น้ำเสียงทุ้มต่ำดุจลมฤดูวสันต์ดังผ่านหูมาทำให้มู่ไคเวยต้องมองบุรุษใบหน้าขาวจัดดุจหิมะที่นั่งพิงหมอน อยู่ในรถม้า หัวใจของนางเต้นแรงขึ้น รู้สึกตกใจจนหายใจผิดจังหวะเล็กน้อย
หญิงสาวกระโดดลงจากรถ กดมือที่ถือมีดของอากุ้ยลงแล้วก้มศีรษะคารวะ “ไม่ทราบว่าท่านคังอ๋องมาเลยเสียมารยาท ต้องขออภัยเพคะ”
“ขออภัยอะไรกัน ใต้เท้ามู่พูดเช่นนี้…เท่ากับไม่เห็นข้าเป็นสหายน่ะสิ”
น้ำเสียงขัดเขินคล้ายกำลังตัดพ้อทำให้มู่ไคเวยต้องช้อนตาขึ้นมองอีกครั้ง นางรู้สึกร้อนวาบในอกอย่างมาก
ท่านอ๋องหม้อต้มยาคนนี้เป็นที่รู้จักกันดีในเมืองหลวง ใบหน้าคมคายอมโรคแลดูใสซื่อบริสุทธิ์ นัยน์ตาเป็นประกายของเขาทำให้มู่ไคเวยมองความนัยที่ซ่อนอยู่ได้ว่าเขากำลังรู้สึกยินดีอย่างแท้จริง ราวกับว่าการได้เจอนาง พูดคุยกับนาง ทำให้เขารู้สึกเบิกบานใจอย่างยิ่ง
“ท่านอ๋อง ผู้น้อยมิได้…”
“ขึ้นรถก่อนดีหรือไม่” ฟู่จิ่นซีตัดบทหญิงสาวแล้วยิ้มเขินๆ ให้นาง “ข้าจะส่งเจ้ากลับจวน”
มู่ไคเวยปฏิเสธไม่ได้
นางต้องยอมให้ท่านอ๋องผู้มีบรรดาศักดิ์ขั้นหนึ่งและเป็นเชื้อพระวงศ์ผู้ประทานความเมตตาอยู่แล้ว เนื่องจากฝนที่ตกอย่างต่อเนื่องทำให้รถม้าของนางติดหล่ม อากุ้ยผู้เป็นบ่าวอาวุโสของนางจึงปรารถนาให้มีใครสักคนมาดูแลมู่ไคเวยพอดี ด้วยเหตุนี้พอฟู่จิ่นซีเชิญหญิงสาวขึ้นรถด้วยน้ำเสียงที่เกือบจะเป็นการคาดหวัง อากุ้ยจึงดีใจมากกว่าใครและไม่คอยให้มู่ไคเวยได้มีท่าที เขาก็ตัดสินใจแทนนางอย่างรวดเร็วด้วยการผลักคุณหนูขึ้นรถม้าของอีกฝ่าย
ยังดีที่ผู้ติดตามและองครักษ์สองคนของจวนคังอ๋องอยู่ช่วยอากุ้ย มู่ไคเวยเลยทำใจกว้างด้วยการเข้าไปนั่งในรถม้าขนาดใหญ่ที่มีกลิ่นหอมของยาสมุนไพรเข้มข้นกับเจ้าของรถที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม
รถม้าของจวนคังอ๋องนั่งสบายจริงๆ แม้จะวิ่งอยู่บนถนนที่เต็มไปด้วยดินเลนก็ไม่รู้สึกโคลงเคลงมาก
เมื่อขึ้นมาแล้วก็ต้องนั่งให้สบาย มู่ไคเวยคิดในใจ อีกประการคือนางอยากไขข้อสงสัยมากมายที่มีต่อตัวฟู่จิ่นซีแห่งจวนคังอ๋อง โอกาสนี้จึงมาอย่างได้จังหวะพอดี
“ท่านอ๋อง…” มู่ไคเวยยังถามไม่ทันจบก็ถูกคำถามของชายหนุ่มทำให้ต้องนิ่งงัน
“ที่ใต้เท้ามู่ออกนอกเมืองมาวันนี้เพราะไปเคารพสุสานที่ทะเลสาบหลิ่วหู ซึ่งอยู่ห่างจากตัวเมืองออกไปสิบลี้หรือ” ฟู่จิ่นซียิ้มนิดๆ พูดเสียงนุ่ม “วันนี้เป็นวันหยุดของเจ้าจึงไม่ต้องสวมชุดขุนนาง แต่การที่เจ้าสวมชุดขาว และเมื่อครู่ข้าเห็นแวบๆ ว่าในรถม้ามีโต๊ะบูชากับของเซ่นไหว้ เพราะผลไม้บางส่วนหล่นออกมานอกตะกร้า ประกอบกับทิศทางที่รถม้าวิ่งมาทำให้ข้าสรุปเช่นนี้…ข้าเดาถูกหรือไม่”
มู่ไคเวยยกมุมปากขึ้นนิดๆ เลียนแบบชายหนุ่ม แล้วผงกศีรษะ “สมัยที่ท่านแม่มีชีวิตอยู่นางรักทิวทัศน์ที่ทะเลสาบหลิ่วหูเป็นที่สุด ท่านพ่อจึงจัดหาที่ดินให้นาง เพื่อให้ท่านแม่ได้พักผ่อนอยู่ในธรรมชาติไปตลอดกาล”