มือปราบใหญ่น้อยของหน่วยประตูหกบานเร่งควบม้ามาตามเสียง บางคนตามมาจากในเมือง บางคนเป็นคนที่มู่ไคเวยวางตัวไว้ให้อยู่นอกเมือง แต่พอทั้งสองฝ่ายมาเจอกันตรงกลางทางก็พากันตามนางมาที่ป่านอกเมืองทางทิศตะวันออก
มู่ไคเวยโบกมือเป็นการบอกว่านางไม่เป็นไร และไม่มีเวลาอธิบายมาก นางรีบออกคำสั่ง “คนร้ายเอาม้าที่เราเตรียมไว้ไปแล้ว มุ่งหน้าขึ้นไปบนภูเขา อารามเป่าหวาถือเป็นสถานที่ต้องสงสัย เถี่ยต่าน เจ้าพาคนอ้อมไปที่ภูเขาด้านหลังอารามเป่าหวา แล้วตรวจดูว่าเหมาะสำหรับเข้าออกหรือไม่ แม้แต่ทางเดินของสัตว์ป่าก็อย่าปล่อยผ่าน และจำไว้ให้ดีว่าอย่าแหวกหญ้าให้งูตื่น หากมีคนใช้ภูเขาด้านหลังเข้าออก ไม่ต้องสนใจว่าเป็นใคร ให้จับตัวไว้ก่อนแล้วค่อยว่ากัน”
“ขอรับ ข้าจะรับผิดชอบเอง รับรองว่าจะไม่ปล่อยให้แมลงวันสักตัวหลุดรอด ลูกพี่โปรดวางใจ!”
บุรุษหนุ่มอายุยี่สิบปีผู้มีฉายาว่าเถี่ยต่านมีรูปร่างเตี้ยล่ำ ผิวสีเข้ม ทันทีที่ได้รับคำสั่ง มือใหญ่เท่าใบพัดก็ตบอกหนาปึงๆ เป็นการรับรอง
มู่ไคเวยหันไปพูดกับผู้ใต้บังคับบัญชาที่อยู่อีกด้าน “ปี้โถว พี่ใหญ่จิ่ง พวกเจ้ารับผิดชอบเรื่องการซุ่มดูอารามเป่าหวาทั้งซ้ายและขวา ต้องคอยจับตาทั้งกลางวันและกลางคืน”
“ใต้เท้า คืนนี้พวกเราตามมาถึงที่นี่ หากอารามเป่าหวามีปัญหาจริง เรื่องมันไม่น่าจะง่ายนะขอรับ” ปี้โถวเป็นมือดีของหน่วยประตูหกบานที่มีประสบการณ์ถึงยี่สิบกว่าปี เขาอยู่ในลำดับที่สองของสี่หัวหน้า อันที่จริงด้วยความเก่งของเขาสามารถขึ้นไปได้สูงกว่านี้ น่าเสียดายที่เขาเป็นคนใจคอเย่อหยิ่ง มักจะคอยขัดหูขัดตาคนไปทั่ว ยากนักกว่าที่เขาจะยอมลงให้สตรีอย่างมู่ไคเวย และติดตามทำงานให้นางด้วยความเต็มใจ
ฟังคำพูดของเขาแล้ว มู่ไคเวยผงกศีรษะเป็นเชิงบอกว่าเข้าใจ
“อารามเป่าหวาเป็นสถานที่ประดิษฐานของพระอัฐิของพระพุทธองค์ ได้รับการอุปถัมภ์จากราชสำนักมาอย่างยาวนาน ไม่อาจบุกเข้าไปโดยง่าย อีกห้าวันก็จะมีการประกอบพิธีทางศาสนาประจำปีต่อหน้าพระประธานในวัด เจ้าอาวาสอายุร่วมเก้าสิบปีจะออกมาแสดงธรรมด้วยตนเอง ราชสำนักมีคำสั่งลงมาว่างานนี้ไทเฮาจะเสด็จด้วย” มู่ไคเวยใช้กุญแจปลดกุญแจมือเหล็กบนข้อมือตนเองออกแล้วเก็บเอาไว้ นางเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ถือเป็นโอกาสอันดี หากใช้กำลังบุกเข้าไปไม่ได้ เช่นนั้นก็ให้พี่น้องเราเดินเข้าไปอย่างเปิดเผยเลยเถอะ”
เวลาหน่วยประตูหกบานปฏิบัติภารกิจจะไม่เคยยัดข้อหาหรือสร้างความวุ่นวายมาก่อน แต่จะเลือกใช้วิธีที่ธำรงความสงบเรียบร้อยเอาไว้ สามารถเห็นผลได้ชะงัด ซึ่งวิธีเหล่านี้พวกเขาเคยใช้กันมาแล้วและได้ผลดังใจ
ปี้โถวไม่เคยสนใจหัวหน้าที่เอาแต่ยึดมั่นในกฎระเบียบแบบแผน ไม่รู้จักคิดนอกกรอบ และไร้จินตนาการ เทียบกันแล้ว ‘ตุ๊กตาแซ่มู่’ คนนี้ยังดีกว่า เพราะนางร้ายกาจจนฮ่องเต้เฒ่ายังไม่กล้าแตะต้อง หึๆ ถูกตาต้องใจข้านัก
ทุกคนเข้าใจความหมายของหัวหน้าจึงมองตากันแล้วยิ้มอย่างรู้ความนัยแม้จะไม่ได้พูดออกมา ก่อนจะร้องรับเป็นเสียงเดียวกัน “น้อมรับคำสั่ง!”
(ติดตามตอนต่อไปวันที่ 25 ต.ค. 62)