ซ่อนรักชายาลับ
ทดลองอ่าน ซ่อนรักชายาลับ เล่ม 3 บทที่ 67 – 68
คนที่ถูกบุรุษผู้หนึ่งหลอกร่วมหลับนอนมาสองปีอย่างนางมีสิทธิ์อันใดถึงสามารถก้าวกระโดดมาเป็นชายารองของสุยอ๋องเช่นนี้ได้
แต่สุยอ๋องคิดรับหลิ่วเหมียนถังเป็นอนุจริงๆ ลูกแมวน้อยที่มือเท้าพิการตัวหนึ่งจะร้ายกาจได้สักเท่าไร
นางถูกคนหลอกให้เสียกาย คิดว่าคงรู้ว่าตนเองหาคู่ครองดีๆ อะไรไม่ได้ รอสินสอดถูกส่งไปถึง พวกสกุลลู่ล้วนต้องซาบซึ้งใจจนน้ำตาไหล
แต่งกับโจรหญิงที่ซาบซึ้งในบุญคุณตน…สุยอ๋องพลันรู้สึกว่าวันเวลาน่าเบื่อหน่ายคล้ายมีเป้าหมายขึ้นมา
ในเมื่อรับอนุอย่างเป็นทางการ ขนบประเพณีที่ควรมีจึงไม่อาจตกหล่นสักอย่าง ดังนั้นตอนที่รถม้าสินสอดห้าคันของสุยอ๋องไปจอดขวางบ้านสกุลลู่ ถนนทั้งสายต่างมีคนมามุงดู
บ่าวเฝ้าประตูเคยเจออะไรเช่นนี้มาก่อนที่ใดกัน แม้ก่อนหน้านี้จะเคยรับรองท่านโหวผู้หนึ่ง แต่อ๋องราชสกุลเช่นนี้ไม่เคยรับรองมาก่อนนี่นา!
รอพ่อบ้านจวนอ๋องที่ตามแม่สื่อมาประกาศถึงเจตนาที่มา บ่าวชายเสมือนกระต่ายที่ถูกสุนัขไล่ พุ่งเข้าไปในห้องท่านผู้เฒ่าพร้อมหอบหายใจเอ่ย “ท่าน…ท่านผู้เฒ่า มีท่านอ๋องมา…มาสู่ขอขอรับ!”
ลู่อู่เผยอเปลือกตาขึ้น รอยยับย่นบนใบหน้ามากองอยู่ด้วยกัน สงสัยว่าตนฟังผิดไป
จวบจนบ่าวเฝ้าประตูพูดออกมาอีกรอบ เขาถึงได้ลุกพรวดขึ้นเปลี่ยนเสื้อผ้า ไปต้อนรับตัวแทนของจวนอ๋อง
หญิงสาวในบ้านมีมากมายเพียงนี้ ท่านอ๋องที่ไม่รู้ว่าโผล่มาจากที่ใดท่านนี้ต้องการสู่ขอใครกัน!
ลู่อู่จำต้องไปเจอเจ้าตัวถึงถามให้กระจ่างได้!
รอไปถึงหน้าประตูใหญ่ ตอนที่ต้อนรับพ่อบ้านของจวนอ๋องกับแม่สื่อที่มาสู่ขอ แม่สื่อผู้นั้นเปรมปรีดิ์จนใบหน้าราวกับมีดอกเบญจมาศบานสามดอก แสดงความยินดีกับสกุลลู่ที่มีการแต่งงานที่ดีเพียงนี้
ลู่อู่มองบุตรชายสองคนด้านข้างอย่างสงสัย พวกเขาดูเหมือนสับสนงงงวยเช่นเดียวกัน เพียงแต่ตอนที่แม่สื่อพูดว่าเป็นสุยอ๋องพระอนุชาของฮ่องเต้องค์ก่อนมาสู่ขอ เจ้ารองเผยสีหน้าปีติยินดี ถูมืออย่างดีใจ ส่วนสีหน้าของเจ้าใหญ่กลับเปลี่ยนไปคล้ายหวาดกลัวเล็กๆ
ตอนที่ลู่อู่ถามต่อว่าสุยอ๋องผู้นั้นตั้งใจสู่ขอคุณหนูคนใดของสกุลลู่ แม่สื่อยิ้มแย้มเอ่ย “หลานสาวแท้ๆ ของท่านผู้เฒ่า คุณหนูหลิ่วเหมียนถังอย่างไรเล่า! ก่อนหน้านี้สุยอ๋องเจอคุณหนูหลิ่วที่ท่าเรือ เรียกได้ว่าแลเห็นครั้งแรกก็ตกหลุมรัก! หลังสืบข่าวรู้ว่าเป็นคุณหนูของตระกูลท่านก็ตระเตรียมรถม้าสินสอดห้าคันเรียบร้อยทันที สุยอ๋องอายุกำลังดี สามสิบห้าปีเป็นช่วงที่บุรุษแข็งแรงที่สุด จวนของเขาเองก็สงบสุข เหนือขึ้นไปมีชายาเอกอยู่คนเดียว นิสัยอ่อนโยนอ่อนหวาน ช่างเอาใจใส่เป็นที่สุด ชายาเอกคลอดบุตรชายออกมาแล้ว คุณหนูของพวกท่านแต่งเข้าไปจะมีฐานะเป็นอนุสูงศักดิ์ สามารถตั้งครรภ์คลอดบุตรได้อย่างสบายใจ สามารถมีบุตรชายมาอยู่เคียงข้าง! รอท่านอ๋องขอบรรดาศักดิ์จากฝ่าบาท นั่นก็เรียกว่าเป็นชายารองตัวจริงเชียวนะ…”
ตอนที่ลู่อู่ได้ยินว่าสุยอ๋องต้องการรับตัวหลิ่วเหมียนถัง สีหน้าก็ดำทะมึนลงแล้ว
ไม่รอให้แม่สื่อพูดจาแต่งเติมดูดีจนจบ เขาก็เอ่ย “หลานสาวผู้นั้นของข้าเป็นยายหนูหัวรั้นคนหนึ่ง! ไม่เหมาะจะเข้าไปปรนนิบัติผู้สูงศักดิ์ในจวนอ๋อง ข้าผู้เฒ่าขอขอบคุณความเมตตาของสุยอ๋อง แต่เชิญทุกท่านนำหนังสือหมั้นหมายกับสินสอดกลับไปเถอะ!”
แม่สื่อผู้นั้นคาดไม่ถึงว่าท่านผู้เฒ่าอย่างลู่อู่จะปฏิเสธการแต่งงานที่สูงศักดิ์ระดับนี้อย่างไม่ลังเลทันที
สีหน้าของพ่อบ้านซึ่งมาจัดการแทนสุยอ๋องเองก็ดูไม่ค่อยดี เอ่ยอย่างหยิ่งยโสอยู่ด้านข้าง “ท่านผู้เฒ่าลู่สะเพร่าไปหรือไม่ เรื่องนี้ท่านจะต้องตรองดูให้ดีๆ สักหน่อย หากพลาดครั้งนี้ไปจะทำให้หลานสาวท่านเสียเวลาชีวิตที่เหลือได้!”
ลู่มู่เองก็ร้อนใจ เขารู้ว่าสุยอ๋องผู้นี้สูงศักดิ์กว่าเจิ้นหนานโหวมากนัก ตอนที่เจิ้นหนานโหวผู้นั้นได้ยินว่าหลิ่วเหมียนถังจากไปก็มีท่าทีใจลอย ไม่ยกเรื่องรับอนุขึ้นมาพูดก็รีบกลับไปแล้ว
ส่วนสกุลซูหลังกำหนดวันหมั้นหมายกับครอบครัวเขาเสร็จก็เดินทางกลับไปแล้วเช่นกัน ตอนนั้นเขายังแอบเสียดาย รู้สึกว่าไม่อาจช่วยหลิ่วเหมียนถังคว้าการแต่งงานสูงศักดิ์มาได้สำเร็จ
นึกไม่ถึงว่ายายหนูหลิ่วเหมียนถังจะชะตาชีวิตดีจริงๆ ครั้งนี้คนที่มาสู่ขอกลับเป็นท่านอ๋อง ซ้ำยังเป็นอ๋องราชนิกุลตัวจริงอีกด้วย!
น่าเสียดายที่บิดาแก่แล้วเลอะเลือน ปฏิเสธเรื่องนี้ไปได้อย่างไร นี่ไม่ใช่การล้างคอของพวกเขาทั้งครอบครัวรอให้คนมาตัดหรอกหรือ!
ส่วนพ่อบ้านผู้นั้นหลังพูดจบอย่างเย่อหยิ่งก็ยื่นจดหมายอีกฉบับที่สุยอ๋องเตรียมไว้แก่ท่านผู้เฒ่าลู่
“ท่านผู้เฒ่า นี่เป็นจดหมายที่สุยอ๋องเขียนให้คุณหนูหลิ่ว ท่านจะอ่านเองก่อนก็ไม่เป็นไร จากนั้นค่อยตัดสินใจอีกทีว่าจะรับปากหรือไม่ ไม่มีคำสั่งจากท่านอ๋องของพวกเรา ข้าไม่มีทางกล้ายกสินสอดกลับไป เช่นนั้นก็วางไว้หน้าบ้านสกุลลู่ของพวกท่านก่อนแล้วกัน!”
หลังพูดจบพ่อบ้านผู้นั้นสะบัดแขนเสื้อ เดินนำกลุ่มแม่สื่อออกไปจากบ้านทันที
ส่วนสินสอดห้าคันรถก็จอดวางทิ้งไว้หน้าประตูบ้านสกุลลู่ทั้งอย่างนี้
ลู่มู่เดินวนรอบสินสอดห้าคันรถอยู่หลายรอบ ก่อนย้อนกลับมาถามชายชราว่าควรทำอย่างไร
แต่ลู่อู่ไม่แม้แต่จะเหลือบมองเขา มือข้างที่ถือจดหมายฉบับนั้นกำเป็นหมัดแน่นจนสั่น
จากนั้นชายชราช้อนสายตาคมกริบขึ้นเขม้นมองบุตรชายคนโต แล้วเอ่ยเน้นกับเขาทีละคำ “ลู่เซี่ยน! ไสหัวไปที่ห้องหนังสือของข้าเดี๋ยวนี้!”
ตั้งแต่ลู่เซี่ยนได้ยินชื่อ ‘สุยอ๋อง’ ก็รู้ตัวว่าแย่แล้ว ตอนนี้เห็นบิดาเขม็งตามองก็รีบตามชายชราเข้าไปในห้องหนังสืออย่างว่าง่ายทันที
รอเข้าไปในห้องหนังสือ ท่านผู้เฒ่าลู่ขว้างจดหมายฉบับนั้นใส่หน้าบุตรชายคนโตพร้อมถามอย่างอำมหิต “เรื่องที่เขียนในจดหมายฉบับนี้เป็นความจริง?”
ลู่เซี่ยนทำใจหยิบจดหมายมาอ่านดู
สุยอ๋องทำตัวไร้คุณธรรม สาธยายเรื่องหลิ่วเหมียนถังเชื่อใจคนผิด เป็นคู่สามีภรรยาปลอมๆ กับพ่อค้าออกมาอย่างละเอียด ทั้งยังแสดงออกอย่างใจกว้างว่าคนงามถูกหลอกลวง ฝากฝังชีวิตให้ผิดคน เขาสามารถให้อภัยได้ หวังว่าคุณหนูหลิ่วอย่าได้รู้สึกผิดจนไม่ยอมฝากฝังชีวิตกับใครอีก รอเข้าไปในจวนอ๋องเขาจะไม่ถือสาหาความกับเรื่องในอดีต จะช่วยปิดบังอดีตที่ไม่น่ามองให้ นับจากนี้ไปสามารถคลอดบุตรให้เขาอย่างสบายใจ เป็นอนุสูงศักดิ์ของจวนอ๋อง ดื่มด่ำกับชีวิตหรูหรามีเกียรติ…
ส่วนเรื่องลักลอบขนย้ายเหมืองแร่กับพรรคพวกบนภูเขาหยั่งซานของลู่เซี่ยน สุยอ๋องท่านนี้ไม่ได้ยกมาพูดแม้แต่คำเดียว
แต่ว่าแค่เรื่องนี้ก็มากพอทำให้ชายชราอกระเบิดแล้ว
รอลู่เซี่ยนอ่านจดหมายเสร็จโดยไม่ได้โต้แย้ง ร่างกายของชายชราก็หงายล้มลงบนเก้าอี้ หัวใจเย็นวาบไปทั้งดวง
ดูท่าที่สุยอ๋องผู้นี้พูดจะเป็นความจริงทั้งหมด! คนเป็นลุงอย่างเขาดูแลเหมียนถังอย่างไร เหตุใดถึงปล่อยให้นางถูกบุรุษสารเลวที่ใดไม่รู้หลอกลวงจนเป็นเช่นนี้!
อีกอย่างสุยอ๋องผู้นี้มองดูแล้วใจกว้างปรารถนาดี แต่ความหมายโดยนัยคือ…หากเหมียนถังไม่ยอมรับการสู่ขอนี้ เขาจะโพนทะนาเรื่องเหมียนถังเสียตัว ทำลายชื่อเสียงและชีวิตที่เหลือของนางโดยสมบูรณ์!
เมื่อคิดถึงเรื่องน่าโมโห ชายชราทนไม่ไหวอีก ยกไม้เท้าขึ้นทุบตีลู่เซี่ยน
ลู่เซี่ยนไม่กล้าหลบเลี่ยง ได้แต่กุมศีรษะทนรับไว้
เขายิ่งไม่กล้าพูดเรื่องภูเขาหยั่งซานกับเรื่องไหวหยางอ๋อง ตอนนี้เห็นบิดาทั้งไอทั้งหอบ สภาพจะไม่ไหวอยู่แล้ว หากเขายังบอกออกไปอีกว่าหลิ่วเหมียนถังกับเขาเคยแอบสมรู้ร่วมคิดกับพวกคนที่ภูเขาหยั่งซาน และท่านอ๋องที่เตรียมสู่ขอหลิ่วเหมียนถังเป็นอนุสูงศักดิ์เยอะจนเรียงแถวได้ คาดว่าชายชราคงโมโหตายทั้งเป็น
รอหลิ่วเหมียนถังได้รับข่าวรีบมาที่ห้องหนังสือ ลู่เซี่ยนก็ถูกทุบตีจนร้องครวญครางแล้ว
นางรีบผลักประตูห้องหนังสือเข้าไปจับไม้เท้าของท่านตาไว้ “ท่านตา อย่าตีท่านลุงใหญ่อีกเลย…ข้าผิดเอง ข้าสร้างปัญหาให้กับครอบครัว”
ลู่อู่เองก็อาศัยโทสะเฮือกเดียวค้ำยันไว้ พอถูกหลิ่วเหมียนถังห้ามก็ทนไม่ไหวทรุดนั่งลงบนเก้าอี้ทันที แต่ว่าน้ำตานองหน้า ร้องไห้ไม่มีเสียงออกมานานแล้ว
หลิ่วเหมียนถังก้มหน้าคุกเข่าอยู่ตรงหน้าท่านตา สายตาตกลงบนจดหมายฉบับนั้นพอดี
ประโยคที่เขียนอยู่บนนั้นเรียกได้ว่าข่มขู่คุกคามทุกพยางค์!
หลิ่วเหมียนถังกัดริมฝีปากอย่างห้ามไม่ได้