ฮ่องเต้ได้เอนนอนสักพัก รู้สึกว่าความเจ็บปวดในศีรษะพอจะทุเลาแล้วจึงกล่าวว่า “วันนี้สีท้องฟ้าค่ำมืดมากแล้ว ในเมืองยังมีปีศาจแมวอาละวาด พวกเจ้าออกจากวังไม่ปลอดภัย วันนี้รั้งอยู่ในวังทุกคนเถิด”
นอกจากรัชทายาทกับหลี่ฉังเล่อ พวกหลี่เจาเกอล้วนมีจวนอยู่นอกวัง ปกติไม่พำนักในวังหลวง แต่เมื่อฮ่องเต้ลั่นวาจา พวกเขาเหล่าบุตรธิดาไม่พึงโต้แย้งจึงพากันขานรับ “ขอบพระทัยฝ่าบาท”
หลี่เจาเกอไม่เห็นแย้งในเรื่องนี้ ถึงอย่างไรคืนนี้นางก็ต้องค้นหาปีศาจแมว คงไม่ได้นอนอยู่แล้ว อยู่ที่ใดก็เหมือนกัน
ในวังหลวงมีที่ทางมากมาย พำนักกี่คนล้วนไม่เป็นปัญหา เพียงแต่การจัดเตรียมตำหนักให้องค์ชายองค์หญิงมากมายกะทันหัน ซ้ำในจำนวนนี้มีสามีภรรยาหลายคู่ ยังต้องใช้เวลาอีกสักพัก ฮ่องเต้ไม่สบายถือเป็นโอกาสงามที่จะแสดงความกตัญญู หลี่สวี่กับหลี่ไหวต่างบอกว่าคืนนี้จะอยู่เฝ้าพระอาการ เดิมนี่ควรเป็นหน้าที่ของรัชทายาท ทว่ารัชทายาทเพิ่งจะเอ่ยปากก็กลั้นไอไม่อยู่ ฮ่องเต้ฟังแล้วอึดอัดใจจึงกล่าวว่า “เราทางนี้มีเทียนโฮ่วดูแล ไม่จำเป็นต้องให้พวกเจ้าอยู่ พวกเจ้าล้วนแยกย้ายไปเถิด รัชทายาทร่างกายอ่อนแอ ไม่อาจตรากตรำ ชายารัชทายาทเจ้ากลับไปแล้วดูแลเขาให้ดี อย่าให้เขาป่วยไข้”
ชายารัชทายาทรีบขานรับ ในใจนางเสียดายอยู่บ้าง ฮ่องเต้ไม่สบาย เดิมทีนี่เป็นโอกาสงามที่จะสร้างชื่อเสียงด้านความกตัญญู แต่ช่วยไม่ได้ที่ร่างกายของรัชทายาทไม่เอาไหน ยังดีฮ่องเต้ไม่ได้ให้รัชทายาทอยู่เฝ้าและก็ไม่ได้รั้งให้ผู้อื่นอยู่แทน ไม่มีใครเก็บได้ผลประโยชน์ก็นับว่าเสมอกัน
บางทีอาจไม่เสมอกันหรอก จริงอยู่องค์ชายทั้งสามไม่มีใครเก็บได้ผลประโยชน์ ทว่าหลี่เจาเกอกลับได้อำนาจทหาร หากหลี่เจาเกอไม่ใช่สตรี ชายารัชทายาทคงจะสงสัยว่าอีกฝ่ายก็หมายชิงชัยในบัลลังก์นี้
ฮ่องเต้ออกคำสั่งไล่แขกแล้ว รัชทายาทจึงนำองค์ชายองค์หญิงที่เหลือทูลลาอย่างระมัดระวัง ครั้นออกจากประตูตำหนัก หลี่เจาเกอก็ประสานมือให้พี่น้องคนอื่นๆ “พวกท่านค่อยๆ เดิน ข้ายังต้องไปค้นหาปีศาจแมว ไม่ร่วมทางกับพวกท่าน ขอปลีกตัวไปก่อน”
รัชทายาทกับอู๋อ๋องย่อมจำได้ว่าเทียนโฮ่วมอบองครักษ์กับทหารหลวงแก่หลี่เจาเกอ ซึ่งฮ่องเต้ก็อนุญาตโดยนัยแล้ว ขณะนี้พวกเขาสองคนมองดูน้องสาวที่คึกคักกระฉับกระเฉง ความรู้สึกในใจพวกเขาให้ซับซ้อนยิ่งนัก
รัชทายาทไอสองสามที ก่อนตอบหลี่เจาเกอเสียงเบา “ลำบากน้องหญิงรองแล้ว พี่ชายคนนี้ไม่อาจค้ำจุนส่วนรวม ซ้ำต้องอาศัยน้องสาวปกป้อง ละอายใจจริงๆ”
หลี่เจาเกอยิ้มกล่าว “รัชทายาทเป็นรากฐานของแคว้น ไม่อาจให้เหตุพลาดพลั้งแม้น้อยนิดเกิดขึ้นกับท่าน งานหยาบอย่างการฆ่าฟันมอบให้ข้าทำเป็นอันใช้ได้ รัชทายาทมุ่งบริหารบ้านเมืองอย่างเดียวก็เพียงพอ”
องค์ชายทั้งสามได้ยินถ้อยคำเหล่านี้ก็แย้มยิ้มด้วยสีหน้าที่ต่างกันไป
จบคำหลี่เจาเกอแยกทางกับคนที่เหลือรุดไปที่ประตูวังเพื่อโยกย้ายทหารและจัดกำลังลาดตระเวน โม่หลินหลางกับไป๋เชียนเฮ่อรออยู่หน้าประตูวัง พอเห็นหลี่เจาเกอ โม่หลินหลางก็รีบเดินตรงไปเอ่ยเสียงเบา “องค์หญิง ก่อนที่รองตุลาการกู้จะออกจากวังบอกข้าไว้ว่าคืนนี้ปีศาจแมวจะไม่ปรากฏตัวอีก องค์หญิงไม่จำเป็นต้องอดนอน กลับไปรักษาอาการบาดเจ็บก็พอ”
หลี่เจาเกอคิดในใจ…เขาถือสิทธิ์อะไรบอกให้ข้ากลับไปข้าก็ต้องกลับไป นางเอ่ยหน้าไม่เปลี่ยนสี “ไม่ต้องสนใจเขา ลาดตระเวนค้นหาแมวดำก่อน”
โม่หลินหลางยังจะโน้มน้าวต่อ ไป๋เชียนเฮ่อกลับดึงนางไว้แล้วแอบส่ายหน้า
ฮ่องเต้กับเทียนโฮ่วสั่งให้หลี่เจาเกอจับกุมปีศาจแมว หลี่เจาเกอย่อมไม่อาจตรงกลับไปนอนสบายโดยไม่ทำอันใดเลย ต่อให้คืนนี้ปีศาจแมวไม่ปรากฏตัวอีกจริงๆ นางก็ต้องค้นหาให้พอเป็นพิธี
จริงดังที่คาดไว้ หลังจากหลี่เจาเกอลาดตระเวนไปเกือบหนึ่งรอบก็ทำทีกลับวังไปพักผ่อนอย่างเสียไม่ได้ ตำหนักบรรทมของนางยังคงเป็นตำหนักเต๋อชาง นางไปเปลี่ยนเสื้อแช่ชำระกายอย่างคุ้นเคยสถานที่ จากนั้นก็สั่งให้นางกำนัลออกไป ตนเองไปนั่งบนตั่งเริ่มเยียวยาอาการ
วันนี้นางกลับมาตำหนักไม่ใช่เพื่อนอนพัก ยิ่งไม่ใช่เพราะถ้อยคำที่กู้หมิงเค่อฝากไว้ หากแต่เพื่อจะขับพิษ
เดิมนางนึกว่าคราวก่อนจัดการพิษของปีศาจแมวเรียบร้อยแล้ว ไม่คาดว่าพิษชนิดนี้ดื้อด้านกว่าที่นางคิดไว้มาก ดูคล้ายพิษถูกขจัด แต่ทันทีที่โคจรปราณแท้พิษกลับกำเริบขึ้นมาอีก
ในใจหลี่เจาเกออดสงสัยไม่ได้ นี่คือพิษอันใดกันแน่ ปีศาจแมวธรรมดาหากไม่มีเวลาสักร้อยสักพันปีจะฝึกปรือจนมีพิษปีศาจที่ร้ายกาจเช่นนี้ได้จริงๆ น่ะหรือ