จุติรัก พลิกชะตาร้าย
ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 91-92
เดิมทีนางนึกว่าต้องสิ้นเปลืองเวลาไม่น้อย น่าแปลกตอนที่นางโคจรปราณแท้กลับค้นพบว่าในเส้นลมปราณโปร่งโล่งไม่มีติดขัด พิษปีศาจที่ตกค้างอยู่ก่อนหน้านี้ก็สลายไปเกินครึ่งค่อน ทีแรกนางประมาณไว้ว่าต้องใช้เวลาสามชั่วยาม ทว่าตอนนี้ไม่ถึงครึ่งเค่อนางก็วางมือลงได้ จึงประหลาดใจอย่างยิ่ง
พิษในตัวนางเล่า ใครกันขจัดให้นาง
นางขบคิดร้อยตลบก็ยังขบไม่แตก เนื่องจากเวลาขับพิษหดสั้นลงอย่างมากทำให้นางมีเวลาเพิ่มมามากมาย นางมองสีรัตติกาลที่เบื้องนอก ไม่มีอันใดให้ทำจึงได้แต่เข้านอน
ไม่รู้เพราะเหตุใดการนอนหนนี้จึงหลับได้สนิทเป็นพิเศษ ในห้วงฝันคล้ายมีกระเรียนเซียนกู่ร้องยาว มีภูเขาเมฆทะเลหมอก นางเดินอยู่ท่ามกลางหมอกขาวสุดลูกหูลูกตา ทุกลมหายใจล้วนได้ปราณวิเศษอันหมดจดชะล้าง จวบจนรู้สึกตัวตื่น ความรู้สึกกระจ่างหมดจดชนิดนั้นก็ยังคงตกค้างอยู่ในร่างกาย
นางลุกขึ้นเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ กำลังคิดจะไปเข้าประชุมขุนนาง นางกำนัลผู้ส่งสารก็วิ่งมายอบกายกล่าว “ทูลองค์หญิงเซิ่งหยวน เทียนโฮ่วมีพระราชเสาวนีย์ วันนี้ฝ่าบาทประชวร ยกเลิกการประชุมเช้าเพคะ”
วันที่สิบสี่เดือนเจ็ด ฮ่องเต้จัดเลี้ยงต้อนรับคณะทูตถู่ปัวที่วังซั่งหยาง ไม่นึกว่าจะเผชิญกับปีศาจแมว ฮ่องเต้ได้รับความตื่นตระหนก ต้องนอนพักฟื้นอยู่บนเตียงจึงให้หยุดประชุมขุนนางสามวัน
ภายในเขตวังชั้นนอก ผู้คนถกเรื่องอาการป่วยของฮ่องเต้กันไปต่างๆ นานา สุขภาพของพระองค์ทรุดโทรมเด่นชัดขึ้นทุกที เมื่อปีกลายพระองค์ยังพยายามกลบเกลื่อนได้ บัดนี้แม้แต่เรี่ยวแรงจะกลบเกลื่อนก็ไม่มีแล้ว ทุกคนรู้แจ้งแก่ใจ ราชอำนาจกำลังจะเปลี่ยนมือในไม่ช้า
ภายในตำหนักบูรพา หลี่ซั่นดื่มยาหมดถ้วยแล้วยื่นส่งให้ชายารัชทายาท ขันทีที่คอยอยู่อีกด้านหนึ่งรีบยกน้ำเดินขึ้นหน้ามาให้รัชทายาทล้างมือ
ผู้ช่วยพระอาจารย์รัชทายาทถามว่า “กระหม่อมไม่ได้มาเข้าเฝ้าองค์รัชทายาทเสียนาน พักนี้พระพลานามัยดีขึ้นบ้างหรือไม่”
หลี่ซั่นอมพุทราเคลือบน้ำผึ้งลูกหนึ่ง ข่มรสขมที่ติดปลายลิ้น เมื่อได้ยินคำถามนี้จึงตอบปนยิ้มขื่น “ยังเหมือนเก่านั่นล่ะ รบกวนให้ท่านต้องเป็นห่วงข้า เสียแรงข้าได้เสนาบดีที่เก่งกาจสอนสั่ง กลับไม่มีความสามารถจัดการงานบ้านเมือง ละอายใจต่อพระอาจารย์ทุกท่านโดยแท้”
ยุคนี้ตำแหน่งไท่ฟู่ ไท่ซือ และไท่เป่าถูกเรียกรวมว่าสามพระอาจารย์ ตำแหน่งเซ่าฟู่ เซ่าซือ และเซ่าเป่าเป็นตำแหน่งผู้ช่วย ถูกเรียกรวมว่าสามผู้ช่วยพระอาจารย์ ล้วนมีหน้าที่สอนชี้แนะรัชทายาท ต่อมาสามพระอาจารย์และสามผู้ช่วยพระอาจารย์ค่อยๆ กลายมาเป็นตำแหน่งลอย หลี่ซั่นถูกแต่งตั้งเป็นรัชทายาทมาช้านาน ต่อให้สามพระอาจารย์ไม่เคยมาสอนรัชทายาทจริง อย่างไรเสียหลายปีมานี้ก็สั่งสมไมตรีในหมู่ขุนนางร่วมราชสำนักไว้ให้รัชทายาทจำนวนหนึ่ง
หลี่ซั่นซื่อตรงจิตใจดี ให้เกียรติผู้มีความสามารถ ฮ่องเต้ไม่ชอบที่หลี่ซั่นอ่อนแอไม่เด็ดขาด แต่ขุนนางเก่าแก่หลายคนกลับชอบอุปนิสัยเช่นนี้ของเขามาก ในบรรดาขุนนางเก่าแก่เหล่านี้พระอาจารย์เฉาและผู้ช่วยพระอาจารย์สวีมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับหลี่ซั่นมากที่สุด เข้าออกตำหนักบูรพาเป็นประจำ หลี่ซั่นถามว่า “ปีนี้ข้าป่วยซ้ำซาก ออกจากวังน้อยครั้งยิ่ง ไม่รู้พระอาจารย์เฉาสุขภาพเป็นเช่นไร ขาที่บาดเจ็บฟื้นตัวแล้วใช่หรือไม่”
เมื่อปีกลายตอนผีฝูจีอาละวาด บุตรหลานสกุลเฉาอกตัญญูนำผีร้ายกลับเข้าจวน ทีแรกโรคเก่าของพระอาจารย์เฉาหายเป็นปลิดทิ้งในวันเดียวอย่างน่าประหลาด พระอาจารย์เฉาดีใจออกไปเดินเล่นในสวนดอกไม้ ไม่คาดว่าจะหกล้มขาหัก คนหนุ่มสาวหกล้มขาหัก เอนนอนไม่กี่เดือนก็หายได้ ทว่าพระอาจารย์เฉาสูงวัยแล้ว อายุปูนนี้หกล้มขาหักไม่ใช่ข่าวดีเลยจริงๆ
ผู้ช่วยพระอาจารย์สวีเผยสีหน้าสะท้อนใจ ไม่บอกรายละเอียด เพียงตอบผ่านๆ “พระอาจารย์เฉาสงบใจพักฟื้นอยู่ในจวน คราวก่อนกระหม่อมไปเยี่ยมเขา เขาบอกว่าชีวิตนี้ได้ถวายการสอนองค์รัชทายาท ไม่มีความเสียดายใดแล้ว เพียงแต่วางใจเรื่องท่านไม่ลง ท่านจะผิดต่อความคาดหวังของพระอาจารย์เฉาไม่ได้เชียว ต้องหายดีให้ได้นะพ่ะย่ะค่ะ”
หลี่ซั่นเห็นอีกฝ่ายเลี่ยงไม่เอ่ยลงลึก ในใจก็พอจะรู้อาการของพระอาจารย์เฉาแล้ว พระอาจารย์เฉาเคยมีบุญคุณสอนสั่งเขามาจริง เขาจึงรู้สึกเศร้าใจอย่างยิ่ง เอ่ยปนสะอื้น “ได้เป็นศิษย์ของท่านเฉาก็เป็นความโชคดีของข้าเช่นกัน”
หลี่ซั่นกล่าวจบ อารมณ์ดิ่งฮวบ เนิ่นนานไม่อาจทำใจได้ ผู้ช่วยพระอาจารย์สวีเห็นหลี่ซั่นอารมณ์เปราะบางเพียงนี้ก็อดลอบถอนใจไม่ได้
จริงอยู่รัชทายาทหลี่ซั่นเป็นคนจริงใจมีเมตตา ทว่าอารมณ์เปราะบางเกินไป อุปนิสัยเช่นนี้ไม่เป็นที่ชื่นชอบของฮ่องเต้กับเทียนโฮ่วก็ไม่แปลก
ผู้ช่วยพระอาจารย์สวีพลันเปลี่ยนน้ำเสียง เอ่ยกระซิบว่า “องค์รัชทายาท กระหม่อมมีบางคำพูดอยากทูลตามลำพัง ทรงให้คนรอบข้างออกไปก่อนได้หรือไม่”
หลี่ซั่นเห็นสีหน้าอีกฝ่ายจริงจัง คาดเดาได้ว่ามีเรื่องสำคัญบางอย่างจะกล่าว จึงแสดงท่าทีให้บ่าวรับใช้ทั้งหมดออกไป ชายารัชทายาทมองซ้ายขวา คิดจะออกไปเช่นกัน แต่ถูกหลี่ซั่นยับยั้งไว้ “ชายารัชทายาทไม่ใช่คนนอก ท่านสวีพูดตามตรงได้อย่างเต็มที่”
เมื่อขึ้นนั่งตำแหน่งชายารัชทายาท นางย่อมมีส่วนได้ส่วนเสียร่วมกับตำหนักบูรพา แม้แต่คนทั้งตระกูลของนางก็ผูกโยงกับรัชทายาทอย่างลึกซึ้ง ขอเพียงนางเป็นผู้มีสมองปกติจะไม่คิดคดเป็นอันขาด ผู้ช่วยพระอาจารย์สวีไม่ได้เห็นแย้ง เพียงเหลือบมองนางแวบหนึ่งก่อนเอ่ย “องค์รัชทายาท ฝ่าบาททรงยกเลิกการประชุมขุนนางไปสามวันแล้ว สามวันมานี้งานทุกอย่างในราชสำนักล้วนได้เทียนโฮ่วเป็นผู้ชี้ขาด กระทั่งตราหยกแผ่นดินยังมอบให้นางเก็บรักษา ส่วนตราคำสั่งทหารก็อยู่ในมือองค์หญิงเซิ่งหยวน ไม่กี่วันนี้นางโยกย้ายองครักษ์กับทหารหลวงสิบหกหน่วยตั้งหลายครั้ง ออกจับกุมปีศาจแมวไปทั่วเมือง องค์รัชทายาท เรื่องนี้ทรงคิดเห็นเช่นไรพ่ะย่ะค่ะ”
พักนี้หลี่ซั่นแม้เจ็บป่วย แต่ก็ใช่ว่าไม่ไถ่ถามเรื่องภายนอก เขาเป็นรัชทายาทมาสิบปี ทำงานไม่ค่อยเด็ดขาด แต่ใช่ว่าไม่มีสัมผัสอันเฉียบคมต่อทิศทางการเมือง ตอนนี้ฮ่องเต้ป่วยหนัก เทียนโฮ่วกุมอำนาจปกครอง ผู้บัญชาการกองทัพเปลี่ยนคน ทุกสิ่งล้วนแผ่กลิ่นอายเข้มชัดว่ามรสุมกำลังจะกระหน่ำ
หากหลี่เจาเกอเป็นองค์ชาย ตอนนี้หลี่ซั่นคงนั่งอยู่ในตำหนักบูรพาไม่ติดแล้ว ทว่านางเป็นเพียงองค์หญิง แม้เขารู้สึกถึงอันตราย แต่ก็ยังไม่ถึงขั้นกระสับกระส่ายทั้งกลางวันกลางคืน ฮ่องเต้ไม่ได้มอบอำนาจทหารแก่องค์ชายอื่น พระองค์มอบให้หลี่เจาเกอก็พิสูจน์ได้ว่ายังคงสนับสนุนตำหนักบูรพา หาไม่…ขอเพียงพระองค์ชมเชยหลี่ไหวต่อหน้าผู้คนสองสามประโยค แล้วให้หลี่ไหวรับหน้าที่ตรวจตราประตูวังแทนชั่วคราว เท่านี้ทิศทางลมในราชสำนักก็จะเปลี่ยนทันที
ทว่าพระองค์เลือกหลี่เจาเกอ ทางหนึ่งเพื่อจับกุมปีศาจแมว อีกทางหนึ่งเพื่อบอกชัดว่าพระองค์ไม่อยากให้บุตรชายที่เหลือมีบารมีกลบรัชทายาท หลี่ซั่นต่างจากองค์ชายทั่วไป เขาคือว่าที่ประมุขแผ่นดิน คือผู้สืบทอดโดยชอบธรรม ขอเพียงฮ่องเต้ไม่ปลดรัชทายาท เขาไม่ต้องแก่งแย่งอันใดทั้งสิ้นก็จะรับมอบบัลลังก์ได้อย่างถูกต้อง