หลังเที่ยง รถม้าพาหญิงสาววิ่งไปบนถนนหลวงที่ทอดกลับไปสู่เมืองหลวง แต่เนื่องจากมีฝนตกหนักติดต่อกันหลายวันทำให้ถนนมีโคลนเลนจับหนา แม้สายพิรุณจะเบาลงแล้วแต่ยังคงพร่างพรม เสียงกีบม้าย่ำแอ่งน้ำกระเซ็นเป็นฝอยกับเสียงล้อรถบดดังกึกๆ สร้างบรรยากาศชวนเกียจคร้านให้แก่สมองที่ถูกมู่ไคเวยใช้งานอย่างหนักให้ค่อยๆ ผ่อนคลายลง
กึก! ปัง!
รถม้าสะเทือนอย่างไม่ทันให้ตั้งตัวจนตัวรถเอียงวูบไปด้านหนึ่ง ทำให้ล้อที่อยู่ด้านล่างขยับไม่ได้
“คุณหนู” คนบังคับรถม้าของสกุลมู่ที่สวมเสื้อและหมวกหญ้าอยู่หน้ารถรีบเลิกผ้าม่านขึ้นสำรวจ “ท่านเป็นอะไรหรือไม่”
“อากุ้ย ข้าไม่เป็นไร” มู่ไคเวยนั่งตัวตรงแล้วเก็บผลไม้ที่กระจัดกระจายใส่กลับเข้าไปในตะกร้าใบใหญ่พลางถาม “ล้อรถติดหล่มใช่หรือไม่ แล้วม้าเราได้รับบาดเจ็บที่ใดบ้าง”
อากุ้ยโบกมือ “มันไม่ได้รับบาดเจ็บขอรับ ไม่เป็นไรเลย คุณหนูนั่งดีๆ นะขอรับ ข้าจะบังคับม้าให้ลากรถขึ้นจากหล่ม”
“ข้าช่วยนะ” มู่ไคเวยพูดพลางยันกายขึ้นเตรียมกระโดดออกไปด้านนอก
อากุ้ยร้อนใจรีบโบกไม้โบกมือเป็นพัลวันจนสุดท้ายเขาต้องยึดผ้าม่านเพื่อกันมู่ไคเวยไว้ไม่ให้กระโดดลงจากรถ “ไม่ได้ๆๆ ขอรับ! คุณหนูห้ามลงมาเจอฝนเด็ดขาด! คุณหนูทุกคนสมควรได้รับการทะนุถนอมดูแลอย่างดี คุณหนูของเราก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น!”
มู่ไคเวยกุมหน้าผากหัวเราะ “อากุ้ย อย่าลืมสิว่าข้าเป็นเจ้าหน้าที่ของหน่วยประตูหกบาน เคยบุกน้ำลุยไฟมาแล้ว ใช่ว่าจะไม่เคยตากฝนเสียหน่อย เหตุใดยังต้องทะนุถนอมดูแลอีก”
“ข้าไม่สนใจเรื่องนั้นหรอกขอรับ เวลานี้ท่านคือคุณหนูของบ้านเรา เป็นคุณหนูนะขอรับ มิใช่หัวหน้ากลุ่มสี่ปักษีอะไรนั่น หากปล่อยให้ท่านต้องลงไปตากฝน มิเท่ากับเป็นการตบหน้าข้าหรือ ไม่ได้เด็ดขาด!”
ที่บอกว่า ‘บ่าวรังแกนาย’ เนื่องจากบ่าวเก่าแก่พวกนี้เห็นนางมาตั้งแต่เล็กจนโต พวกเขาเป็นบ่าวรับใช้และผู้ติดตามที่ทำงานรับใช้ใกล้ชิดมาตั้งแต่สมัยท่านปู่ ทำให้มู่ไคเวยถูกพวกเขา ‘รังแก’ และ ‘อบรม’ จนคุ้นชิน ไม่อาจวางมาดอย่างที่ผู้เป็นนายควรมีได้
ระหว่างที่มู่ไคเวยกำลังคิดหนักว่าจะพูดเกลี้ยกล่อมอากุ้ยอย่างไร จู่ๆ อากุ้ยที่อยู่นอกรถก็ตวาดถามเสียงดัง
“ผู้ใด!”
มู่ไคเวยสะดุ้งแล้วเลิกสนใจเรื่องอื่น นางใช้มือปัดผ้าม่านออกอย่างแรง ท่ามกลางสายฝน นางเห็นอากุ้ยชักดาบล่าสัตว์ที่เขาเคยนำติดตัวไปผ่านสงครามทั่วทุกทิศและอาบเลือดสดๆ มานับครั้งไม่ถ้วนออกจากฝัก พร้อมหันไปเผชิญหน้ากับรถเทียมม้าคู่คันสีดำแต่งดงามประณีตอย่างที่สุดคันหนึ่ง
รถม้าคล้ายจงใจวิ่งเข้ามาตอนที่อากุ้ยกำลังจะปะทะกับนาง ประกอบกับมีเสียงฝนตกมาไม่ขาด ทำให้พวกเขาไม่ทันสังเกตเห็นมันชั่วขณะ ดังนั้น เมื่อรถม้าวิ่งมาหยุดอยู่ที่นั่นอย่างกะทันหันจึงทำให้อากุ้ยตกใจจนต้องชักมีดออกมา
คนบังคับรถม้าของฝ่ายตรงข้ามไม่ตอบแต่กระโดดลงจากรถมาพร้อมเปิดม่านดิ้นทองของตัวรถด้านหลังอย่างรวดเร็ว
“ล้อติดหล่มหรือ อืม…ดูจากสภาพแล้วคงต้องออกแรงมากทีเดียว หากใต้เท้ามู่ไม่รังเกียจ ให้คนของข้าช่วยดีหรือไม่”