ที่จริงแล้วผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นของเจี่ยนเหยียน ตอนนี้กำลังอยู่ในมือของสวีจ้งเซวียน
หลังเขาอยู่คุยกับสวีเมี่ยวจิ่นที่เรือนหนิงชุ่ยสักพัก ก็ลุกขึ้นตั้งใจกลับไปที่ห้องหนังสือของตนเองเช่นกัน
แต่ตอนที่ยืนอยู่หน้าประตูเรือนหนิงชุ่ยได้เห็นดอกท้อริมฝั่งกำลังเบ่งบานงดงาม เขาจึงเดินตามริมฝั่งไปพลางชื่นชมความงามของต้นท้อเหล่านั้น
จากนั้นหลังเดินเล่นไปเช่นนี้สักพัก เขาก็ได้เห็นดอกท้อที่ปักอยู่ใต้ต้นท้อต้นหนึ่งกิ่งนั้นเข้า
เขาจดจำดอกท้อกิ่งนั้นได้ในทันทีว่าเป็นกิ่งที่เขายื่นให้เจี่ยนเหยียนกับมือตนเองตอนที่นางเตรียมกลับจากเรือนหนิงชุ่ย เพราะว่าตอนที่เขาหยิบดอกท้อขึ้นมาจากโต๊ะ ไม่ทันระวังโดนดอกท้อดอกหนึ่งบนกิ่งร่วงหลุด ตำแหน่งตรงนั้นจึงโล่งไป
สวีจ้งเซวียนมองดอกท้อกิ่งนี้ แววตาวูบไหวน้อยๆ จากนั้นมุมปากกลับหยักยกขึ้นมา
เจี่ยนเหยียนผู้นี้รังเกียจเขามากเพียงใดกันแน่ นึกไม่ถึงว่าแม้แต่ดอกท้อที่เคยผ่านมือเขามาแล้วก็ไม่ต้องการ ทว่าตัวนางเองก็น่าสนใจอยู่ ไม่ได้โยนดอกท้อทิ้งไปข้างทางหรือโยนลงน้ำส่งๆ กลับกันยังตามหาพื้นที่ชุ่มมาปลูกลงไป เพราะเหตุใดกัน หรือนางยังหวังให้ดอกท้อที่ถูกเด็ดกิ่งนี้งอกรากออกมาได้หรือไร
สวีจ้งเซวียนหลุบตามองดอกท้อกิ่งนี้ เมื่อมีลมพัดกิ่งหลิวที่อ่อนโยนข้างสระก็แกว่งไกวให้เกิดเป็นระลอกคลื่นน้ำวงแล้ววงเล่า ส่วนกลีบดอกท้อสีชมพูอมขาวบนกิ่งท้อกลับถูกพัดร่วงหล่นไปสองกลีบ
เกรงว่าไม่ทันถึงพรุ่งนี้เช้าดอกท้อบนกิ่งนี้ก็คงถูกลมพัดร่วงหมดแล้วกระมัง ถึงเวลานั้นมิใช่จะเหลือแค่กิ่งท้อโกร๋นกิ่งหนึ่งหรอกหรือ โดยไม่ทันรู้ตัวเขาก็นั่งยองๆ ลงไปดึงดอกท้อกิ่งนั้นออกมาแล้ว
ส่วนปลายกิ่งมีดินโคลนแห้งติดอยู่ เขาจึงนำกิ่งท้อไปหาพื้นที่ที่ค่อนข้างตื้นริมฝั่ง จากนั้นล้างดินโคลนที่ติดอยู่อย่างตั้งใจ หลังล้างดินโคลนที่ปลายกิ่งออกจนหมด ในตอนที่เขากำลังจะยืดตัวตรง ปลายหางตากลับเหลือบไปเห็นว่าที่พงหญ้าด้านข้างมีของบางอย่างอยู่ เมื่อหันไปมองอย่างตั้งใจจึงเห็นว่านั่นเป็นผ้าเช็ดหน้าผืนหนึ่ง
เพราะผ้าเช็ดหน้าเป็นสีเขียวอ่อน เมื่อตกอยู่บนพื้นหญ้าเช่นนี้จึงไม่ได้สะดุดตา ถูกมองข้ามไปได้อย่างง่ายดาย
มุมหนึ่งของผ้าเช็ดหน้าปักลายช่อดอกกล้วยไม้ไว้ ยามมองแวบแรกช่อดอกกล้วยไม้นี้กลับไม่คล้ายปักลงไป แต่เสมือนวาดลงไปเสียมากกว่า ดูประณีตงดงามสมจริง
เมื่อครู่นี้สวีจ้งเซวียนเพิ่งได้เห็นถุงพกลายกระต่ายเจี้ยนที่เจี่ยนเหยียนปักจากสวีเมี่ยวจิ่น ดังนั้นจึงมองออกทันทีว่าช่อดอกกล้วยไม้นี้เป็นฝีมือเจี่ยนเหยียนเช่นกัน ดังนั้นผ้าเช็ดหน้าผืนนี้ก็ย่อมเป็นของเจี่ยนเหยียนด้วย
เขายื่นมือไปเก็บผ้าเช็ดหน้าขึ้นมา บางส่วนบนผ้าเช็ดหน้ายังมีร่องรอยเปียกน้ำอยู่ คาดว่าเมื่อครู่นี้น่าจะถูกนำมาใช้เช็ดมือ ตอนที่เก็บกลับเข้าไปในชายแขนเสื้อไม่ทันระวังเก็บเข้าไปไม่ลึกพอจึงตกอยู่บนพื้นหญ้า
สวีจ้งเซวียนคิดแล้ว สุดท้ายเขาก็เก็บผ้าเช็ดหน้าผืนนี้เข้าไปในชายแขนเสื้อตนเอง ส่วนมือก็ถือดอกท้อเดินกลับไปที่ห้องหนังสือของตน เขาหาแจกันติ้งเหยา* เคลือบสีขาวคอสูงออกมารินน้ำใส่ จากนั้นปักดอกท้อลงไป ก่อนจะมองสำรวจอย่างตั้งใจสักพักแล้วถึงได้วางลงบนโต๊ะหนังสือ หลังทำเรื่องนี้เสร็จเขาจึงเอ่ยถามฉีซังที่ยืนมือแนบลำตัวอยู่ด้านข้าง “เรื่องที่ข้าให้เจ้าไปสืบมาเป็นอย่างไรบ้างแล้ว”