอารักขาฮ่องเต้กับเทียนโฮ่วก็เปล่าประโยชน์
แมวดำเคลื่อนไหวไร้เสียง ซ้ำตอนนี้ด้านนอกหนวกหูยิ่งยวด เสียงฝีเท้ากับเสียงร้องแตกตื่นของผู้คนกลบความเคลื่อนไหวทุกสิ่ง นางจดจ่อสดับฟังก็ยังคงถูกขัดจังหวะอยู่ร่ำไป ทันใดนั้นนางก็รู้สึกถึงบางอย่างได้จึงรีบใช้กระบี่จู่โจม แต่น่าเสียดายยังคงสายเกินการณ์ แมวดำอาศัยเสียงอื้ออึงกับความมืดมิดกำบังตัว เหินพุ่งออกมาราวภูตผี ตะปบกรงเล็บมายังแขนนางโดยไม่ไว้ไมตรี นางรู้ตัวว่าช้าไปหนึ่งก้าวจึงไม่หลบเสียเลย และพลิกมือโจมตีกลับไปโดยตรง
นางใช้วิธีต่อสู้แบบทำร้ายศัตรูหนึ่งพันบ่อนทำลายตนเองแปดร้อย แมวดำสัมผัสได้ว่าไอสังหารมาถึงแผ่นหลัง จำต้องถอยหลบ กรงเล็บจึงถากแขนของนางไป แม้ไม่อาจทำให้แขนนางพิการดังที่วางแผนไว้ แต่ก็ตะปบเป็นแผลบนตัวนางได้ ไป๋เชียนเฮ่อกับโม่หลินหลางวิ่งมาหมายจะช่วยเหลือ ทว่าในความมืดสายตาถูกจำกัด ประกอบกับแมวดำผลุบๆ โผล่ๆ จุดเด่นของคนทั้งสองไม่อาจสำแดงได้เลย ทำได้แต่ถอยหลบอย่างทุลักทุเล
หลี่เจาเกอกุมกระบี่แน่น เอ่ยเสียงเย็นว่า “ปีศาจแมวตนนี้ไม่ใช่ปีศาจธรรมดาทั่วไป พวกเจ้าช่วยข้าไม่ได้ รีบหนีไปเสีย”
ไม่ทันขาดคำแมวดำก็กระโจนมาหานางอีกครา สิ่งเดียวที่นางลอบยินดีคือแมวดำชิงชังนางมากกว่าไป๋เชียนเฮ่อกับโม่หลินหลาง ดังนั้นการโจมตีเกือบทั้งหมดจึงพุ่งเป้ามาที่นาง หากมันไปโจมตีสองคนนั้น เกรงว่าพวกเขาคงไม่มีปัญญาจะหลบพ้น
นางกลัวว่ามันจะทำร้ายผู้อื่นจึงเหินร่างขึ้นไปบนหลังคาของศาลาริมน้ำ ขณะนี้แสงไฟในศาลาดับเกินครึ่งค่อน จอกสุรากับโต๊ะสำรับถูกผู้คนเตะล้มเกลื่อนกลาดเต็มพื้น เมื่อยืนสูงบนชายคาก็ดึงระยะห่างจากโลกด้านล่างอันวุ่นวายได้ในพริบตา วันนี้เป็นวันที่สิบสี่ของเดือน จันทรากลมเกลี้ยงดวงหนึ่งแขวนตัวอยู่บนผืนฟ้า ริมศาลาคือระลอกน้ำไหวระยับ แสงสะท้อนบนผิวน้ำถักทอกับรัศมีจันทร์ฉายต้องใบหน้านาง แสงวับวาวที่สั่นไหวเล็กน้อยนั้นทำให้ใบหน้านางแลดูไม่จริงแท้ยากจะจับต้อง
ท่ามกลางแสงที่อ่อนจาง แว่วเสียงกระเบื้องขยับแผ่วเบามาจากบริเวณหนึ่ง หลี่เจาเกอไม่ลังเลสักนิด จู่โจมไปยังทิศทางนั้นทันที
แมวดำอาศัยสีรัตติกาลพรางตัว ได้เปรียบอย่างมาก นางประมือกับมันไปหลายกระบวนท่า หวิดจะถูกตะปบบาดเจ็บหลายหน ตอนนี้เองมีกระแสลมพัดมาระลอกหนึ่ง แสงสว่างที่ใต้ฝ่าเท้าจ้าขึ้นทันตา โคมบนผิวน้ำราวถูกบางสิ่งดึงดูด ถึงกับลอยขึ้นกลางอากาศ ลอยตัวสูงๆ ต่ำๆ อยู่ข้างชายคาที่นางสู้ศึกกับแมวดำ
สถานการณ์ที่ตกเป็นรองพลันพลิกผัน นางมองเห็นท่าร่างของแมวดำได้ถนัดชัดเจนแล้ว จึงพลิกมือควงกระบี่โจมตีใส่มันโดยไม่รั้งรอ